ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 449 งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่(2)
ตอนที่ 449 งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่(2)
“ตกลง ฉันเข้าใจความหมายของเธอแล้ว เดี๋ยวฉันจะกลับไปศึกษารายละเอียดให้รอบคอบก่อน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานยอมรับฟังข้อเสนอของตัวเอง เยว่เจินจูก็รู้สึกมีความสุขมาก พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ได้ แล้วฉันจะรอฟังข่าวดีจากเธอนะ”
ทั้งสองเพิ่งคุยกันจบ หลิวเสวียข่ายก็มา เขาไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะมาที่นี่ จึงอดตะลึงเสียไม่ได้ ก่อนจะก้าวเกินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน คุณก็อยู่ด้วยเหรอ”
ฉินมู่หลานก็ตกตะลึงเหมือนกันเมื่อได้พบหลิวเสวียข่าย ตั้งแต่มู่เสวี่ยเข้ามาลงหลักปักฐานในห้างสรรพสินค้า หลิวเสวียข่ายไม่จำเป็นต้องเข้ามาดูเลยสักนิด จึงไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ในวันนี้ เธอยิ้มแล้วกล่าวทักทายเช่นกัน
ตอนแรกเธอกำลังจะกลับไปที่มหาวิทยาลัย แต่เมื่อหันหลังกลับ สายตาอันเฉียบคมก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเยว่เจินจูแดงมากจนแทบย้อมไปด้วยเลือด ในที่สุดก็ได้เข้าใจ
ที่แท้…
หลิวเสวียข่ายมาหาเยว่เจินจู เมื่อเห็นทั้งสองแบบนี้ ท่าทางระหว่างพวกเขาดูไม่ธรรมดาเลย
ใบหน้าของเยว่เจินจูเปลี่ยนเป็นสีแดง ในทางกลับกันหลิวเสวียข่ายกลับดูสบายๆ เมื่อบังเอิญได้มาพบฉินมู่หลาน เขาก็เอ่ยแนะนำอย่างเรียบง่าย “มู่หลาน ผมขอแนะนำกับคุณอีกรอบ นี่คือแฟนของผม สหายเยว่เจินจูครับ”
“คุณ…”
เยว่เจินจูคิดไม่ถึงว่าหลิวเสวียข่ายจะพูดออกมาตามตรง จึงอดหันไปจ้องมองเขาเสียไม่ได้ หลังจากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความเขินอายพลางบอกกล่าว “มู่หลาน ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดเธอนะ จริง ๆ แล้วเราเพิ่งเริ่มคบกันได้ไม่นานนี่เอง ฉันจึงยังเขินไม่กล้าบอกเธอ”
หลิวเสวียข่ายได้ยินแบบนี้ก็แกล้งทำเป็นไม่พอใจ หันไปมองเยว่เจินจูพลางพูดกับหล่อน “ผมแสดงตัวไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
หลิวเสวียข่ายเคยหย่ามาแล้ว แต่เยว่เจินจูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย หล่อนคิดว่าหลิวเสวียข่ายจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “เปล่า ไม่ใช่ คุณจะแสดงตัวไม่ได้ได้ยังไงกัน คุณไม่รู้หรอกว่ามีคนอยากแต่งงานกับคุณเยอะขนาดไหน ฉันรู้สึกเขินมาก ก็เลยยังไม่ได้บอกเรื่องของเราให้มู่หลานรู้”
เมื่อเห็นเยว่เจินจูดูกังวลนิดหน่อย หลิวเสวียข่ายจึงรีบกล่าวขึ้นทันที “เจินจู ผมรู้ ผมแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้นเอง”
“คุณ…”
เยว่เจินจูอยากจะพูดอะไรเพิ่มสักหน่อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามู่หลานยังอยู่ตรงนั้น จึงยั้งปากทันที
ฉินมู่หลานมองดูท่าทางแสนน่ารักจนหวานเลี่ยนของทั้งสองแล้วก็รีบเอ่ยขึ้น “ตอบบ่ายฉันยังมีเรียน ขอตัวกลับไปเรียนก่อนนะ”
แต่ไหน ๆ ก็ได้มาเจอกันแล้ว เธอจึงถือโอกาสเชิญพวกเขาสองคนมาร่วมกินเลี้ยงด้วย “ครอบครัวฉันจะย้ายเข้าบ้านใหม่กันวันที่ยี่สิบสองนี้ ถ้าพวกคุณว่าง ก็มาร่วมงานเลี้ยงได้นะคะ”
