ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 486 นำความสำเร็จกลับมา(1)
ตอนที่ 486 นำความสำเร็จกลับมา(1)
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกจากโรงแรม เฉาเจิ้งหนานก็ออกจากโรงแรมพร้อมกับคนอีกสองคนเช่นกัน แต่หลิวเสวียข่ายไม่ทราบเรื่องนี้เลย ตอนนี้เขากำลังคิดถึงการท่องเที่ยวของตัวเองในอีกสองสามวันข้างหน้า
เซี่ยเจ๋อหลี่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานก็พยายามหาหนังสือเหมือนกัน
ในร้านหนังสือมีหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมน้อยมาก เธอจึงซื้อเพียงหนึ่งเล่มแล้วกลับไปทันที เมื่อมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ก็พบว่าเด็กทั้งสองหลับไปแล้ว
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานกลับมาแล้ว จึงรีบยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “มู่หลาน เธอกลับมาแล้ว”
ครั้นเห็นหนังสือเพียงเล่มเดียว หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ในร้านหนังสือคงมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยสินะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปดูที่หอสมุดมหาวิทยาลัยกันเถอะ”
ขณะพูดหล่อนก็แนะนำขึ้นอีกครั้ง “จริง ๆ แล้วให้น้องชายเธอช่วยยืมจากหอสมุดมหาวิทยาลัยของเขาก็ได้นะ เขาเรียนทางด้านนี้โดยเฉพาะ คงรู้วิธีหาหนังสือพวกนี้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ฉันกำลังคิดว่าเดี๋ยวกลับไปจะบอกเขาอยู่”
เซี่ยปิงหรุ่ยเอ่ยถามด้วยความสงัย “จริงสิ พ่อเธอกับพ่อสามีออกไปข้างนอก แล้วน้องชายเธอล่ะ ออกไปข้างนอกเหมือนกันเหรอ เธอก็เลยต้องดูเด็ก ๆ สองคนนี้คนเดียว”
“ใช่แล้ว เคอวั่งไปที่บ้านอาจารย์ของเขาน่ะ วันธรรมดาเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนวันหยุดเรียนกับอาจารย์ของเขา”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “น้องชายเธอนี่ก็ขยันเหมือนกันนะ”
“ใช่แล้ว เขาอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพนี้เร็ว ๆ น่ะ” ฉินมู่หลานเคยบอกฉินเคอวั่งแล้วว่าอย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป เพียงแต่ฉินเคอวั่งกำลังทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเหนื่อย ฉินมู่หลานจึงไม่ได้ว่าอะไรมาก
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน เซี่ยปิงชิงก็เดินมาหา เมื่อเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบเข้ามาถามเธอเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อยู่หลายอย่างมาก
ฉินมู่หลานอธิบายข้อควรระวังต่าง ๆ ให้กับเซี่ยปิงชิงด้วยความใจเย็น ขณะเดียวกันก็บอกกล่าวเรื่องที่ต้องใส่ใจหลังการคลอดด้วย
เซี่ยปิงชิงใส่ใจมาก นอกจากนี้ยังจดลงไปในกระดาษด้วย
เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงเป็นแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดติดตลกเสียไม่ได้ “เธอนี่จริงจังจังเลยนะ ฉันได้ยินมาว่าหลังจากตั้งท้องแล้วความจำจะแย่ลง เธอจดเอาไว้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าลืมจะได้หาดูได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “ถึงความจำฉันจะแย่ลง แต่ก็ยังดีกว่าของพี่แน่นอน”
“นั่นมันก็ไม่แน่หรอก”
ฉินมู่หลานเห็นสองพี่น้องเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมยกยิ้ม
ในตอนนั้นเอง ลุงเจี่ยงก็เดินมาหา พลางจับชิงชิงกับเฉินเฉินเอาไว้ “คุณหนูน้อยครับ เด็ก ๆ เพิ่งตื่น รู้ว่าคุณหนูน้อยกลับมาแล้ว ก็เลยจะมาหาครับ”
“ชิงชิง เฉินเฉิน”
ฉินมู่หลานเห็นเด็กทั้งสองก็ยกยิ้มพลางยื่นแขนไปหาพวกเขา
“หม่าม้า…”
ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองจะเป็นเด็กดีไม่เอะอะโวยวายเลย แต่พวกเขาก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เมื่อเห็นฉินมู่หลานกลับมาจึงรีบวิ่งเข้าไปกอด
