ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 488 ตกลงร่วมงาน(1)
ตอนที่ 488 ตกลงร่วมงาน(1)
เซี่ยเจ๋อหลี่กับคนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่หยางเฉิงทันทีที่ลงจากเรือ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ปักกิ่ง
“ในที่สุดก็ถึงบ้านเสียที”
ซูหว่านอี๋อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ หลังจากนั้นก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วถาม “อาหลี่ พวกเรากลับบ้านกันเลยไหม?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “แม่ครับ ผมยังไม่กลับ พวกแม่กลับกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระอย่างอื่นต้องไปจัดการก่อนครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ซูหว่านอี๋ก็พยักหน้า
เหยาจิ้งจือก็หันมองลูกชายคนเล็กแล้วกล่าวขึ้น “อาหลี่ ถ้าอย่างนั้นแกรีบไปจัดการธุระเถอะ เดี๋ยวฉันกับหว่านอี๋กลับกันเอง”
ในตอนนั้นเอง หลิวเสวียข่ายที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้น “เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณสองคนเองครับ”
เยว่เจินจูก็กล่าวตาม “ใช่ค่ะ เดี๋ยวพวกเราไปส่งน้าซูกับน้าเหยากลับเอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า “ผอ.หลิว ถ้าอย่างนั้นฝากพวกคุณไปส่งด้วยนะครับ”
จากนั้น เขาก็พาชายชราผมหงอกและเฉาเจิ้งหนานรวมถึงคนที่พามาด้วยอีกกลุ่มหนึ่งออกจากสถานีรถไฟทันที
หลิวเสวียข่ายเฝ้ามองหลายคนจากไป ก่อนหันไปมองซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือแล้วกล่าวขึ้น “คุณซู คุณเหยา เดี๋ยวพวกเราไปส่งครับ”
“ค่ะ”
หลังจากหลิวเสวียข่ายและเยว่เจินจูมาส่งคนแล้ว ทั้งสองก็รีบกลับบ้านเช่นกัน
ในตอนที่เยว่เจินจูออกจากฮ่องกง หล่อนได้สังเกตเห็นว่ามีชายชรผมหงอกปะปนอยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ามีเพียงหล่อนและหลิวเสวียข่าย จึงทนไม่ไหว แล้วเอ่ยถาม “เสวียข่าย ชายชราคนนั้นคือใครเหรอ ทำไมถึงกลับมาพร้อมกับพวกเราล่ะ เขา…”
เพียงแต่เยว่เจินจูยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนหลิวเสวียข่ายขัดก่อน
“เจินจู…พวกเรากลับบ้านกันก่อน”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหลิวเสวียข่าย เยว่เจินจูจึงหยุดพูดทันที หลังจากทั้งสองกลับถึงบ้าน หลิวเสวียข่ายก็กล่าวกับหล่อนอย่างเคร่งขรึม “เรื่องนี้คุณต้องจำใส่ใจเอาไว้เลยนะ พวกเราไปฮ่องกงกันเก้าคน กลับมาก็เก้าคน เข้าใจไหม”
เยว่เจินจูเห็นหลิวเสวียข่ายมีท่าทางแบบนี้ จึงทราบว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถึงแม้ว่าหลิวเสวียข่ายจะไม่ได้บอกอะไรชัดเจน แต่หล่อนก็ทราบดีว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อเห้นเยว่เจินจูไม่ถามมากความ หลิวเสวียข่ายก็ถอนหายใจ แล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
อันที่จริงตอนเขากลับมาก็เพิ่งทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับเฉาเจิ้งหนานพาอีกคนกลับมาด้วย ตอนนั้นเขาตกใจมาก แต่โชคดีที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย
อีกด้านหนึ่ง หลังจากซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกับถึงบ้าน ก็ได้แต่รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
“อยู่บ้านก็ยังดีกว่าจริงๆ”
เมื่อได้ยินซูหว่านอี๋พูดแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าแล้วกล่าวตาม “ใช่แล้ว ไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่าบ้าน ฉันคิดถึงเด็ก ๆ ด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดถึงพวกเราหรือเปล่า”
