ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 466 ความตื่นเต้นของนายท่านเหยา(1)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 466 ความตื่นเต้นของนายท่านเหยา(1)
ตอนที่ 466 ความตื่นเต้นของนายท่านเหยา(1)
“มู่หลาน อรุณสวัสดิ์”
เซี่ยเจ๋อหลี่มองฉินมู่หลานที่กำลังหลับ ก่อนจะอดลูบศีรษะเธอไม่ได้ “ถ้าง่วงก็นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
เรือนผมยาวของฉินมู่หลานถูไถกับมือหนาของเซี่ยเจ๋อหลี่ จากนั้นจึงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ง่วงแล้วค่ะ ถึงเวลาตื่นแล้ว จริงสิ แล้วลูก ๆ ล่ะ ตื่นหรือยัง”
“อื้ม พวกเขาตื่นตั้งนานแล้ว ตอนนี้กำลังไปกินข้าวเช้าที่ลานหน้าบ้าน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง “ชิงชิงกับเฉินเฉินตื่นเช้าจังเลย”
“พวกเขาตื่นเช้าทุกวัน เด็ก ๆ พลังล้นเหลือน่ะ”
ขณะเซี่ยเจ๋อหลี่พูด ก็สวมกอดฉินมู่หลานอย่างนุ่มนวล แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ดีจัง ครั้งนี้ผมได้ร่วมฉลองปีใหม่กับคุณแล้ว”
ฉินมู่หลานก็โอบแขนรอบเอวเซี่ยเจ๋อหลี่เหมือนกัน “ใช่แล้ว หาได้ยากที่คุณจะกลับมาช่วงปีใหม่”
หลังจากพูดจบก็นึกถึงสิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่เคยพูดเมื่อครั้งก่อน จึงอดถามไม่ได้ “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะย้ายมาประจำการที่นี่หลังจากทำภารกิจเสร็จ แล้วน่ยจะย้ายมาเมืองหลวงจริง ๆ เมื่อไหร่เหรอ?”
“คำสั่งโอนย้ายยังไม่ได้ถ่ายทอดลงมา น่าจะต้องรอไปอีกสักระยะก่อน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็แตะรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วกล่าวว่า “สองวันนี้เดี๋ยวฉันจะยาลดรอยแผลเป็นให้คุณ อีกไม่นานก็จะดีขึ้นนะะ”
ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้สนใจว่าจะมีรอยแผลเป็นบนหน้าหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดแบบนั้น เขาก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ ถึงเวลาผมจะใช้ยาลบรอยแผลเป็นที่คุณทำให้”
ทั้งสองพูดคุยกันสักพักก็ลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้าน เด็กทั้งสองก็กินข้าวกันหมดแล้ว
“ปะป๊า…หม่าม้า…”
ชิงชิงกับเฉินเฉินเห็นพ่อแม่เดินมา ก็รีบวิ่งตรงไปข้างหน้าทันที
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแบบนี้ จึงอุ้มเด็กทั้งสองเอาไว้บนแขนแต่ละข้าง “พวกลูกวิ่งช้าลงหน่อยนะ เดี๋ยวจะกระแทกโดนหม่าม้าเอา”
ทั้งสองได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “อื้ม…ได้” ถึงแม้ว่าทั้งสองจะยัพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็รู้ว่าตอนนี้แม่กำลังมีน้องอีกคนแล้ว จึงใส่ใจมากขึ้น เพราะคุณยายกับคุณย่าเล่าให้พวกเขาฟังแล้ว
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองเชื่อฟังแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยกยิ้มให้ทั้งสองแล้วจูบลงบนใบหน้าของพวกเขาไปคนละหนึ่งที “พวกลูกไปเล่นกันก่อนนะ เดี๋ยวปะป๊ากับหม่าม้ากินข้าวเช้าก่อน”
“ได้”
ชิงชิงกับเฉินเฉินคิดแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ ก็รีบหย่อนตัวลงไปบนพื้น แล้ววิ่งหนีไป
“เจ้าเด็กสองคนนี้ วิ่งเล่นรอบบ้านทุกวันเลย ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้ ก็อดพูดไม่ได้ จากนั้นก็รีบหันไปมองฉินเจี้ยนเซ่อแล้วพูดขึ้น “เจี้ยนเซ่อ คุณตามไปดูหน่อย”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนี้ก็เดินไป ฉินเคอวั่งก็ไปช่วยเหมือนกัน ส่วนทางด้านเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านตระกูลเหยาเมื่อวานนี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงไม่อยู่
“จริงสิมู่หลาน วันนี้พวกเธอจะไปหาสือเหิงไหม”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ เดี๋ยวจะไปสวัสดีปีใหม่พ่อบุญธรรม”
“ดี ถ้าอย่างนั้นตอนลูกไป เอาซีอิ๊วที่แม่ทำไปด้วยนะ แม่จำได้ว่าปิงชิงชอบกิน”
เมื่อฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กินข้าวเช้าเสร็จ ก็นำซีอิ๊วและของขวัญของซูหว่านอี๋ รวมถึงลูกทั้งสองตรงไปที่บ้านตระกูลเจี่ยง
