ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 455 โชคดีที่ไม่เป็นไร(2)
ตอนที่ 455 โชคดีที่ไม่เป็นไร(2)
เฉินเซี่ยวอวิ๋นไม่รู้จักคุณมู่ แต่พอได้ยินสือหยวนฝูและเกาซุนชิวพูด ก็ทราบได้ว่าบทความที่ฉินมู่หลานเคยเขียนต้องทรงพลังมาก มิฉะนั้นพวกหล่อนคงไม่จิตนาการเอาไว้สูงขนาดนี้
อันที่จริงเหมาชุนเถาก็ไม่รู้จักคุณมู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้หล่อนไม่มีเงินมากพอจะซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน แต่พอทราบแล้ว จึงสงสัยมากว่าบทความที่มู่หลานเคยเขียนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดยิ้มแล้วเอ่ยไม่ได้ “ชุนเถา ตอนนี้เธอก็มีงานเขียนของตัวเองแล้ว ไม่ต้องดูของฉันหรอก”
ตอนนี้เธอรู้สึกเขินอายนิดหน่อย ไม่คิดว่าเพื่อนร่วมห้องจะเคยอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน เอาจริง ๆ เธอก็ไม่ได้เขียนต้นฉบับมานานแล้ว
แต่สือหยวนฝูก็ยังมีอีกหนึ่งคำถาม
“มู่หลาน แล้วทำไมเธอไม่เขียนต่อล่ะ”
“ฉันมีงานเยอะมาก ก็เลยไม่ค่อยว่างเขียน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สือหยวนฝูก็ได้แต่รู้สึกเสียดาย “ถ้าอย่างนั้นต่อไปถ้าเธอมีเวลาว่างก็เขียนต่อนะ”
เกาซุนชิวก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ เธอเขียนดีมาก อย่าปล่อยให้สูญเปล่าเลย”
เมื่อเห็นทั้งสองพูดเยินยอตัวเอง ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะเขียนตอนที่มีเวลาว่างนะ”
เหมาชุนเถามองฉินมู่หลานด้วยแววตาเปล่งประกาย หล่อนตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เอาไว้แล้ว นั่นคือการเรียนรู้จากมู่หลานว่าจะต้องเขียนให้ดี ให้ทุกคนได้อ่านบทความของตนมากขึ้น
เพียงแต่วันนี้หล่อนบอกเรื่องนี้ก็เพราะอยากจะชวนทุกคนไปฉลอง
“ในที่สุดฉันก็หาเงินได้แล้วจากการได้รับค่าลิขสิทธิ์มาครั้งแรก เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจะเลี้ยงมื้อเย็นทุกคนเอง”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็รีบเอ่ย “ชุนเถา ก่อนหน้านี้เธอก็เคยเลี้ยงพวกเราแล้วไม่ใช่เหรอ งั้นไม่ต้องเลี้ยงแล้วล่ะ”
สือหยวนฝูก็พูดเหมือนกัน “ใช่แล้ว แค่ซื้อของอร่อยให้จี๋เซียงน้อยกินเยอะ ๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องเลี้ยงพวกเราหรอก”
ฉินมู่หลานก็คิดแบบเดียวกัน ถึงแม้เหมาชุนเถาจะได้รับค่าลิขสิทธิ์แล้ว แต่ช่วงแรกรายได้ยังน้อยมาก ชีวิตของพวกเธอสองแม่ลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลอง
แต่เธอก็กลัวว่าเหมาชุนเถาจะคิดมาก จึงรีบพูดขึ้น “ชุนเถา ตอนเย็นฉันมีธุระ ก็เลยไปกินข้าวด้วยไม่ได้ เธอเพิ่งได้รับค่าลิขสิทธิ์มาก็ควรซื้ออะไรให้จี๋เซียงน้อยกินก่อน เอาไว้รอเธอได้รับค่าลิขสิทธิ์เยอะ ๆ ก่อน ก็ยังไม่สายที่จะเลี้ยงข้าวพวกเรา”
เหมาชุนเถาก็เข้าใจเจตนาดีของทุกคน จึงไม่เซ้าซี้อีกต่อไป แล้ววางแผนว่าเมื่อกลับไปในตอนเย็น จะซื้อของอร่อยให้ลูกชายกิน
ในตอนเที่ยง ทุกคนรวมตัวกันพูดคุยอยู่ในหอพัก จนกระทั่งถึงเวลาเรียนในช่วงบ่าย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียน
หลังจากเรียนจบจนถึงสุดสัปดาห์ ฉินมู่หลานก็พาฉินเคอวั่งไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงด้วยกัน
เจี่ยงสือเหิงเห็นพวกเขาสองพี่น้อง แววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน เคอวั่ง พวกลูกมาทำอะไรกันเหรอ”
“พ่อคะ พวกเรามาช่วยปิงชิงขนของค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็อดยิ้มไม่ได้ พลางกล่าวขึ้น “ลูกรู้หมดแล้ว แต่ว่าพวกลูกนั่งพักกันให้สบายเถอะ ลุงเจี่ยงให้คนไปช่วยขนของแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันไปมองข้างนอก ก่อนจะพบว่ามีคนขนของมาเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนั้นเอง เซี่ยปิงหรุ่ยก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นมู่หลาน สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน พวกเธอมากันแล้วเหรอ ฉันคิดว่าตัวเองมาเร็วแล้วนะ”
“พี่บอกว่าจะมาตอนเจ็ดโมงเช้า แต่นี่แปดโมงแล้ว ก็ไม่แปลกที่พี่จะช้ากว่าพวกมู่หลาน” เซี่ยปิงชิงกำลังถือกระเป๋าใบเล็ก เมื่อมาถึงแล้วได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงหรุ่ย ก็หันไปมองหล่อน
ตอนแรกเซี่ยปิงหรุ่ยจะคุยกับเซี่ยปิงชิงสักหน่อย ไม่คิดว่าลุงเจี่ยงจะรีบร้อนเดินเข้ามา เมื่อเห็นฉินมู่หลานก็รีบบอกกล่าวทันที “คุณหนูน้อย มีคนตระกูลเสิ่นมาหาครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของมู่หลานก็ดูสงสัย “ใครมาเหรอคะ?”
