ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 492 เรียกร้องสิทธิ์(1)
ตอนที่ 492 เรียกร้องสิทธิ์(1)
เมื่อเห็นท่าทางของฉินเคอวั่งดูลังเล ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “ทำไมเหรอ มันพูดยากใช่ไหม นายโดนคนต่อยมาแต่ยังไม่พูดอีก มัวแต่ใจเย็นแบบนี้ ก็มีแต่จะทำให้คนรังแกนายได้มากขึ้น”
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก็รีบเอ่ย “พี่ครับ ผมก็ไม่ถือว่าโดนต่อยฝ่ายเดียวนะ ผมสู้กับคนนั้นด้วย ถึงแม้สภาพผมจะสะบักสะบอมนิดหน่อย แต่สภาพมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมหรอก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดมองฉินเคอวั่งไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “ทำไม นายยังภูมิใจอีกเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย”
“ผม…”
ฉินเคอวั่งลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
ปรากฎว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งในชั้นเรียนแอบชอบเขา แต่ฉินเคอวั่งไม่ได้สนใจหล่อนคนนั้นเลย ดังนั้นเมื่อผู้หญิงคนนั้นมาสารภาพกับตัวเอง เขาจึงปฏิเสธไป ไม่คิดว่าอยู่ ๆ วันนี้จะมีคนมาขวางเขาระหว่างทาง ปรากฎว่าชายคนนั้นเป็นพี่ชายของผู้หญิงคนนั้นมาตามหาเขา คิดอยากจะมาทวงความยุติธรรมให้น้องสาวตัวเอง
“เป็นเพราะ…นายปฏิเสธผู้หญิงคนนั้น พี่ชายของผู้หญิงคนนั้นก็เลยมาเอาเรื่องนายใช่ไหม”
ฉินเคอวั่งพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ผมคิดแค่เรื่องเรียน ไม่ได้คิดเรื่องจะมีแฟนมาตั้งแต่แรกแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็มองสำรวจฉินเคอวั่งอย่างละเอียด
เวลาผ่านไปโดยไม่ทันตั้งตัว ฉินเคอวั่งก็เข้าสู่วัยที่จะมีแฟนแล้ว อย่าให้พูดเลย ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยคิดนะ ตอนนี้น้องชายของเธอจัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเลยทีเดียว ไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงมาหลงรัก
เมื่อเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินมู่หลานก็อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย
“ผู้หญิงคนนั้นไม่สวยเหรอ?”
“พี่…”
ฉินเคอวั่งไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะยังใส่ใจเรื่องนี้ แต่ต้องบอกตามตรงว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริง ๆ
หลัวงจากฉินมู่หลานทราบ ก็มองฉินเคอวั่งด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าสวยมากแล้วทำไมนายถึงได้ปฏิเสธล่ะ”
“พี่ครับ ผมแค่อยากตั้งใจเรียน ยังไม่อยากหาแฟน”
เอาเถอะ ในเมื่อน้องชายยังมีท่าทางแบบนี้ แสดงว่าเขาคงยังไม่รู้แจ้ง
ฉินมู่หลานจึงไม่ว่าอะไรอีก แล้วพูดเพียงว่า “ถึงนายจะปฏิเสธผู้หญิงคนนั้น แต่นายก็ไม่ได้ผิด เพราะเรื่องแบบนี้ต้องตกลงปลงใจกันทั้งสองฝ่าย หรือว่าอยากจะบังคับให้นายยอมตอบตกลง พี่ชายของผู้หญิงคนนั้นจึงมาตามรังควานนาย เขานั่นแหละที่ผิด เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้นะ”
“พี่ครับ จริง ๆ ผมก็ไม่ใช่ฝ่ายโดนนะ ผู้ชายคนนั้นก็โดนผมต่อยเหมือนกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่พูดอะไร แล้วเอื้อมมือไปบีบแก้มของฉินเคอวั่งแทน
“โอ๊ย…โอ๊ย…โอ๊ย…”
ฉินเคอวั่งร้องเสียงหลง พยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของพี่สาว ก่อนจะปิดหน้าตัวเองแล้วพูดขึ้น “พี่ พี่ทำอะไรเนี่ย”
“นายเป็นแบบนี้แล้วยังบอกว่าไม่ใช่ฝ่ายโดน แล้วยอมให้คนมาต่อยจนสภาพเป็นแบบนี้ได้ไง”
ฉินเคอวั่งเม้มปากของตนไม่ยอมพูดอะไร แต่เขากลัวว่าคนในครอบครัวจะเป็นกังวล จึงรีบหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ครับ ถ้าพ่อกับแม่ถาม พี่อย่าบอกนะว่าผมไปตีกับคนมา แค่บอกว่าผมไม่ทันระวังตัวก็เลยล้ม”
“สภาพนายแบบนี้ไม่เหมือนคนล้มเลย”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี…”
ฉินเคอวั่งกังวลนิดหน่อย ตอนแรกเขาไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้ ไม่คิดเลยว่าจะโดนพพี่สาวจับสังเกตได้เร็วขนาดนี้ “แล้วถ้าผมไปอยู่หอมหาวิทยาลัยสักสองสามวันล่ะ พอกลับมาบ้านก็จะเห็นไม่ค่อยชัดแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ปรายตามองฉินเคอวั่งพักหนึ่ง แล้วเอ่ย “ถ้านายไม่กลับบ้าน พ่อกับแม่จะต้องถามพี่แน่นอน นายมานี่ซิ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก็ยอมเชื่อฟัง
