ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 471 คำสั่งย้าย(2)
ตอนที่ 471 คำสั่งย้าย(2)
คุณย่าฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ แต่เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหวินปิงไม่ได้มีความเห็นใดจึงไม่ได้พูดอะไร
คุณปู่ฉินกลับกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อพวกหลานตัดสินใจแล้ว ก็ตกลงตามนั้นเถอะ”
เมื่อเห็นคุณปู่ฉินพูดแบบนั้น ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ก็ไม่พูดอะไรอีก
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หันไปมองแล้วพูดกับซูหว่านอี๋ว่า “หว่านอี๋ ผู้อาวุโสทั้งสองคงจะเดินทางมาเหนื่อย เธอรีบพาพวกท่านไปลานบ้านด้านหลังก่อนเถอะ”
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ เดี๋ยวฉันไป”
ก่อนหน้าที่วางแผนจะพาคุณปู่กับคุณย่าฉินมาที่เมืองหลวง พวกเขาได้เตรียมห้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จึงพาไปพักที่นั่นได้ทันที
จนกระทั่งคุณปู่กับคุณย่าฉินไปถึงลานหลังบ้าน ฉินเคอวั่งก็รีบไปหาฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ พี่ตั้งท้องลูกแฝดอีกแล้วเหรอ สุดยอดมากเลย แต่ถ้าเพื่อนนักศึกษาของพี่รู้ ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทาหรือเปล่า”
เขาไม่ได้กังวลเรื่องอะไรเลย กังวลเพียงแค่เรื่องนี้ เพราะพี่สาวยังต้องไปเรียน
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ไม่เป็นไร ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานแล้ว จะมีลูกก็ไม่แปลก นอกจากนี้คะแนนของพี่ก็ดีขนาดนั้น คนอื่นจะกล้านินทาได้ยังไง พวกเขาไม่เอาเวลาไปตั้งใจเรียนแทนเหรอ จะมาสนใจอะไรเรื่องของพี่”
เมื่อเห็นพี่สาวดูท่าทางมั่นใจ ฉินเคอวั่งก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แล้วกล่าว “ใช่ นักศึกษาตั้งใจเรียนถือเป็นเรื่องสำคัญ กว่าจะได้เรียนมหาวิทยาลัยมันยากมาก ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนเป็นหลัก”
หลังจากคุณปู่ฉินและคุณย่าฉินตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว และครอบครัวลูกชายคนโตของตระกูลฉินก็มาหากันแล้ว
ซุนฮุ่ยหงรู้สึกอิจฉาระหว่างมองดูบ้านหลังใหญ่ที่มีสองห้องนอนต่อหนึ่งลานบ้าน แต่ในเมื่อครอบครัวใหญ่ของตัวเองกำลังอยู่ที่นี่ หล่อนก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดอะไร จากนั้นก็ตามติดฉินเจี้ยนหัวอย่างเชื่อฟัง
คุณย่าฉินเห็นท่าทางของลูกสะใภ้คนโตแบบนี้ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ซ่งอวี้เฟิ่งและหวังจาวตี้เดินตามอยู่ข้างหลังก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาฉินมู่หลานแล้วดึงเธอเข้าไปถาม “มู่หลาน ได้ยินว่าเธอท้องอีกแล้ว ยินดีด้วยนะ”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณย่าฉินก็บอกกล่าวพร้อมสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลานไม่ได้แค่ท้องเท่านั้นนะ แต่ยังท้องลูกแฝดด้วย”
“อะไรนะ…จริงเหรอเนี่ย”
หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งต่างมองฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ “มู่หลาน เธอได้ลูกแฝดอีกแล้ว เธอสุดยอดจริง ๆ”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็มองฉินมู่หลานด้วยความอิจฉา
ฉินมู่หลานถอนหายใจขณะพูดขึ้น “จริง ๆ แล้วท้องลูกแฝดก็ลำบากนะคะ ช่วงใกล้คลอดก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซ่งอวี้เฟิ่งและหวังจาวตี้ก็นึกไปถึงตอนคลอดลูกว่ายากลำบากเพียงใด จึงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ลำบากมากจริง ๆ นั่นแหละ แล้วเธอก็ยังต้องไปเรียน หนำซ้ำยังต้องดูแลโรงงานเครื่องสำอางอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทางฝั่งโรงงานแม่กับแม่สามีของฉันคอยช่วยกันดูแลอยู่ หากพวกท่านมีเรื่องที่จัดการไม่ได้ ก็มาบอกฉันได้ตลอด นอกจากนี้ยังมีพี่สะใภ้สองคนด้วย ตอนนี้พวกพี่ก็ทำงานได้ดีมาก เรื่องนี้ก็สามารถช่วยฉันได้เหมือนกันค่ะ แค่นี้ฉันก็สบายแล้วใช่ไหมล่ะคะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซ่งอวี้เฟิ่งกับหวังจาวตี้ก็กล่าวอย่างความกระตือรือร้น “ใช่ พวกเราจะตั้งใจทำงานเลย”
เมื่อเห็นทั้งสองเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ ในเมื่อมีเป้าหมายของตัวเองก็ดีแล้ว