หลิวเสวียข่ายตอบรับทันที “ได้ครับ ผมกับเจินจูจะไปแน่นอน”
“ได้ จะรอพวกคุณนะ”
ฉินมู่หลานกล่าวลาทั้งสองแล้วก็รีบกลับไปเรียนทันที หลังจากเรียนคาบบ่ายเสร็จก็พาเซี่ยปิงหรุ่ยกลับไปที่บ้านตระกูลเจี่ยง
เซี่ยปิงหรุ่ยเพิ่งมากินข้าวที่บ้านตระกูลเจี่ยงเมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงคุ้นเคยกับการกินอาหารที่นี่แล้ว เมื่อนึกถึงว่าฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ กำลังจะย้ายออกในเร็ววันนี้ ก็รู้สึกลังเลที่จะยอมให้ไป “มู่หลาน หลังจากพวกเธอย้ายออก ที่นี่ต้องร้างแน่เลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มแล้วเอ่ยไม่ได้ “อีกไม่นานพ่อบุญธรรมกับปิงชิงจะแต่งงานกันแล้ว จะให้พวกเราอยู่ที่นี่ด้วยตลอดก็คงไม่เหมาะ นอกจากนี้เราก็ไม่ได้อยู่ห่างกันขนาดนั้นสักหน่อย ทุกคนมาเจอกันได้เป็นครั้งคราว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ก็จริง คุณปู่ฉันกำลังเร่งเร้าให้ปิงชิงรีบแต่งงาน”
ฉินมู่หลานหวังว่าพ่อบุญธรรมจะได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้ จึงรู้สึกว่าการเร่งเร้าของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนซุ่นช่างดีเหลือเกิน
และเมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยพูดถึงคุณปู่ของตัวเอง ก็อดคิดถึงเรื่องหนึ่งเสียไม่ได้
“จริงสิมู่หลาน ฉันบอกที่บ้านว่าพวกเธอกำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ คุณปู่จึงบอกว่าจะให้คนส่งของขวัญขึ้นบ้านใหม่มาให้ ไม่รู้ว่าคืออะไร”
“ขอบคุณผู้อาวุโสมากเลย”
จนกระทั่งถึงวันที่ยี่สิบเอ็ดกันยายนตามปฏิทินการเกษตร ซึ่งตรงกับวันที่ยี่สิบสองตุลาคมตามปฏิทินจีน ฉินมู่หลานก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่แล้ว ทางเข้าตรงลานบ้านเต็มไปด้วยประทัด แขกที่เชิญก็ทยอยมากันทีละคน
“มู่หลาน ยินดีด้วย ยินดีด้วย”
เสิ่นหรูฮวนมาเร็วมาก ทันทีที่เห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็รีบยกยิ้มแล้วเดินตรงมาข้างหน้า
ฉินมู่หลานเห็นเสิ่นหรูฮวนท้องใหญ่มาก จึงรีบบอกให้หล่อนเข้าไปนั่งทันที “หรูฮวน เธอรีบเข้าไปนั่งเถอะ จะได้ไม่เหนื่อย”
เสิ่นหรูฮวนได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพูดอย่างอดไม่ได้ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาบอบบางอีกแล้วนะ ผู้หญิงท้องคนอื่นพอท้องใหญ่แล้วก็ยังต้องทำงานอยู่เลย ไม่เหมือนฉันที่ได้พักผ่อนอยู่บ้าน”
“ใส่ใจเอาไว้ย่อมเป็นการดีมากกว่านะ”
ถงทิงผิงเห็นด้วยกับคำพูดของฉินมู่หลาน หลังจากทักทายมู่หลานแล้ว ก็ชวนซูหว่านอี๋กับพวกเหยาจิ้งจือคุยกันอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็พาลูกสาวเข้าไปนั่งข้างใน
“จิ้งจือ มู่หลาน ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วยนะ”
นายท่านเหยารู้สึกว่าไม่ได้เจอหน้าลูกสาวกับหลานสะใภ้มานานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้เจอพวกเขา จึงอดพูดไม่ได้ “พวกลูกแต่ละคนคงยุ่งกันมาก ไม่ได้กลับบ้านไปเจอพวกเราสองคนเลย”
หากไม่ใช่เพราะมีครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยอยู่ด้วย พวกเขาคงรู้สึกเหงามาก