ฉินมู่หลานทารองพื้นกลบปิดรอยจนรอยแผลบนใบหน้าของฉินเคอวั่งเห็นได้ไม่ชัดนัก เมื่อฉินเคอวั่งเห็นหน้าตัวเองในกระจก ก็เอ่ยด้วยความดีใจ “พี่ พี่สุดยอดมากเลย”
แต่ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็เปิดปากพูด “พรุ่งนี้พี่จะไปมหาวิทยาลัยกับนาย พี่จะไปเจอผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย แล้วบอกให้พี่ชายของเขามาขอโทษนาย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินคอวั่งก็ตกใจ แล้วพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “พี่…ตอนนี้พี่กำลังท้องโต ถ้าเกิดเดินไปชนเข้าจะทำยังไง ถึงตอนนั้นผมคงโดนบ่นจนตายแน่”
“วางใจ ไม่มีใครมาเดินชนคนท้องหรอก”
“พี่ ไม่กลัวอันตรายก็กลัวอุบัติเหตุหน่อย เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องไปหาเกาเชี่ยนเชี่ยนหรอก”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อเกาเชี่ยนเชี่ยนนี่เอง”
ฉินเคอวั่งไม่ได้สนใจเรื่องเกาเชี่ยนเชี่ยนอะไรนั่นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้คือพี่สาวจะตามตัวเองไปเจอคน “พี่ พี่ฟังผม พี่…”
แต่ฉินเคอวั่งยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นเสียงของเซี่ยปิงหรุ่ยก้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “พวกเธอสองพี่น้องกำลังทำอะไรกันอยู่”
พูดจบก็หันมองฉินเคอวั่ง แล้วเอ่ย “เคอวั่ง ทำไมหน้าตาดูเป็นกังวลขนาดนั้นล่ะ”
ฉินเคอวั่งเห็นเซี่ยปิงหรุ่ย จึงรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟัง “พี่ปิงหรุ่ย รีบห้ามพี่สาวผมหน่อย พี่ผมจะไปเอาเรื่องคนทั้งที่ท้องโตขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ผมไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นก็รู้สึกโกรธมาก
ฉินเคอวั่งเป็นน้องชายของฉินมู่หลาน จึงถือว่าเป็นน้องชายของหล่อนเหมือนกัน เป็นเพราะปฏิเสธผู้หญิงเพียงคนเดียวจึงโดนทำร้าย เพียงแต่หล่อนก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉินเคอวั่ง
“ใช่แล้วมู่หลาน เธอไม่ต้องไปเผชิญหน้าหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่คณะของเคอวั่งเอง ฉันอยากจะเห็นนักว่าพี่ชายของผู้หญิงคนนี้จะเก่งกาจขนาดไหน ถึงได้มาตามรังควานเคอวั่งของเราได้”
ฉินเคอวั่งไม่คิดว่าเรื่องจะกลับกลายเป็นแบบนี้ พี่สาวตัวเองไม่ได้ไปแล้ว แต่เซี่ยปิงหรุ่ยจะตามไปเอาเรื่องแทนเอง
ฉินมู่หลานก้มมองท้องตัวเอง จากนั้นก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเซี่ยปิงหรุ่ย
“ได้เลยปิงหรุ่ย ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้รบกวนเธอด้วยนะ พวกเราก็ไม่ได้จะทำอะไร แค่ต้องการให้พี่ชายของผู้หญิงคนนั้นมาขอโทษเคอวั่ง”
“วางใจเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
เซี่ยปิงหรุ่ยตอบกลับทันที จากนั้นก็พูดถึงจุดประสงค์ที่มาหา
“จริงสิมู่หลาน พรุ่งนี้คุณปู่กับพวกพ่อแม่ของฉันจะกลับซีอานแต่เช้า ก็เลยอยากจะชวนเธอไปกินข้าวด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วกล่าว “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปกับเธอด้วย”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็อยากเชิญฉินเคอวั่งด้วย “เคอวั่ง ไปด้วยกันไหม เดี๋ยวรอพวกน้าซูกับน้าเหยากลับมากันก่อน พวกเราค่อยมาตามพวกเขากัน”
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก้โบกมือแล้วบอกกล่าว “ผมไม่ไปหรอก พวกพี่ไปกันเถอะ”
จนกระทั่งซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งเจอกลับมา ก็เห็นว่าบนใบหน้าของฉินเคอวั่งมีรอยแผลนิดหน่อย จึงอดถามด้วยความกังวลใจเสียไม่ได้
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นทันที “แม่ น้าเหยา ผมไม่ทันระวังตัวจึงลื่นล้ม พวกแม่รีบไปกินข้าวกับพี่ปิงหรุ่ยเถอะ ผมกินที่มหาวิทยาลัยมาแล้ว ไม่ไปกับพวกแม่หรอกครับ”
ฉินเจี้ยนเซ่อเหลือบมองลูกชายด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แกไม่เคยกินข้าวเย็นที่มหาวิทยาลัย ทำไมวันนี้ถึงกินก่อนกลับมาล่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เคอวั่งโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ ฮอตไม่เบาเลย
นั่นสิมู่หลาน ให้คนอื่นช่วยบ้างเถอะ จะลุยเดี่ยวทั้งที่ท้องโตแบบนั้นเนี่ยนะ
ไหหม่า(海馬)