ฉินมู่หลานสวมกอดเด็กทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พวกลูกเป็นเด็กดีเชื่อฟังกันหรือเปล่า”
“พวกลูกแป็นเด็กดีกันหรือเปล่า”
“เป็น”
ฉินมู่หลานกอดเด็กทั้งสองเอาไว้ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็จับให้พวกเขานั่งลง และหลังจากกินของว่างพร้อมกับพวกเขาแล้วก็วางแผนจะพาพวกเขากลับไป
เซี่ยปิงชิงเห็นแบบนี้ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “มู่หลาน พวกเธออยู่กินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็กล่าวตามมา “ใช่แล้วมู่หลาน ไม่ต้องรีบกลับหรอก”
“ใช่ครับคุณหนูน้อย อีกเดี๋ยวนายน้อยก็จะกลับมาแล้ว คุณหนูน้อยอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเถอะครับ”
ฉินมู่หลานสงสัยว่าฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงหลับไปกันแล้วหรือยัง จึงอยากจะไปดูสักหน่อย
หลังจากลุงเจี่ยงทราบก็เอ่ยขึ้นทันที “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนไปดู ถ้ายังไม่มีใครกลับมาก็จะให้คนรอ หลังจากพวกเขากลับมาแล้ว ก็ให้เชิญพวกเขามากินข้าวด้วยกันครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่คัดค้านอะไร
ในตอนนั้นเอง อยู่ ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เหมือนมีคนหลายคนกำลังเดินมาทางนี้ ทุกคนจึงหันไปมอง
ก่อนจะพบว่าเป็นผู้อาวุโสเซี่ยที่พาเซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่มาด้วย
เซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นคุณปู่รวมถึงพ่อและแม่มา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณปู่ พ่อ แม่ ทุกคนมาได้ยังไง นี่มันเร็วมากเลย พวกเราเพิ่งบอกทุกคนไปได้แค่สองวันเองนะ”
เซิงลี่ได้ยินแบบนี้ ก็จ้องมองลูกสาวทั้งสองครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเราก็ต้องวางเรื่องทุกอย่างแล้วรีบมาที่นี่สิ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็รีบเดินเข้าไปหาลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ปิงชิง ช่วงนี้ลูกไม่สบายเนื้อสบายตัวตรงไหนหรือเปล่า กินนอนอะไรดีไหม”
แม้แต่เซี่ยฉางเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามเข้ามาด้วย
“ใช่แล้วปิงชิง ทุกอย่างปกติดีไหม”
ผู้อาวุโสเซี่ยเป็นคนตรงไปตรงมาที่สุด เขาไม่ได้พูดอย่างอื่น แต่เอ่ยถามตามตรง “ปิงชิง หลานยืนยันแล้วใช่ไหมว่าหลานท้องลูกแฝดหรือเปล่า?”
เซี่ยปิงชิงพยักหน้าให้ผู้อาวุโส แล้วกล่าว “ค่ะ ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว ตอนแรกมู่หลานตรวจชีพจรให้ บอกว่าชีพจรของหนูบอกว่ามีแนวโน้มที่จะตั้งท้องลูกแฝดได้สูง พวกเราก็เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลทันทีเลยค่ะ”
ผู้อาวุโสได้ยินแบบนี้ ก็ยื่นมือออกมาแล้วกล่าวว่า “ปู่ขอตรวจชีพจรแกด้วยสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร คุณปู่ไม่ได้ตรวจชีพจรให้คนอื่นมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาขอตรวจชีพจรให้หล่อน
เซี่ยปิงชิงยื่นมือออกไปให้ผู้อาวุโสได้ตรวจชีพจรอย่างว่าง่าย
ผู้อาวุโสเซี่ยคลำชีพจรข้างซ้ายของเซี่ยปิงชิง หลังจากนั้นก็ดึงมือกลับอีกครั้ง สุดท้ายสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ…ดีจังเลยนะ เป็นลูกแฝดจริงด้วย มรดกของตระกูลเซี่ยเรากลับมาแล้ว”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสมีความสุขแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็เริ่มหัวเราะขึ้นเช่นกัน
เมื่อเทียบกับตระกูลเซี่ยในอดีต พวกเขาในตอนนี้ถือว่าตกต่ำลงไปมาก ในอดีตลูกหลานของตระกูลเซี่ยต่างเจริญรุ่งเรืองกว่าในยุคปัจจุบันหลายเท่า แต่ตอนนี้ตระกูลเซี่ยของพวกเขามีความหวังที่จะเจริญรุ่งเรืองแล้ว ต่อไปหากมีฝาแฝดเพิ่มมากขึ้น ตระกูลเซี่ยจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นอย่างแน่นอน
