ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 454 โชคดีที่ไม่เป็นไร(1)
ตอนที่ 454 โชคดีที่ไม่เป็นไร(1)
หลังจากคุณนายฟู่จากไป เสิ่นหรูฮวนก็มีสีหน้าเศร้าสลดนิดหน่อย
“แต่ไหนแต่ไรมาพ่อแม่ซวี่ตงก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว พอตอนนี้ใกล้คลอดจะให้ฉันไปอยู่ด้วย แล้วก่อนหน้านี้พวกเขามัวทำอะไรกันอยู่”
ถงทิงผิงได้แต่รู้สึกโมโห
“นี่มันเกินไปแล้ว หล่อนกล้าพูดได้ยังไงว่าหรูฮวนของเราแต่งงานออกเรือนไปแล้วแต่ยังทำตัวเหมือนไม่ได้แต่ง ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองคิดล่ะว่ามันเป็นเพราะอะไร ถ้าพ่อแม่ซวี่ตงทำอะไรสักอย่าง ฉันก็คงไม่ต้องพาหรูฮวนกลับมาอยู่บ้านหรอก หรือว่าอยากให้ตระกูลของเราเป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างนั้นใช่ไหม”
เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกถงทิงผิงและเสิ่นหรูฮวนโกรธมาก ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยเกลี้ยกล่อม “น้าถง หรูฮวน อย่าโมโหไปเลยค่ะ ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของซวี่ตงจะทำตัวไม่ชัดเจนไปหน่อย แต่ซวี่ตงยังทำตัวดีอยู่ แค่อย่าไปฟังคำพูดหล่อนก็พอ จะได้ไม่ทำให้ตัวเองโมโห ตอนนี้หรูฮวนจะโมโหไม่ได้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถงทิงผิงก็ได้สติกลับมา รีบหันมองลูกสาวแล้วกล่าวขึ้น “ใช่แล้วหรูฮวน ตอนนี้ลูกโกรธไม่ได้นะ ใกล้จะคลอดแล้ว ต้องทำตัวให้ผ่อนคลาย”
เสิ่นหรูฮวนเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “แม่ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าสีหน้าของพวกหล่อนดูผ่อนคลายแล้วก็หายห่วง เธออยู่คุยต่ออีกสักพัก จากนั้นจึงกลับไป
จนกระทั่งกลับไปมหาวิทยาลัยในวันจันทร์ ฉินมู่หลานยังไม่ได้เข้าเรียน ก็เห็นเหมาชุนเถาวิ่งมาหาเธอด้วยสีหน้าแดงก่ำ “มู่หลาน เธอมาแล้ว ฉันกำลังจะบอกข่าวดีให้เธอฟังอยู่พอดีเลย”
เมื่อเห็นเหมาชุนเถาดูตื่นเต้นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้ “ต้นฉบับของเธอได้รับคัดเลือกแล้วเหรอ?”
เหมาชุนเถาไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะคาดเดาได้ หล่อนจึงรีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้วมู่หลาน ฉันดีใจมากเลย ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะ ต่อไปฉันจะได้มีรายได้แล้ว”
มันเป็นการเริ่มต้นที่ดี ทำให้ชีวิตข้างหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความหวัง ต่อไปหล่อนกับลูกชายต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วไง ว่าจะได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง แต่นี่ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วนะ เธอรีบกลับเข้าห้องเรียนเถอะ”
เหมาชุนเถาก็รู้ว่าใกล้เข้าเรียนแล้ว จึงเอ่ยถามขณะยังมีเวลาเหลือ “มู่หลาน ตอนเที่ยงเธอกับปิงหรุ่ยจะกลับไปที่หอพักไหม?”
