ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 473 แพ้ประลอง(2)
ตอนที่ 473 แพ้ประลอง(2)
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หันไปมองเฉาเจิ้งหนาน แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตกลง ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนนายแล้ว”
“ไม่รบกวนหรอก ได้ช่วยผู้กองเซี่ยถือเป็นเกียรติของผมมากเลยครับ”
ขณะเฉาเจิ้งหนานพูด ก็ได้พาเซี่ยเจ๋อหลี่ออกตัวเดินไปแล้ว
สีหน้าของถูเฉิงเสียงก็มืดหม่นลงราวกับก้นหม้อขณะมองแผ่นหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่และเฉาเจิ้งหนานที่เดินจากไป “เฉาเจิ้งหนาน ถ้าเขาไม่หาเรื่องทะเลาะกับฉันสักวันมันจะเป็นอะไรไหม”
“รองหัวหน้าถู คุณอย่าโกรธไปเลย พักผ่อนเถอะ”
ถูเฉิงเสียงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนอย่างที่บอกเมื่อสักครู่ เขาโบกมือแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินตรงไปข้างหน้า
เมื่อเห็นถูเฉิงเสียงเดินไป ทุกคนก็เริ่มเข้าใจ นี่คงเป็นเพราะไม่อยากพาเซี่ยเจ๋อหลี่ไปที่ห้องพักเท่านั้นเอง
อีกด้านหนึ่ง เฉาเจิ้งหนานพาเซี่ยเจ๋อหลี่ไปที่หอพัก
“ผู้กองเซี่ย ที่นี่คือหอพักของพวกเราครับ หอพักของคุณก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ผมจำได้ว่าวันนี้ยังมีคนมาทำความสะอาดอยู่เลย พวกเราขึ้นไปดูกันเถอะ”
“ได้ รบกวนนายด้วยนะ”
หลังจากทั้งสองเดินไป ก็พบว่ามีคนกำลังทำความสะอาดหอพักอยู่จริง ๆ เมื่อชายคนนั้นเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เดินมา ก็รีบเอ่ยถาม “ผู้กองเซี่ยหรือเปล่าครับ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าอย่างเป็นกันเองแล้วบอกกล่าว “ผมเองครับ”
“ผู้กองเซี่ย นี่เป็นห้องของผู้กองครับ” พูดจบก็ยื่นกุญแจจำนวนหนึ่งให้อีกครั้ง “ส่วนนี่กุญแจห้องพักครับ”
“ครับ ขอบคุณมาก”
เซี่ยเจ๋อหลี่รับเอาไว้พร้อมรอยยิ้ม
ชายคนนั้นทำงานเสร็จเรียบร้อยพอดี หลังจากนั้นก็ออกไปจากที่นี่
เฉาเจิ้งหนานมองกุญแจที่อยู่ในมือของเซี่ยเจ๋อหลี่ กล่าวขึ้น “ผู้กองเซี่ย ตอนนี้มถึงห้องพักแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เรียกเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยถาม “รองหัวหน้ากองถูกับผบ.ถูเป็นญาติกันเหรอ?”
เฉาเจิ้งหนานคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะถามตรงประเด็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แล้วบอกตามตรงพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ครับ พวกเขาเป็นญาติกัน ถูเฉิงเสียงเป็นหลานของผบ.ถูครับ แถมถูเฉิงเสียงก็มีความสามารถและทักษะการต่อสู้ดีมากด้วย เขาจึงได้เป็นหัวหน้ากองของพวกเรา ไม่คิดว่าอยู่ ๆ คุณก็เข้ามาแล้วกลายเป็นหัวหน้ากองของเราแทน ถูเฉิงเสียงเลยรู้สึกเหมือนฝันสลายทันที”
“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง เขาคงเกลียดฉันมากแน่ ๆ เพราะหากไม่ใช่เพราะฉัน เขาก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว”
เฉาเจิ้งหนานได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะแล้วเอ่ย “ใช่ครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ถูเฉิงเสียงขอท้าประลองกับคุณวันนี้เพราะอยากระบายโทสะ ไม่คิดว่าเขาจะแพ้”
หลังจากพูดจบ เฉาเจิ้งหนานก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
เมื่อเห็นเฉาเจิ้งหนานเป็นแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “นายมีความแค้นกับถูเฉิงเสียงเหรอ?”