“ฉันก็คิดถึงชิงชิงกับเฉินเฉินเหมือนกัน”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าตามกัน จากนั้นทั้งสองก็รีบเดินผ่านประตูเข้าไปข้างใน
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงกำลังเล่นอยู่กับเด็กทั้งสองในห้อง เฉินเฉินเป็นคนแรกที่ค้นพบว่าคุณย่าและคุณยายกลับบ้านแล้ว จึงรีบวิ่งตรงไปหาทั้งสองด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเอง “ย่า…ยาย…”
ชิงชิงเห็นแบบนี้ก็รีบร้อนอ้าแขนขึ้นแล้ววิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยขาสั้น ๆ
เมื่อเห็นเด็กสองคนมีท่าทีแบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงจึงสังเกตได้ว่าภรรยาของพวกเขากลับมากันแล้ว จึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“จิ้งจือ/หว่านอี๋ พวกคุณกลับมาแล้ว”
เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋จับชิงชิงกับเฉินเฉินที่วิ่งเข้ามาหาพวกหล่อนเอาไว้ ก่อนจะอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นคนละหนึ่งและหอมแก้มของเด็กทั้งสอง
“ชิงชิง/เฉินเฉิน ย่า/ยายคิดถึงพวกหลานมากเลย”
“พวกเราก็คิดถึง”
เมื่อได้ยินเด็กทั้งสองกล่าว หัวใจของซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็แทบละลายไปหมด หลังจากพูดคุยกับเด็กทั้งสองสักพักหนึ่งแล้วก็หันไปมองฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงที่กำลังเฝ้ามองอย่างกระตือรือร้น
“หลายวันนี้พวกคุณคงลำบากแย่สินะคะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงต่างพากันส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ลำบากหรอก”
แต่เมื่อทั้งสองเห็นว่ามีเพียงซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือที่กลับมา จึงอดถามไม่ได้ “อาหลี่ล่ะ”
“อาหลี่มีธุระต้องรีบกลับไปน่ะค่ะ”
“พวกเราคิดว่าอาหลี่จะกลับมาพร้อมกับพวกคุณเสียอีก”
หลังจากฉินมู่หลานกลับมา ก็ทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้กลับมาด้วย
เหยาจิ้งจือกลัวว่าฉินมู่หลานจะคิดมาก จึงหาโอกาสกระซิบบอกว่าครั้งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ไปฮ่องกงเพื่อทำภารกิจ
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “แม่คะ ฉันรู้ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานทราบ เหยาจิ้งจือก็โล่งใจ แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่ามีเพียงหล่อนกับซูหว่านอี๋ที่ไม่ทราบอะไรเลย “มู่หลาน ในเมื่อเธอรู้อยู่แล้วก็ควรจะบอกพวกเราสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะได้ให้ความร่วมมือกับอาหลี่มากกว่านี้”
“แม่คะ ที่พวกเราไม่ได้บอกพวกแม่ ก็เพราะกลัวว่าแม่จะเป็นกังวลแล้วทำให้คนอื่นจับสังเกตได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง ตอนแรกที่หล่อนกับซูหว่านอี๋ทราบ สีหน้าก็ดูแปลกไป โชคดีที่ตอนนั้นเผยเจิ้งผู่กับข่งไฉ่อิงไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย พวกหล่อนจึงค่อย ๆ ปรับอารมณ์ได้ ไม่อย่างนั้นพวกหล่อนคงทำให้ความแตกไปนานแล้ว
“โชคดีที่ครั้งนี้พวกเรากลับมาได้ปลอดภัย”
“ใช่ค่ะ”
เป็นเพราะซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกลับมา มื้อเย็นจึงหรูหรามาก เพื่อเป็นการต้อนรับทั้งสองคน
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินเคอวั่งก็เดินเข้าไปถามซูหว่านอี๋ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “แม่ครับ ฮ่องกงสนุกไหม ได้ยินว่าเจริญกว่าที่นี่มากเลย”