ยังไม่ทันที่ลุงเจี่ยงจะได้ตอบ เสิ่นหรูฮุ่ยก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล เมื่อเห็นฉินมู่หลานเขาก็รีบพูดขึ้น “มู่หลาน น้องสาวผมใกล้จะคลอดแล้ว สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย คุณช่วยไปดูหน่อยได้ไหมครับ”
“อะไรนะ…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบลุกขึ้นยืนทันที แม้แต่เจี่ยงสือเหิงก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นลูกรีบไปดูเถอะ”
ฉินมู่หลานรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปทันที ฉินเคอวั่งมองพี่สาว คิดอยากจะตามไปแต่ก็คิดว่าตัวเองคงไม่ได้ช่วยอะไร
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยรีบตามเธอไปทันที แม้แต่เซี่ยปิงชิงก็วิ่งออกไปตามกัน และก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกเจี่ยงสือเหิง “เจี่ยงสือเหิง ฉันก็จะไปดูหน่อยนะ”
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมาถึงโรงพยาบาล ก็รีบตรงไปที่ห้องคลอดทันที
ถงทิงผิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่เห็นฉินมู่หลานมาแล้ว จึงรีบก้าวเข้ามาหาแล้วบอกกล่าวทันที “มู่หลาน ในที่สุดเธอก็มาแล้ว หรูฮวนเข้าไปในห้องคลอดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะคลอดได้อย่าราบรื่นไหม”
ฉินมู่หลานรีบมา จึงอยากถามว่าเกิดเรือ่งอะไรขึ้น แต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องนี้ เธอรีบไปขอพบหมอหลี่ จากนั้นก็เข้าไปในห้องคลอด
หลังจากฉินมู่หลานเข้าไปในห้องคลอดแล้ว ก็พบว่าอาการของหรูฮวนไม่ค่อยดีนัก “หรูฮวน ตอนแรกเธอรู้สึกยังไง”
เสิ่นหรูฮวนที่กำลังงุนงงเห็นฉินมู่หลานเข้ามาหา จึงได้แต่รู้สึกว่าจิตใจสึกสงบลง
“มู่หลาน เธอมาแล้ว ฉัน…ฉันรู้สึกว่าเจ็บมาก”
“ไม่เป็นไรนะ เธอแค่ต้องช่วยกันหน่อย”
“อื้ม…”
เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หมอที่กำลังทำคลอดเห็นแบบนี้ก็จ้องมองฉินมู่หลานมากขึ้น ไม่คิดว่าพอเธอเข้ามาแล้ว อาการของคุณแม่จะเริ่มดีขึ้นนิดหน่อย จึงรีบพูดทันที “ดีค่ะ แบบนี้แหละ หายใจเข้าลึก ๆ”
เสิ่นหรูฮวนได้ยินแบบนี้ก็รีบทำตามทันที
ฉินมู่หลานก็จับข้อมือของเสิ่นหรูฮวนแล้วตรวจชีพจรให้หล่อน หลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว ตอนแรกเสิ่นหรูฮวนไม่ได้มีภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด แต่เป็นเพราะแรงกระทบจากภายนอก จึงส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด โชคดีที่อายุครรภ์มากพอเกือบครบเดือนแล้ว การคลอดตอนนี้จึงไม่เป็นอะไรมากนัก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินมู่หลานก็รีบเข้าไปข้างๆ เพื่อช่วย ทั้งฝังเข็ม ทั้งให้ยาเสิ่นหรูฮวน เพื่อให้มีแรงพอจะเบ่งคลอดลูก
ตอนแรกหมอเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังดำเนินการ จึงอยากจะหยุด แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของผู้เป็นแม่ค่อนข้างมีเลือดฝาด สุดท้ายจึงไม่พูดอะไรมาก และในตอนนั้นเอง ก็มองเห็นศีรษะของเด็กแล้ว “ดีมาก เห็นหัวเด็กแล้ว ต่อไปเธอทำตามที่ฉันบอกนะ”
“อื้ม”
เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าหนักแน่น จากนั้นก็พยายามร่วมมือกับหมอ จนกระทั่งเด็กคลอดออกมา หล่อนก็นอนนิ่งราวกับหมดแรงในท้ายที่สุด
ฉินมู่หลานทราบว่าหล่อนหมดแรง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จึงรีบเข้าไปดูเด็ก
“อุแว้…อุแว้…”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลูกหรูฮวนคลอดแล้ว ผู้ชายหรือผู้หญิงนะ?
เข้าห้องคลอดมาชิวๆ แบบนี้แสดงว่าผ่านการฆ่าเชื้ออะไรหมดแล้วใช่ไหมเนี่ยมู่หลาน
ไหหม่า(海馬)