ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 475 เธอมาตามหาใคร(2)
ตอนที่ 475 เธอมาตามหาใคร(2)
ถึงแม้จะสามารถช่วยให้ตั้งครรภ์ลูกแฝดได้ แต่ปกติแล้วก็ยังทำได้ยาก
เริ่นม่านนีก็เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่หล่อนดันถามไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ขอเพียงตั้งครรภ์ได้ก็เปิดปากหัวเราะได้แล้ว
หลายคนทางด้านนี้พูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้าของคุณนายเซี่ยกลับดูไม่ค่อยดีนัก เธอหันมองตรงไปยังฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน ย่าขอถามเธอเรื่องหนึ่งสิ”
เมื่อเห็นสีหน้าของคุณนายเซี่ยดูไม่ค่อยดีนัก ฉินมู่หลานจึงทราบว่าคงไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ยังคงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “คุณย่าถามเลยค่ะ”
“หลังจากเด็กในท้องคลอดแล้ว จะให้ใช้แซ่เหยาเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ รู้สึกสงสัยว่าคุณนายเซี่ยทราบได้อย่างไร แต่ในเมื่อถามแล้ว เธอจึงไม่ปฏิเสธเหมือนกัน พยักหน้าแล้วกล่าวตามตรง “ค่ะ หลังจากคลอดแล้ว จะให้คนโตใช้แซ่เหยา”
“อะไรนะ…”
สมาชิกตระกูลเซี่ยหลายคนได้ยินแบบนี้ ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อ
แม้แต่เซี่ยฉางชิงก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน ทำไมต้องให้เด็กใช้แซ่เหยาเหรอ หรือว่านายท่านเหยาบอกให้พวกลูกทำแบบนี้?”
นายท่านเหยาไม่มีลูกชาย หากต้องการผู้สืบทอดก็ต้องทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องเป็นความคิดของนายท่านเหยาแน่นอน
“คุณตาดีกับพวกฉันมากค่ะ และเขาก็ไม่มีลูกชายหรือหลานชาย เพราะฉะนั้นพวกฉันจะให้ลูกหนึ่งคนใช้แซ่เหยาก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญค่ะ”
เซี่ยฉางชิงยังไม่ทันได้เอ่ย คุณนายเซี่ยก็เอ่ยปากบอกอย่างไม่เห็นด้วย “ทำไมจะไม่สำคัญ เธอเป็นสายเลือดตระกูลเซี่ยของเราไม่ใช่เหรอ ถึงจะให้ลูกกเปลี่ยนแซ่ ก็ไม่ควรจะให้ใช้แซ่เหยา”
“หรือคุณย่าอยากจะให้ลูกของฉันใช้แซ่เซี่ยคะ ถ้าพี่ใหญ่ยินยอม ฉันก็ไม่ได้ติดอะไรนะ ก็ให้ลูกใช้แซ่เซี่ยได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานพูดแบบนี้ออกมา ครอบครัวลูกชายคนโตจึงไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ว่านจี้อวิ๋นรีบพูดขึ้นทันที “แม่คะ บ้านเราไม่เหมือนกับทางตระกูลเหยานะ นายท่านเหยาไม่มีลูกชาย ตระกูลเหยาจึงไม่มีทายาทให้สืบสกุลต่อแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่นายท่านเหยาขอให้ลูกมู่หลานใช้แซ่เหยา แต่ครอบครัวเรายังมีอวี๋เซิงอยู่ รอร่างกายของอวี๋เซิงดีขึ้นก่อน เขาก็มีลูกของเขาเองได้ค่ะ”
เริ่นม่านนีที่อยู่ข้าง ๆ ก็บอกกล่าวเช่นกัน “ใช่ค่ะคุณย่า นั่นเป็นเรื่องจริง”
คุณนายเซี่ยก็ทราบดี แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เซี่ยฉางชิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดขึ้น “พอเถอะแม่ ไปดูว่าในครัวเป็นยังไงแล้วบ้าง ครั้งนี้บอกให้พวกเขาเตรียมอาหารเบา ๆ สักหน่อยด้วย”
“ก็ได้ ๆ เข้าใจแล้ว” คุณนายเซี่ยกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี หลังจากนั้นก็เดินไปทางห้องครัว
เซี่ยอวี๋เซิงเห็นคุณย่าเดินจากไป ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียไม่ได้ ขอเพียงแค่คุณปู่คุณย่าไม่มีความคิดที่จะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมก็พอแล้ว
มื้อเที่ยงในวันนี้อิ่มหนำสำราญมาก แต่ก็ยังมีหลายจานที่เป็นอาหารเบา ๆ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเตรียมไว้ให้ฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานก็ไม่เกรงใจ หลังจากนายท่านเซี่ยใช้ตะเกียบแล้ว ก็เริ่มกินทันที
หลังจากกินเสร็จ ฉินมู่หลานก็เตรียมตัวกลับ เซี่ยฉางชิงก็ไม่อยากรั้ง ด้วยกลัวว่าแม่จะพูดจาทำให้มู่หลานไม่พอใจ หลังจากมอบของที่เตรียมเอาไว้ให้กับมู่หลานแล้วก็บอกให้เธอเดินทางกลับดี ๆ
“พ่อคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อนนะคะ”
“ได้ ลูกระวังตัวด้วยนะ”
โชคดีที่เขาไม่ได้เตรียมของมากมายนัก ฉินมู่หลานที่ต้องถือจึงไม่รู้สึกเหนื่อย “พ่อเตรียมเอาไว้แค่นิดหน่อย ต่อไปจะค่อย ๆ เตรียมของเอาไว้ให้เด็กทั้งสองต่อ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพ่อ”