“เจริญมากจริง ๆ มีตึกสูงอยู่ทั่วทุกที่เลย แต่แม่ก็ยังรู้สึกที่บ้านเราดีกว่า”
ตอนแรกที่ไปถึงฮ่องกง ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือต่างรู้สึกว่าพวกหล่อนมองเท่าไรก็มองไม่พอ ได้แต่รู้สึกว่าที่ไหน ๆ ก็ดีไปหมด และหลังจากที่ทราบถึงรายได้ในฮ่องกงแล้วก็ตกใจมากกว่าเดิม เงินรายได้ต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่หลายสิบหยวน แต่เงินรายได้ต่อเดือนในฮ่องกงขั้นต่ำคือเจ็ดถึงแปดร้อย เทียบกันไม่ติดเลยจริง ๆ
ทว่าหลังจากได้เห็นความแปลกใหม่ไปในช่วงแรกแล้ว พวกหล่อนก็ยังรู้สึกว่าบ้านเกิดของตัวเองดีที่สุด
ฉินเคอวั่งฟังแม่ตัวเองเล่าประสบการณ์ในฮ่องกง และเกิดความสนใจต่อตึกสูงในฮ่องกงเป็นที่สุด
“แม่ครับ แม่ช่วยเล่าให้ฟังเพิ่มได้ไหมว่าตึกพวกนั้นหน้าตาเป็นยังไงบ้าง?”
ครั้งนี้เป็นซูหว่านอี๋ที่ตกตะลึง “ถึงอาคารพวกนั้นจะสูงใหญ่และสวยมาก แต่ถ้าให้แม่เล่ารายละเอียด แม่คงบอกไม่ได้จริง ๆ”
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองทางเหยาจิ้งจืออีกครั้ง
เหยาจิ้งจือรีบยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้นทันที “เคอวั่งเอ๊ย พวกเราไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ รู้สึกแค่ว่าสวยเท่านั้นแหละ อย่างอื่นก็บอกไม่ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของฉินเคอวั่งก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “เคอวั่ง ถ้านายอยากเห็น ครั้งหน้านายก็ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยกันสิ”
“ได้ครับ”
ฉินเคอวั่งไม่มีความลังเลเลย และพูดตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “อาจารย์เคยบอกเอาไว้ว่ายิ่งเห็นมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งขยายขอบเขตความรู้ให้กว้างขึ้นได้ ได้ดูมากขึ้น ก็จะมีแรงบันดาลใจมากขึ้น”
“ใช่แล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกลับมา ทางฝั่งเซิงลี่ก็ได้รับข่าวเหมือนกัน จึงบอกให้ลูกสาวคนโตมาเชิญทุกคนในครอบครัวมู่หลานมารับประทานอาหารเย็น
พวกฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธ
แต่ถึงอย่างนั้นซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็ยังอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย “ปิงหรุ่ย พ่อแม่เธอมาปักกิ่งไหม?”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วกล่าว “ปู่กับพ่อฉันมากันแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานนึกขึ้นได้ ว่ายังไม่ได้บอกพวกหล่อนเรื่องที่เซี่ยปิงชิงตั้งครรภ์ จึงรีบเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างรวดเร็ว
หลังจากซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือทราบ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“ดีจังเลย ปิงชิงตั้งท้องแล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกเดี๋ยวสือเหิงก็ได้เป็นพ่อคนแล้วน่ะสิ ปิงชิงเองก็เหมือนกับมู่หลานเลยนะ ท้องครั้งเดียวได้ลูกแฝด น่าทึ่งเหลือเกิน”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ทุกคนก็ตรงไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงกัน
เซิงลี่เห็นซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือ ก็รีบทักทายด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว “หว่านอี๋ จิ้งจือ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่เจอกันนานเลย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าอยู่ที่บ้านล่ะนะ
ฮ่องกงเงินเดือนสูงก็จริง แต่ค่าครองชีพก็สูงเช่นกัน
ไหหม่า(海馬)