“กลับสิ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เจอกันตอนเที่ยงนะ”
“ได้”
เมื่อเหมาชุนเถาไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ตรงไปที่ห้องเรียน เซี่ยปิงหรุ่ยได้จองที่เอาไว้ให้เธอแล้ว เมื่อเห็นเธอมา ก็รีบโบกมือให้ทันที
หลังจากฉินมู่หลานนั่งลงแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรดี ๆ เหรอ ทำไมเธอยิ้มดีใจขนาดนี้”
“นับว่าเป็นเรื่องดี เดี๋ยวตอนเที่ยงพวกเรากลับไปที่หอพักก็จะรู้กัน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดไม่ค่อยชัดเจน เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดปรายตามองไม่ได้ ก่อนจะพูดกับเธอ “เธอทำอย่างนี้อยากจะให้คนอกแตกตายเหรอ”
“เรื่องนี้ฉันก็อยากให้ชุนเถาเป็นคนเล่าเองนี่นา”
ฉินมู่หลานพูดอย่างขบขัน จากนั้นก็หันมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วเอ่ยถาม “สุดสัปดาห์นี้อยากไปบ้านตระกูลเจี่ยงด้วยกันไหม พวกเราจะได้ไปเยี่ยมปิงชิงกัน”
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยดูลังเลที่จะตอบนิดหน่อย
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้น?”
“สุดสัปดาห์นี้ปิงชิงจะย้ายออก เพราะฉะนั้นสุดสัปดาห์นี้ต้องไปช่วยย้ายของที่บ้านตระกูลเจี่ยงกันจริง ๆ นั่นแหละ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ตกใจไปหมด เธอเอ่ยถามด้วยความกังวล “ทำไมล่ะ หรือว่าพ่อบุญธรรมกับปิงชิงทะเลาะกัน?”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็รีบเอ่ย “ไม่ใช่ ๆ เธออย่าเพิ่งคิดมากสิ เป็นเพราะแม่ฉันติดต่อมาหา บอกว่าให้ปิงชิงย้ายออก เพราะปิงชิงกับพ่อบุญธรรมของเธอเพิ่งหมั้นกัน ยังไม่ได้แต่ง แม่ก็เลยคิดว่าถ้าทั้งสองอยู่บ้านเดียวกันคงดูไม่ดีนัก เมื่อก่อนเป็นเพราะครอบครัวของเธออยู่ด้วยจึงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พวกเธอย้ายออกไปแล้ว ปิงชิงอยู่คนเดียวคงดูไม่ดี”
ฉินมู่หลานคิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้
“แล้วปิงชิงจะย้ายไปอยู่ที่ไหน?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดเบะปากเสียไม่ได้ พลางบอกกล่าว “ข้างบ้าน”
“ข้างบ้าน?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจ “แต่ฉันจำได้ว่าข้างบ้านมีคนอยู่นะ”
“มีคนอยู่น่ะใช่ แต่ว่าเสนอราคาสูงมาก เลยตัดสินใจซื้อเรียบร้อย ปิงชิงก็เลยจะย้ายเข้าไปอยู่ข้างบ้าน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็โล่งใจ แค่ย้ายไปอยู่แค่ข้างบ้านก็ยังดี “ถ้าอย่างนั้น สุดสัปดาห์นี้ฉันจะไปช่วยย้ายบ้าน”
“ได้เลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
จนกระทั่งการเรียนในช่วงเช้าจบลง ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปทานข้าวที่โรงอาหาร ตากนั้นก็กลับไปที่หอพัก
เมื่อทั้งสองมาถึงหอพัก พวกเหมาชุนเถากับคนอื่น ๆ ก็มาถึงกันหมดแล้ว
เซี่ยปิงหรุ่ยมองเหมาชุนเถา ก่อนจะอดถามไม่ได้ “ชุนเถา มีเรื่องดีอะไรเหรอ ทำไมเธอไม่เห็นบอกฉันเลย บอกแต่มู่หลาน ฉันอยากรู้มาตั้งแต่เช้าแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นก็พากันหันมองเหมาชุนเถา