ฉินมู่หลานบอกลาเซี่ยฉางชิงแล้วก็กลับไปทันที
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวกลับมาก็รีบเอ่นยถาม “มู่หลาน เหรื่อยไหม อยากไปพักผ่อนสักหน่อยหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานชอบงีบหลับ จึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ ฉันจะไปงีบแปบหนึ่ง”
หลังจากฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา อาหารเย็นก็เตรียมเสร็จแล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ฉินมู่หลานไม่ทันคาดคิดก็คือ เมื่อเซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อกลับมา เขาได้พาพ่อลูกตระกูลเผยมาพร้อมกันด้วย
ฉินเจี้ยนเซ่อเห็นว่าภรรยาอยู่ที่บ้าน จึงรีบบอกกล่าวทันที “หว่านอี๋ คุณไปทำอาหารเพิ่มสักสองจาน เย็นนี้เจิ้งผู่กับกวงซินจะมากินข้าวเย็นด้วย”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าวทันที “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมให้”
เผยเจิ้งผู่เห็นแบบนี้จึงรีบพูด “พี่สะใภ้ ไม่ต้องหรอกครับ พวกเรากินแค่นิดเดียวก็พอแล้ว”
ตอนแรกสองพ่อลูกจะไปรับประทานอาหารที่โรงแรมรัฐกัน เพียงแต่เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อมีน้ำใจมาก ชวนพวกเขามากินอาหารเย็นที่บ้าน พวกเขาจึงตามมาด้วย
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกเจิ้งผู่ แปบเดียวเอง พวกคุณมากินข้าวด้วยทั้งที จะปล่อยให้กินไม่อิ่มท้องกันได้ยังไง”
เมื่อเห็นซูหว่านอี๋ไปที่ห้องครัวแล้ว เผยเจิ้งผู่จึงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก
แต่ฉินมู่หลานกลับหันมองฉินเจี้ยนเซ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะเอ่ยถาม “พ่อคะ วันนี้คุณอาเผยมาตรวจสอบความคืบหน้าของงานเหรอคะ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าว “ใช่ คุณอาเผยของลูกพากวงซินมาดูความคืบหน้าของงาน พวกอยากจะย้ายเข้ามาที่นี่แล้ว เดี๋ยวพวกเราก็จะได้เป็นเพื่อนบ้านกันแล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวทั้งรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ญาติห่าง ๆ ก็ยังไม่เทียบเท่าเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ต่อไปครอบครัวของเราจะได้ไปมาหาสู่กันได้มากขึ้น”
เผยเจิ้งผู่ก็คิดเหมือนกัน จึงอาศัยจังหวะนี้กล่าวขึ้น “มู่หลานพูดถูก ญาติห่าง ๆ ก็ยังไม่เทียบเท่าเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ วันนี้กวงซินตรวจดูแล้ว บ้านของพวกเราใกล้จะเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี เจี้ยนเซ่อกับเหวินปิงตกแต่งดีมาก”
เมื่อเห็นว่าเผยเจิ้งผู่ชอบ ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็ได้รู้สึกดีใจ แต่ทั้งสองก็ยังไม่กล้าพอที่จะรับความดีความชอบ
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาจารย์ของเคอวั่ง หากไม่มีเขา พวกเราสองคนคงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”
เผยเจิ้งผู่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ ต้องขอบคุณอาจารย์เหลียง แต่ก็ต้องขอบคุณพวกคุณด้วยเหมือนกัน ฝีมือของพวกคุณประณีตมาก”
เมื่อมีคนชม ฉินเจี้ยนเซ่กับเซี่ยเหวินปิงห็ต้องรู้สึกดีใจอยู่แล้ว
ซูหว่านอี๋จัดการเร็วมาก ไม่นานก็ทำอาหารเพิ่มมาอีกสองสามจาน
แม้จะมีเผยเจิ้งผู่กับเผยกวงซินสองพ่อลูกอยู่ด้วย ก็กินกันได้พอดีอยู่แล้ว
แต่พวกเขายังไม่ทันได้เริ่มกิน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอก
ซูหว่านอี๋ลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “จิ้งจือคงจะกลับมาแล้ว หล่อนทำงานล่วงเวลาอยู่โรงงาน ตอนนี้คงทำเสร็จกลับมาแล้วล่ะ”
แต่เมื่อซูหว่านอี๋เปิดประตูออก ก็พบว่าไม่ใช่เหยาจิ้งจือ เป็นเพียงหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่ดูสวยสง่า
ซูหว่านอี๋เห็นคนมา ก็อดตะลึงไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่า…คุณมาหาใครคะ?”
“เผยเจิ้งผู่กับกวงซินสองพ่อลูกอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ซูหว่านอี๋ไม่คิดว่าจะมีคนมาตามหาเจิ้งผู่และลูกชาย หล่อนจึงหยักหน้าแล้วกล่าว “อยู่ค่ะ”
“ฉันเป็นภรรยาของเผยเจิ้งผู่ ข่งไฉ่อิงค่ะ”
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณนายเซี่ยอย่าได้คืบเอาศอกสิ
ภรรยาเพื่อนบ้านมาหาถึงบ้าน มีเรื่องอะไรเปล่านี่?
ไหหม่า(海馬)