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นจากข้าง ๆ ทันที “พ่อคะ งั้นช่วงสองวันนี้ฉันกับเหวินปิงจะกลับไปที่บ้าน อยู่ค้างตั้งสองสามวัน จะได้อยู่เป็นเพื่อนพวกพ่อกับแม่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็รีบพูดขึ้น “ลูกพูดแล้ว ห้ามกลับคำนะ”
เหยาจิ้งจือรีบพยักหน้าแล้วกล่าว “แน่นอนค่ะ เดี๋ยวพวกเราไป”
แม้คุณนายเหยาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นลูกสาวบอกแบบนี้ แววตาก็เต็มไปด้วยความสุข
หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองฉินมู่หลานด้วยความอิจฉา ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน บ้านใหม่ของพวกเธอสวยมากจริง ๆ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ ถ้าพวกพี่ชอบก็มาค้างได้บ่อย ๆ นะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก บ้านคุณตากับคุณยายก็ดีมากแล้ว” หล่อนเพียงแค่รู้สึกอิจฉาพวกฉินมู่หลานที่มีบ้านเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่ไม่นานก็คิดว่าในอีกไม่ช้าพวกเขาก็จะต้องมีบ้านเป็นชื่อของตัวเองเหมือนกัน จึงรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉาแล้ว
หลังจากพวกนายท่านเหยาเข้าไปแล้ว คนตระกูลเซี่ยก็มา
เพียงแต่สองพี่น้องเซี่ยฉางชิงกับเซี่ยฉางหมิงเดินนำมาเป็นพวกแรก ข้างหลังตามมาด้วยว่านจี้อวิ๋น เซี่ยอวี๋เซิง เริ่นม่านนีและคนอื่น ๆ ส่วนนายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยไม่ได้มา
“มู่หลาน คุณปู่กับคุณย่าของลูกติดธุระ ก็เลยไม่ได้มา”
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นเพียงข้อแก้ตัว เซี่ยฉางชิงจึงรู้สึกอายนิดหน่อย
แต่ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจเลย เธอยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะเชิญครอบครัวมากินข้าวด้วยกัน คุณพ่อ คุณลุงคุณป้า เชิญเข้าข้างในเลยค่ะ”
เซี่ยอวี๋เซิงกับเริ่นม่านนีก็รีบเข้าไปทันที
หลังจากนั้นพวกเพื่อนร่วมห้องของฉินมู่หลานก็มาด้วย เหมาชุนเถาพาลูกชายมา เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับเกาซุนชิวมาด้วยกัน ส่วนสือหยวนฝูมาคนเดียว
“พวกเธอมากันแล้ว รีบเข้าข้างในเลย”
ตอนแรกฉินมู่หลานว่าจะเข้าไปด้วย แต่ครอบครัวของคุณลุงฉินมาถึงแล้ว เธอจึงต้องยืนยิ้มแล้วทักทายพวกเขาอีกครั้ง “ลุง มากันแล้วเหรอคะ เชิญด้านในเลยค่ะ”
“ได้ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ลุงฉินยิ้มแล้วพยักหน้า ซุนฮุ่ยหงเปิดปากขึ้น แต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างเงียบ ๆ
ฉินมู่หลานเห็นป้าสะใภ้เงียบไป จึงรู้สึกมีความสุข ตอนแรกเธอคิดว่าแขกมากันครบทุกคนแล้ว จึงเตรียมจะเดินเข้าไปข้างใน แต่ภายในชั่วพริบตาก็เห็นร่างแสนคุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่
“คุณ…กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่จ้องมองฉินมู่หลานด้วยแววตาเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะรีบก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “เพิ่งกลับมาน่ะ ผมไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สองผู้เฒ่าบ้านเซี่ยไม่มาก็ดีแล้วค่ะ ไม่งั้นงานกร่อย
พี่หลี่กลับมาทันเวลาพอดีเลย
ไหหม่า(海馬)