ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 460 มีเจตนา(1)
ตอนที่ 460 มีเจตนา(1)
เมื่อเห็นฟู่ซวี่ตงพูดอย่างแน่วแน่ ฉินมู่หลานกับซูหว่านอี๋จึงทราบว่าเขาพูดจริง ทั้งสองจึงไม่เอ่ยถามให้มากความอีก
ฟู่ซวี่ตงนั่งอยู่อีกสักพักก็กลับไป
หลังจากฟู่ซวี่ตงไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็อดถอนหายใจไม่ได้ กล่าวขึ้น “ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าพ่อแม่ของซวี่ตงคิดอะไรอยู่ ซวี่ตงเป็นลูกชายคนโต แถมนิสัยก็ดีมากด้วย แต่กลายเป็นว่าพวกเขากลับไม่ชอบ แล้วยังพาลไม่ชอบหรูฮวนไปด้วยอีก ครั้งนี้ก็ทำให้หรูฮวนคลอดก่อนกำหนด เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาอยากผลักไสซวี่ตงกับภรรยาเต็มแก่แล้ว”
“ช่วยไม่ได้ สิบนิ้วยาวไม่เท่ากัน พอเข้าใจแหละว่าตระกูลฟู่ชอบลูกชายคนเล็ก แต่พวกเขาทำเกินไป ครั้งนี้ยังบีบให้ซวี่ตงออกจากตระกูลฟู่อีก”
สองแม่ลูกถอนหายใจ แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็ได้ทราบว่าซวี่ตงยังไม่ตัดสัมพันธ์กับตระกูลฟู่เสียทีเดียว เป็นเพราะผู้อาวุโสฟู่ห้ามปรามเอาไว้ก่อน
ฉินมู่หลานทราบเรื่องนี้ตอนที่ไปเยี่ยมเสิ่นหรูฮวน
“จริง ๆ ครั้งนี้ซวี่ตงตั้งใจแน่วแน่มาก ฉันเองก็เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว เพราะการออกจากตระกูลฟู่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย อีกอย่างฉันก็คลอดได้อย่างราบรื่น เลยไม่คิดว่าเขาต้องทำแบบนั้น แต่ซวี่ตงกับพ่อแม่เขายังทะเลาะวิวาทเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากันอยู่ สุดท้ายคุณปู่ก็ห้ามเขาเอาไว้ สองคนปู่หลานพูดคุยกันในห้องทำงานตลอดช่วงบ่ายเลย สุดท้ายซวี่ตงก็เลยยอมล้มเลิกความคิดนี้ แต่ย้ายของทั้งหมดมาไว้ที่บ้านของพวกเราแทน พอกลับมาแล้วก็ไม่มีความคิดจะกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่อีก”
หลังจากพูดจบ เสิ่นหรูฮวนก็ถอนหายใจ แล้วกล่าว “จริง ๆ ฉันก็ไม่อยากเห็นซวี่ตงต้องมาทนเครียดกับครอบครัวแบบนี้ แต่ว่า…”
พูดถึงแม่สามีตัวเองขึ้นมา เสิ่นหรูฮวนก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน
“จริง ๆ ฉันไม่คิดว่าน้องสามีจะดีขนาดนั้นหรอก ฉันรู้สึกว่าซวี่ตงของเราดีกว่าเยอะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพ่อแม่เขาคิดยังไงถึงชอบลูกคนเล็กมากขนาดนั้นและไม่ชอบซวี่ตงที่เป็นลูกชายคนโต”
เมื่อได้ยินเสิ่นหรูฮวนเยินยอฟู่ซวี่ตง ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ใช่ๆๆ ซวี่ตงของพวกเธอดีที่สุด แต่ชอบไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะนั่นมันความคิดคนอื่นเขา แต่จะว่าไปซวี่ตงอยู่บ้านเธอก็ดีแล้ว เธอจะได้อยู่บ้านตลอด สบายจะตาย”
แต่หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็ถามด้วยความสงสัย
“พี่ชายเธอมีแฟนหรือยัง?”
หากเสิ่นหรูฮุ่ยยังไม่มีแฟน เสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงจะอยู่ที่บ้านนี้ด้วยกันก็ไม่มีปัญหา แต่หากเสิ่นหรูฮุ่ยมีแฟนแล้ว หลังจากนี้เขาก็จะต้องแต่งงาน และพี่สะใภ้ที่แต่งงานแล้วก็จะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านสามี เกรงว่าต่อไปอาจโดนพี่สะใภ้ดูถูกเอาได้
เสิ่นหรูฮวนก็เข้าใจในความหมายของฉินมู่หลาน จึงยิ้มแล้วบอกกล่าว “วางใจเถอะมู่หลาน ถ้าพี่ชายฉันจะแต่งงานจริง ฉันกับซวี่ตงจะย้ายออกไปแน่นอน จะไม่ทนให้พี่กับพี่สะใภ้ลำบากใจหรอก”
“ลำบากใจอะไรเหรอ?”