ลุงเจี่ยงเห็นทั้งสี่คนมา สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูน้อย มากันแล้วเหรอครับ รีบเข้ามานั่งข้างมานั่งข้างในก่อน นายน้อยรู้ว่าวันนี้พวกคุณหนูจะมา ก็เลยให้พวกเราเตรียมตัวต้อนรับเอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“พวกเรามากันออกจะบ่อย พ่อบุญธรรมไม่เห็นต้องเตรียมต้อนรับเลย”
ฉินมู่หลานกล่าวทั้งรอยยิ้ม แล้วพาเด็กทั้งสองเข้าไปข้างใน
เจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงเห็นครอบครัวของฉินมู่หลานมา ก็รีบยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา “มู่หลาน อาหลี่ มากันแล้วเหรอ”
พูดจบก็หันมองเด็กทั้งสองคนอีกครั้ง “ชิงชิง เฉินเฉิน สวัสดีปีใหม่นะ”
“คุณตา สวัสดีปีใหม่ค่ะ”
หลังจากนั้นก็หันมองเซี่ยปิงชิงด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะพูดขึ้น “คุณ…”
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เด็กทั้งสองคนจะได้พูด เซี่ยปิงชิงก็รีบกล่าวขึ้นก่อน “ชิงชิง เฉินเฉิน ต่อไปพวกเธอเรียกฉันว่าน้าหญิงนะ”
“น้า…”
“อุ๊ย…”
เซี่ยปิงชิงส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นซองแดงออกไปให้เด็กทั้งสอง
แต่ชิงชิงกับเฉินเฉินยังไม่รับ และหันไปมองฉินมู่หลาน เมื่อเห็นแม่พยักหน้าจึงยอมรับไว้ นอกจากนี้ยังเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว “สวัสดีปีใหม่ ขอให้สมหวังทุกประการ”
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองพูดอวยพรทีละคำ เซี่ยปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกว่าน่ารักจนทนแทบไม่ไหว จึงเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วอุ้มเด็กทั้งสอง “ชิงชิง เฉินเฉิน พวกเธอน่ารักจังเลย”
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของเซี่ยปิงชิง ก็อดยิ้มไม่ได้ “ในเมื่อชอบเด็กขนาดนี้ เธอกับพ่อบุญธรรมต้องมีสักคนบ้างแล้วล่ะ”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าเขินอาย
เจี่ยงสือเหิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบยกยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “มู่หลาน พวกลูกรีบเข้ามานั่งก่อนเถอะ ดื่มชาสักหน่อย”
หลังจากหลายคนนั่งลง ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ทำไมไม่เห็นพวกผู้อาวุโสเซี่ยเลยล่ะคะ?”
“พวกคุณปู่ฉันไปหาดูบ้านใกล้ ๆ แถวนี้ บอกว่าต่อไปพอมาเมืองหลวงจะได้พักที่นั่นกัน พรุ่งนี้พวกเราจะไปอวยหรปีใหม่พวกท่าน จากนั้นพวกเราจะตามพวกท่านกลับไปซีอานด้วย แล้วค่อยกลับมาวันที่เจ็ดเดือนหนึ่ง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดพยักหน้าไม่ได้ พ่อบุญธรรมกับปิงชิงเพิ่งแต่งงานกัน ปีนี้ถือเป็นการเยี่ยมบ้านญาติครั้งแรกในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงควรเดินทางไปหาญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งของปิงชิง
และเจี่ยงสือเหิงเห็นฉินมู่หลานมา ก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน พ่อกับแม่ของลูกไม่มาด้วยเหรอ”
“พวกท่านไปบ้านลุงกันค่ะ คุยกันว่าจะกลับบ้านเกิดกันตอนไหน เหมือนจะบอกว่า อยากไปรับคุณปู่กับคุณย่าของฉันมา”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็หยักหน้าแล้วเอ่ย “คุณปู่กับคุณย่าของลูกอยู่ที่บ้านเกิดกันเพียงลำพัง จะไปรับพวกท่านมาก็สมควรอยู่”
“ใช่ค่ะ แค่กลัวว่าพวกท่านจะไม่อยาก”
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจากบ้านเกิดไปไกล ต่างคิดกันว่าใบไม้ต้องกลับคืนสู่มาตุภูมิจึงไม่ทราบว่าครั้งนี้ที่พ่อกับแม่กลับไป จะพาคุณปู่คุณย่ากลับมาด้วยได้หรือเปล่า
เจี่ยงสือเหิงก็เข้าใจ แต่ก็ยังหวังว่าพวกท่านจะมาได้ หลังจากมาอยู่ที่นี่ พวกท่านทั้งสองจะได้มีคนดูแล
หลังจากฉินมู่หลานกินมื้อกลางวันแล้วก็กลับไป เมื่อพวกเขากลับมาถึง ฉินเจี้ยนเซ่อกับพวกซูหว่านอี๋ก็ยังไม่กลับมากัน ทั้งสองคนจึงพักงีบหลับพร้อมกับลูก ๆ ทั้งสอง
เมื่อครอบครัวของฉินมู่หลานตื่นขึ้นก็พบว่าฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋กลับมากันแล้ว
“พ่อคะ แม่คะ ทางครอบครัวคุณลุงว่ายังไงบ้าง ทุกคนจะกลับกันเมื่อไหร่คะ?”