ซุนฮุ่ยหงที่อยู่ข้าง ๆ มองดูด้วยความอิจฉา หล่อนไม่มีโอกาสได้ไปทำงานในโรงงานเลย ตอนนี้น้องสะใภ้อย่างซูหว่านอี๋กลายเป็นหัวหน้าคอยคุมโรงงานไปแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หล่อนไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ดูเหมือนว่าลูกสาวก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีเสมอไป ไม่เห็นหรือว่าลูกชายทั้งสองคนของหล่อนยังได้ดีไม่เท่าลูกสาวของซูหว่านอี๋เลย ถึงจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ก็เถอะ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซุนฮุ่ยหงก็รู้สึกหดหู่นิดหน่อย อึดอัดใจยิ่งกว่าใครหลายคน แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้
หลังจากทุกคนนั่งลง คุณปู่ฉินก็เป็นคนแรกที่หยิบตะเกียบ หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มกินอาหารพร้อมกัน
ชิงชิงกับเฉินเฉินก็ได้รับความนิยมมาก คุณย่าฉินให้เด็กทั้งคู่กินเยอะ แต่ก็ไม่ลืมเด็ก ๆ ทางฝั่งบ้านลูกชายคนโต แล้วบอกให้พวกเขากินเยอะ ๆ เหมือนกัน
จนกระทั่งอาหารหมดเกลี้ยง ครอบครัวของฉินเจี้ยนหัวก็วางแผนจะกลับไป ฉินเจี้ยนหัวจึงหันไปตบบ่าน้องชายแล้วพูดขึ้น “เจี้ยนเซ่อ พ่อกับแม่อยู่กับนาย ต่อไปต้องรบกวนนายดูแลพวกท่านมากขึ้นแล้วล่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “พี่ใหญ่วางใจเถอะ ผมจะดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี นอกจากนี้มู่หลานกับอาหลี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน พ่อกับแม่ไม่เป็นอะไรหรอก”
ฉินเจี้ยนหัวก็ทราบว่าหลานสาวกับหลานเขยมีความสามารถ จึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ ดีๆ ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจ พวกเรากลับก่อนนะ”
“ครับ เดินทางระวังด้วย”
หลังจากครอบครัวของฉินเจี้ยนหัวกลับไป ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็เริ่มเก็บของ และช่วงวันหยุดปีใหม่ก็ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็พาฉินเคอวั่งไปที่บ้านตระกูลเหลียวข้าง ๆ วันหยุดช่วงปีใหม่ผ่านไป จึงต้องเริ่มงานได้แล้ว ฉินเคอเหล่ยกับฉินเคอเจี๋ยก็มาถึงกันแล้ว คนกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มทำงานอีกครั้ง
และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปรายงานตัวในวันนั้นเช่นกัน
“เซี่ยเจ๋อหลี่”
“ครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ทำท่าวันทยาหัตถ์ แล้วมองดูหัวหน้าคนใหม่ของตัวเอง
“ผบ.เจียงชมนายครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่านายแข็งแรงมาก ออกไปทำภารกิจก็ทำได้สำเร็จทุกครั้ง”
“หัวหน้าชมเกินไปแล้วครับ”
ถูไคหัวเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ย “เจียมเนื้อเจียมตัวมากเกินไปมันดูหน้าซื่อใจคดนะ มีความสามารถก็คือมีความสามารถ ถ้าไม่มีก็คือไม่มี มีอะไรก็แค่พูด ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เหลือมองถูไคหัว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ถูไคหัวเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่พูดอะไรก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน แต่กลับเรียกคนคนหนึ่ง แล้วหันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่พลางบอกล่าว “เขาชื่อถูเฉิงเซียง เขาจะพานายไปทำความรู้จักสถานที่โดยรอบ นายตามเขาไปก่อน หลังจากนั้นค่อยไปดูหอพัก”
เมื่อได้ยินว่าชื่อของถูเฉิงเซียง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วเดินตามถูเฉิงเซียงออกไปข้างนอกแทน
เพียงแต่เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ถูเฉิงเซียงก็เอ่ยพูดขึ้นก่อน “ได้ยินว่านายเก่งมาก”
เซี่ยเจ๋อหลี่ตอบด้วยความใจเย็น “ไม่หรอกครับ ทุกคนชมเกินไปแล้ว”
ถูเฉิงเซียงได้ยินแบบนี้ก็เหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินนำไปอย่างเงียบ ๆ เพียงแต่เขาไม่ได้เดินพาไปที่อื่น แต่ตรงไปที่สนามฝึกแทน
“ชมเกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะได้รู้กันหลังจากทดสอบ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ย้ายมาที่ใหม่ก็เจอรับน้องเลย พี่หลี่จะได้ย้ายไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)