เซิงลี่เป็นห่วงอาการของลูกสาวคนเล็กมากกว่า จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ปิงชิง ลูกรู้สึกไม่สบายตัวหลังจากตั้งท้องบ้างไหม”
เซี่ยปิงชิงส่ายหัวแล้วบอกกล่าวตามตรง “ไม่มีค่ะ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย แค่กินเยอะขึ้นกว่าเดิม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กบอกแบบนี้ เซิงลี่ก็วางใจ
แต่ผู้อาวุโสกับเซี่ยฉางเจี๋ยยังไม่เห็นเจี่ยงสือเหิง จึงอดถามเพิ่มเติมเสียไม่ได้
“สือเหิงออกไปข้างนอกค่ะ อีกไม่นานก็จะกลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินลูกสาวคนเล็กบอกแบบนั้น เซิงลี่ก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย “วันนี้สือเหิงหยุดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่อยู่บ้านกับลูกล่ะ”
เซี่ยปิงชิงไม่ทราบว่าเจี่ยงสือเหิงออกไปทำอะไร เพราะเป็นความลับ เขาไม่ได้บอกอะไรหล่อนเลย เพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่สามารถตอบอะไรได้
เซิงลี่เห็นแบบนี้ สีหน้าก็จางลงนิดหน่อย
แม้แต่ผู้อาวุโสและเซี่ยฉางเจี๋ยต่างก็ไม่ค่อยพอใจนัก
ลุงเจี่ยงที่อยู่ข้าง ๆ เฝ้ามองอย่างกังวลใจ แต่ฉินมู่หลานก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พ่อบุญธรรมคงมีธุระอะไรบางอย่างค่ะ ก่อนหน้านี้ช่วงสุดสัปดาห์เขาก็ไม่ค่อยได้พัก”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คนตระกูลเซี่ยก็ไม่ค่อยพอใจนัก
ลุงเจี่ยงเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปาก ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เจี่ยงสือเหิงก็กลับมาพอดี
เจี่ยงสือเหิงก็ไม่คิดว่าผู้อาวุโสเซี่ยและคนอื่นจะมาถึงในวันนี้ แต่เมื่อเห็นว่าครอบครัวของภรรยาตัวน้อยมาหา เขาก็ย่อมดีใจ “คุณปู่ คุณพ่อคุณแม่ มากันแล้วเหรอครับ”
ผู้อาวุโสเซี่ยเห็นเจี่ยงสือเหิงดีใจขนาดนั้นที่พวกเขามาหา ใบหน้าก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
“สือเหิง พวกเราเพิ่งมาถึง แต่เธอออกไปทำอะไรมา ถึงได้กลับมาเอาป่านนี้”
เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ต่างก็พากันจ้องมองเขา
ใบหูของเจี่ยงสือเหิงร้อนฉ่านิดหน่อย แต่เขาก็ยังเอ่ยปากอธิบาย “ก่อนหน้านี้ปิงชิงบอกว่าอยากกินขนมหอมหมื่นลี้ฝีมือของผม เพราะฉะนั้น…ผมก็เลยไปซื้อขนมที่ร้านประจำ แล้วขอให้เถ้าแก่ร้านช่วยสอนให้ พอหล่อนอยากจะกิน ผมจะได้ทำให้หล่อนกินที่บ้านได้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นก็พากันหันมองไปทางเซี่ยปิงชิง
แม้แต่เซิงลี่เองก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย ลูกสาวคนเล็กนี่ก็ช่าง…
เจี่ยงสือเหิงยุ่งมากพออยู่แล้ว หล่อนกลับยังอยากจะกินขนมหอมมื่นลี้ฝีมือเขาอีก พิจารณาจากรูปลักษณ์ของเจี่ยงสือเหิงที่ดูไม่เหมือนคนเข้าครัวเลยสักนิด คำขอของลูกสาวคนเล็กจึงค่อนข้างน่าละอายใจอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เจี่ยงสือเหิงยอมทำให้จริงๆ
เซี่ยปิงชิงก็คาดไม่ถึงว่าเจี่ยงสือเหิงจะไปถามวิธีทำขนมหอมหมื่นลี้กับเถ้าแก่ หล่อนจำไม่ค่อยได้ว่าตนเคยพูดแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าเจี่ยงสือเหิงจะทำจริง และลงมือทำแล้วด้วย
เมื่อคิดได้แบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็หันมองเจี่ยงสือเหิง แววตาระยิบระยับ ผู้ชายคนนี้ใส่ใจทุกคำพูดของหล่อนจริง ๆ ตอนนี้ถึงกับเรียนรู้วิธีการทำขนมหอมหมื่นลี้เพื่อหล่อนด้วย “แล้วคุณทำเป็นหรือยัง จะทำให้ฉันเมื่อไหร่เหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณอยากกิน เดี๋ยวผมจะลองไปทำให้ตอนนี้เลย แต่ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่านะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะหาแดดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อแบบนี้ได้จากไหนคะ เอาใจใส่แบบสุดๆ เลย
ไหหม่า(海馬)