“ลุงของลูกบอกว่าจะกลับกันพรุ่งนี้ ถึงเวลาแม่กับพ่อของลูก รวมถึงน้องชายของลูกจะกลับไปด้วยกันสามคน ส่วนพวกครอบครัวของลูกก็อยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่ไป” ลูกสาวกำลังตั้งครรภ์ ลูกทั้งสองก็ยังเล็ก จึงไม่อยากให้เที่ยวเดินทางไปมา
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ก็ได้ค่ะ ตอนเดินทางพวกแม่ก็ระวังกันด้วยนะคะ”
“วางใจเถอะ พวกเราไปกันหลายคน”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลังจากครอบครัวของฉินมู่หลานส่งพวกซูหว่านอี๋แล้ว ก็ไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านตระกูลเซี่ยอีกครั้ง
คุณนายเซี่ยเห็นว่ารูปร่างของฉินมู่หลานดูท้วมขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน เธอท้องหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานก็ไม่ปิดบังพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ ท้องอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเซี่ยก็เอ่ยถามต่อ “เพราะแบบนี้ครั้งก่อนที่เธอมาที่นี่ก็เลยไม่ค่อยอยากอาหาร”
ฉินมู่หลานนึกถึงตอนที่มาฉลองวันเกิดของเซี่ยฉางชิง แล้วพยักหน้าบอกกล่าว “ใช่ค่ะ ตอนนั้นเพิ่งท้อง ก็เลยยังไม่ได้บอกค่ะ”
“ฉันก็ว่าอยู่ ตอนนั้นอาหารตรงหน้าเป็นของโปรดเธอทั้งนั้น แต่เธอกลับกินนิดเดียว ที่แท้ก็เพิ่งท้องนี่เอง เจ้าเด็กคนนี้นี่ บอกพวกเราก็หมดเรื่องแล้ว พวกเราก็จะได้เตรียมอาหารเบา ๆ เอาไว้ให้เธอ”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้เอ่ย เซี่ยฉางชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “แม่ครับ มู่หลานก็บอกแล้วว่าตอนนั้นเพิ่งตั้งท้อง ก็เลยยังไม่ได้บอก”
เมื่อเห็นลูกชายพูดแบบนี้ คุณนายเซี่ยก็ไม่พูดอะไรมากอีก และมองดูเด็กทั้งสอง จากนั้นก็เอ่ยทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม “ชิงชิง เฉินเฉิน รีบมาหาทวดเร็ว”
ระหว่างเดินทาง เด็กทั้งสองได้รับการบอกกล่าวเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ตื่นคน พลางวิ่งเตาะแตะไปหาคุณนายเซี่ย แล้วเรียกด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “คุณย่าทวด~”
เมื่อได้ยินเด็กทั้งสองเรียกตน คุณนายเซี่ยก็รู้สึกดีใจไปหมด รีบหยิบซองอั่งเปาให้พวกเขาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เด็กทั้งสองไม่ได้หันมองฉินมู่หลาน และยอมรับไว้ หลังจากนั้นก็กล่าวอวยพรต่อ
“คุณย่าทวด สวัสดีปีใหม่ ขอให้สมปรารถนาทุกประการ”
“อุ๊ยตาย…ชิงชิงกับเฉินเฉินของเราเป็นเด็กดีจังเลย”
นายท่านเซี่ยอิจฉามากเมื่อได้เห็นแบบนี้
ตอนแรกพวกเขาอยากให้อั่งเปากับเด็กทั้งสอง แต่คุณนายเซี่ยยื่นให้ไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงรีบใส่ซองอั่งเปาให้เด็กทั้งสองอีกครั้ง จากนั้นก็มอบให้พวกเขา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เด็ก ๆ น่ารักอะนะ จนลืมความบาดหมางแต่หนหลังไปหมด
ไหหม่า(海馬)