เหมาชุนเถาเห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า จึงรีบประกาศทันที “พอดีมีข่าวดีมากน่ะ ฉันส่งบทความต้นฉบับหนังสือพิมพ์แล้วก็ได้รับการคัดเลือก ต่อไปฉันจะได้รับค่าลิขสิทธิ์แล้ว ชีวิตของฉันกับจี๋เซียงกำลังจะดีขึ้น”
คนอื่นๆ ไม่ทราบเรื่องนี้ เมื่อได้ยินเหมาชุนเถาบอก ทุกคนจึงหันไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถาม “จริงเหรอชุนเถา เธอได้รับค่าลิขสิทธิ์แล้วเหรอ”
เหมาชุนเถาพยักหน้าอย่างมีความสุขแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้ค่าลิขสิทธิ์ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะมู่หลานเสนอวิธีนี้ให้ ฉันอาจกำลังกังวลว่าต้องหาเงินยังไงดี”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วกล่าว “เป็นเพราะเธอเก่งด้วย เขียนได้ดี ไม่อย่างนั้นต่อให้ฉันเสนอวิธีให้ก็คงเปล่าประโยชน์”
“ไม่ว่ายังไง ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณเธอ”
คนอื่นๆ ต่างหันมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย พลางเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอไปได้วิธีให้ชุนเถาส่งบทความได้ยังไงกัน?”
“เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉันยังไม่มีเงิน ก็หาเงินได้จากการรับค่าลิขสิทธิ์นี่แหละ”
ทุกคนต่างอยากรู้ว่าฉินมู่หลานเคยเขียนบทความอะไรมากก่อน ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าถึงงานที่เคยเขียนให้ฟังทันที
ในตอนนี้เองสือหยวนฝูก็ถามด้วยความสงสัย “มู่หลาน แล้วเธอใช้นามปากกาว่าอะไรเหรอ?”
“คุณมู่”
“อะไรนะ…”
ตอนนี้ถึงคราวที่สือหยวนฝูต้องประหลาดใจเข้าแล้ว หล่อนมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อก่อนจะเอ่ยถาม “เธอ…เธอคือคุณมู่เหรอ?”
แม้แต่เกาซุนชิวก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความประหลาดใจพลางพูดขึ้น “เธอคือคุณมู่จริงเหรอ”
ฉินมู่หลานมองพวกเขาด้วยความสงัสย ก่อนจะเอ่ยถาม “หรือว่าพวกเธอเคยอ่านบทความของฉันแล้ว?”
หลังจากสือหยวนฝูเอาชนะความประหลาดใจในตอนแรกได้แล้ว ก็รีบก้าวเข้ามาข้างหน้า มองฉินมู่หลานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกเหลือเชื่ออยู่นิดหน่อย “เธอเป็นคุณมู่ได้ยังไงเนี่ย นี่มันแตกต่างจากที่ฉันจินตนาการเอาไว้เยอะเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ได้แต่คิดว่ามันตลก
“แล้วคุณมู่ในจินตนาการของเธอต้องเป็นยังไงเหรอ”
สือหยวนฝูกล่าวตามตรงอย่างไม่ต้องนึกคิด “คุณมู่ควรจะเป็นชายชราอายุปรระมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี แต่กลับกลายเป็นหญิงสาวอายุน้อยอย่างเธอได้ยังไง ไม่เหมือนที่คิดเลย”
แม้แต่เกาซุนชิวก็ยังเปิดปากเอ่ย “ใช่แล้ว งานเขียนของคุณมู่ลึกซึ้งมาก บางคำก็ดูเผ็ดร้อน เขาจึงควรเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก ไม่คิดเลยว่าคุณมู่จะเป็นมู่หลาน”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โชคดีที่ซวี่ตงยังเป็นคนดีใช้ได้อยู่ ไม่งั้นแต่งเข้าตระกูลไปก็นรกดีๆ นี่เอง
อึ้งล่ะสิทุกคนที่รู้ว่าคุณมู่ที่แท้จริงคือมู่หลาน
ไหหม่า(海馬)