“เรื่องนั้นไม่ใช่หรอกครับ แค่ตอนที่เห็นถูเฉิงเสียงได้รับความพ่ายแพ้ ในใจของผมแค่รู้สึกเป็นสุขเท่านั้น”
แบบนี้ไม่ถือว่าแค้นหรอกเหรอ เซี่ยเจ๋อหลี่มองเฉาเจิ้งหนานด้วยท่าทางขบขัน
ฉินมู่หลานในอีกด้านหนึ่งไม่รู้เลยว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ต้องเจอเรื่องอะไรบ้างเมื่อเขาเข้ามาที่ฐานทัพใหม่ ตอนนี้เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือ
เมื่อซูหว่านอี๋เข้ามาและเห็นว่าลูกสาวกำลังยุ่ง หล่อนก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ลูกพักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวค่อยอ่านทีหลังก็ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็ไม่ว่าอะไร วางจานผลไม้ลงแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็รีบอ่านให้เสร็จแล้วกินผลไม้พวกนี้สักหน่อย ถ้าลูกเหนื่อยก็นอนงีบสักพัก”
เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ใส่ใจตัวเองทุกอย่าง ฉินมู่หลานพูดพร้อมรอยยิ้ม “แม่คะ หนูไม่เหนื่อยจริง ๆ แม่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ ทำเหมือนเดิมก็พอ”
หลังจากรู้ว่าตัวเองท้องลูกแฝดอีกครั้ง แม่กับแม่สามีก็คอยดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จนฉินมู่หลานรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ทุกวันคือทำแค่กินดื่ม นอกจากนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็จ้องมองลูกสาวครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ลูกต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นหน่อย กำลังจะมีลูกสองคนอีกครั้งนะ”
แต่เมื่อนึกไปถึงว่าลูกสาวของตนรู้วิชาแพทย์ หล่อนจึงไม่ค้านอะไรอีก “เอาเถอะ รีบพักผ่อนดีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเรียนแล้ว ถึงตอนนั้นลูกคงยุ่งมากแน่นอน”
เมื่อนึกไปถึงว่าลูกสาวกำลังตั้งครรภ์แล้วต้องไปเรียนทุกวัน ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อย เพราะลำพังแค่การตั้งครรภ์ก็ลำบากมากพอแล้ว แถมมู่หลานยังตั้งครรภ์เด็กสองคนอีก เทียบกับเมื่อตอนที่ตั้งครรภ์ครั้งก่อน มู่หลานยังอยู่พักผ่อนที่บ้านได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องไปมหาวิทยาลัยตากแดดตากฝน
“ค่ะๆๆ หนูจะพักแล้ว”
หลังจากฉินมู่หลานวางหนังสือลง เธอก็เริ่มกินผลไม้
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ดี ถ้าอย่างนั้นหลังจากกินผลไม้เสร็จลูกก็ไปพักผ่อนให้เต็มที่นะ”
ฉินมู่หลานใช้เวลาอยู่ที่บ้านเหมือนคนทำอะไรไม่เป็นอยู่สองสามวัน ไม่นานก็เริ่มเปิดเรียนแล้ว
จนกระทั่งได้ไปมหาวิทยาลัย เธอก็รู้สึกผ่อนคลายมาก เพราะที่โรงเรียนไม่มีใครคอยจับตามองเธออยู่ตลอด ทำให้ตัวเองมีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ ดูเหมือนว่าต่อไปต้องบอกคนในบ้านให้ชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานกำลังเดินมา ก็รีบโบกมือให้เธอแล้วกล่าว “มู่หลาน ทางนี้ๆ”
แต่หลังจากเห็นท้องของฉินมู่หลาน สีหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ดูแปลกใจ “มู่หลาน นี่เธอ…ทำไมท้องถึงใหญ่มากขนาดนี้ล่ะ”
หล่อนทราบอยู่แล้วว่าตอนนี้ฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ ติดที่หากลองนับวันแล้ว มันไม่ควรที่จะเห็นชัดขนาดนี้ แต่ตอนนี้ท้องของฉินมู่หลานกลับดูใหญ่อย่างชัดเจน
นักเรียนคนอื่นก็หันมองฉินมู่หลานเหมือนกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ฉินมู่หลานปล่อยให้คนอื่นมองตัวเองอยู่อย่างนั้น จากนั้นก็นั่งลงถัดจากเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วบอกกล่าว “เพราะว่าฉันท้องลูกแฝด ก็เลยท้องใหญ่กว่าคนท้องทั่วไปน่ะ”
“อะไรนะ…”
เซี่ยปิงหรุ่ยอุทานด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็รีบคว้าตัวฉินมู่หลานแล้วพูด “มู่หลาน เธอได้ลูกแฝดอีกแล้ว จริงเหรอเนี่ย เธอห้ามหลอกฉันนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ปรายตามองเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วกล่าว “เรื่องนี้ฉันต้องหลอกอะไรเธออีก เดี๋ยวตอนฉันคลอดเธอก็รู้แล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ทราบว่าฉินมู่หลานไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเอง หล่อนเพียงแค่แปลกใจมาก เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉินมู่หลานได้ฝาแฝดมังกรหงส์แล้ว จึงไม่คิดว่าครั้งนี้จะได้ลูกแฝดอีก หรือว่ายีนฝาแฝดของตระกูลเซี่ยจะส่งตรงไปที่ฉินมู่หลานกัน?
“ไม่ได้การละ เรื่องนี้ฉันต้องบอกพวกคุณปู่ พวกเขาต้องดีใจจนแทบบ้าแน่นอน นานมากแล้วที่ตระกูลเซี่ยของพวกเราได้ลูกแฝด ครั้งก่อนตอนชิงชิงกับเฉินเฉินก็ทำให้พวกคุณปู่ฉันดีใจมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้เธอจะได้ลูกแฝดอีก เธอเป็นหนึ่งในตัวเอกที่เชิดชูตระกูลเซี่ยของเราเลยนะ”
ถึงอย่างนั้น ฉินมู่หลานก็หันมองไปยังเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าว “จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจเลย แต่เดิมตระกูลเซี่ยก็มีแนวโน้มที่จะได้ลูกแฝดกันอยู่แล้ว”
ขระที่เซี่ยปิงหรุ่ยกำลังจะพูดอะไรอีก อาจารย์ก็มาแล้ว
ชั้นเรียนเงียบสงบลง แต่หลังจากนั้นหนึ่งวันทุกคนในห้องเรียนก็ได้ทราบว่าฉินมู่หลานกำลังตั้งท้อง นอกจากนี้ยังเป็นลูกแฝดด้วย กระนั้นทุกคนทราบว่าเธอแต่งงานแล้ว จึงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก ในทางกลับกันยังใส่ใจเธอมากขึ้นด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีท้องแฝดแล้วต้องดูแลตัวเองดีๆ เลยแหละ เหนื่อยกว่าคนที่ท้องปกติแน่นอน
ไหหม่า(海馬)