ถงทิงผิงเพิ่งเดินเอาของว่างเข้ามาให้ จึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
เสิ่นหรูฮวนยิ้มแล้วเล่าถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกันไป หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ดูเหมือนว่าพวกเราต้องหาซื้อบ้านเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วค่ะ ต่อไปถ้าต้องย้ายออกก็จะได้สะดวก”
ถงทิงผิงได้ยินลูกสาวพูดก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“ลูกสาวแม่จะอยู่ที่บ้านก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แม่จะรอดูว่าใครจะกล้าพูดแบบนั้น หากแฟนของพี่ชายลูกคิดจะพูดแบบนั้นจริง หึ…จะให้พี่ชายลูกเลิกกับหล่อนทันทีเลย ตระกูลเสิ่นของเราไม่ต้องการลูกสะใภ้แบบนั้น”
สีหน้าของเสิ่นหรูฮวนดูซาบซึ้งหลังจากได้ยินแบบนี้ “แม่ แม่ใจดีกับหนูที่สุดเลย”
แต่สุดท้ายแล้ว เสิ่นหรูฮวนก็อดพูดไม่ได้ “แต่แม่คะ แม่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ หากว่าแม่ทำแบบนั้น คนอื่นจะต้องว่าแม่เป็นแม่สามีที่ใจร้ายแน่นอน ซวี่ตงมีเงินเก็บอยู่บางส่วน ถึงเวลาหนูกับเขาจะไปดูว่ามีบ้านที่เหมาะอยู่แถว ๆ นี้บ้างไหม พวกเราอยากจะอยู่ใกล้กับพวกพ่อแม่ ก็เลยว่าจะซื้อบ้านแถวนี้กันค่ะ”
ถงทิงผิงอยากจะพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่ฉินมู่หลานก็ชิงเปิดปากขึ้นก่อน
“หรูฮวนพูดถูกค่ะ พอซื้อบ้านแล้วก็จะได้มีบ้านเป็นของตัวเอง นับเป็นเรื่องดีค่ะ”
ต่อไปบ้านในปักกิ่งจะมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นหากซื้อตอนนี้จะคุ้มค่ากว่า
ถงทิงผิงเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น จึงไม่พูดอะไรอีก “ถ้าอย่างนั้นพวกลูกสองคนก็ไปคุยกันเองก่อน ถึงเวลาจะซื้อบ้าน แม่จะบอกให้พ่อของลูกช่วยออกเพิ่มให้อีกหน่อย”
เสิ่นหรูฮวนได้ยินแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะกล่าว “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณพ่อกับแม่แล้ว”
ฉินมู่หลานนั่งอยู่สักพักแล้วกลับไป แต่สิ่งที่เธอไม่ทันคาดคิดก็คือ พอเพิ่งกลับมาถึงก็เห็นเซี่ยฉางชิงมารอเธออยู่ที่บ้าน
“มู่หลาน ลูกกลับมาแล้วเหรอ”
เซี่ยฉางชิงเห็นฉินมู่หลานกลับมา ก็รีบยกยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนทันที
ซูหว่านอี๋มีท่าทางสงบนิ่งอยู่ตลอดตั้งแต่เซี่ยฉางชิงมาหา ตอนนี้เมื่อเห็นมู่หลานกลับมาแล้ว จึงอดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ลูกกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาเด็ก ๆ ทั้งสองหน่อยนะ”
“ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูรีบไปดู”
หลังจากซูหว่านอี๋ไปแล้ว ฉินมู่หลานก็หันมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยฉางชิง “พ่อคะ พ่อมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“มู่หลาน ใกล้ถึงวันเกิดพ่อแล้ว ที่บ้านก็เลยจะจัดงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าลูกมีเวลาว่างก็ไปที่นั่นได้นะ”
อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของเซี่ยฉางชิงแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าฉินมู่หลานอาจจะรู้ จึงไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงวันเกิดแล้ว มู่หลานไม่ได้พูดขึ้นเลย เขาจึงรู้สึกว่ามู่หลานอาจไม่ทราบวันเกิดของเขา วันนี้จึงมาเพื่อบอกโดยตรง
ฉินมู่หลานไม่รู้จริง ๆ เมื่อเธอได้ยินเซี่ยฉางชิงพูดจึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ค่ะ ฉันรู้แล้ว ว่าแต่จัดวันไหนเหรอคะ?”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่รู้เรื่องอะไรเลย เซี่ยฉางชิงจึงรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ไม่นานเขาก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “อีกห้าวันนับจากนี้ ถึงเวลาลูกก็พาชิงชิงกับเฉินเฉินไปด้วยนะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้าตกลง
กว่าเซี่ยฉางชิงจะหาเวลาว่างมาได้นั้นยากมาก จึงคุยกับฉินมู่หลานอยู่นาน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเขาก็ลุกขึ้นแล้ววางแผนจะกลับ
พ่อคะ กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับไหมคะ”
เซี่ยฉางชิงส่ายหัวแล้วเอ่ย “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพ่อกลับแล้ว เอาไว้เจอกันนะ” เขารู้ว่าซูหว่านอี๋ไม่ค่อยชอบเขา จึงไม่อยากอยู่เพื่อให้รำคาญสายตาหล่อน
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่เซ้าซี้
หลังจากเซี่ยฉางชิงกลับไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็เดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน พ่อของลูกมาทำอะไรเหรอ?”
“อีกไม่นานจะถึงวันเกิดเขาแล้วค่ะ ก็เลยมาเชิญหนูไปกินข้าวที่บ้านตระกูลเซี่ย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไปบ้านตระกูลเซี่ยคราวนี้แล้วจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ ปู่ย่าวางทิฐิลงหรือยัง
ไหหม่า(海馬)