ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 500 ห้ามทัพ(1)
ตอนที่ 500 ห้ามทัพ(1)
หลังจากเรียนมาทั้งวัน ฉินมู่หลานก็ไปบอกฉินเคอวั่งก่อน หลังจากนั้นก็ไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงพร้อมกับเซี่ยปิงหรุ่ย
เซี่ยปิงชิงดีใจมากที่ได้เจอฉินมู่หลาน จึงยิ้มแล้วบอกให้เธอนั่งลง จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าวว่า “พี่ ฉันขอคุยกับมู่หลานสักแปบนึงนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดกลอกตาเสียไม่ได้
“พวกเธอคุยกัน ฉันฟังไม่ได้งั้นเหรอ” แต่หล่อนก็พูดเพียงสองคำเท่านั้น จากนั้หันหลังเดินออกกลับไปที่ห้องรับแขก
ฉินมู่หลานก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องที่เซี่ยปิงชิงจะบอกตัวเองเหมือนกัน จึงหันไปมองแล้วเอ่ยถามทันที “ปิงชิง เธอมีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงชิงก็หม่นลงทันที มองฉินมู่หลานด้วยความเศร้าก่อนจะบอกกล่าวว่า “มู่หลาน ฉันทะเลาะกับพ่อบุญธรรมเธอ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับหันมองเซี่ยปิงชิงด้วยความแปลกใจ ยากที่จะจินตนาการถึงเรื่องที่พ่อบุญธรรมทะเลาะกับเซี่ยปิงชิงได้ “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมพวกเธอถึงได้ทะเลาะกัน?”
“ช่วงนี้ฉันเบื่อมาก ก็เลยไปทำยาในห้องปรุงยานิดหน่อย หลังจากที่พ่อบุญธรรมของเธอรู้ เขาก็บอกฉันว่าตอนนี้ฉันกำลังท้อง ไม่ควรไปยุ่งกับของพวกนั้น แต่ฉันก็รู้ความรุนแรงของมันอยู่แล้ว ฉันไม่แตะต้องสมุนไพรที่มีพิษแรงพวกนั้นเลย ฉันก็แค่หาอะไรทำฆ่าเวลาเฉย ๆ แต่เขากลับพูดกับฉันแบบนั้น คิดว่าฉันไม่ใส่ใจลูในท้อง ฉันน่ะใส่ใจลูกมากกว่าใครทั้งนั้นอยู่แล้ว เชอะ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซี่ยปิงชิงก็ยังรู้สึกโกรธมาก
เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “เรื่องนี้ปิงหรุ่ยไม่รู้เหรอ เธอไม่ได้บอกหล่อนเหรอ”
เซี่ยปิงชิงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้บอกพี่ แค่ฝากให้พี่ไปบอกเธอ ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
หล่อนก็พิจารณาในมุมมองตัวเองเหมือนกัน “ถ้าฉันบอกเรื่องพวกนี้กับปิงหรุ่ย คนที่บ้านอาจจะรู้เรื่องนี้ด้วยก็ได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่ได้บอกพี่”
ถึงแม้ว่าจะโกรธ แต่ก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวมองเจี่ยงสือเหิงย่ำแย่ แน่นอนว่ามีความเป็นได้สูงเหมือนกันที่คนในครอบครัวจะว่ากล่าวตักเตือนหล่อนเหมือนกับเจี่ยงสือเหิง เช่นนั้นหล่อนจึงไม่พูด
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าฉันจะรู้เป็นคนแรกสินะ แค่ว่านะปิงชิง ฉันก็มีความคิดไม่ค่อยต่างจากพ่อบุญธรรมนัก ต่อให้เธอจะไม่ยุ่งกับสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงพวกนั้นก็ตาม แต่พวกสมุนไพรที่มีพิษอ่อน ๆ ยังไงก็ไม่ดีต่อลูกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอต้องอดทน อย่าเพิ่งไปปรุงยาพิษพวกนั้นในช่วงนี้เลย”
“โอ๊ย…มู่หลาน แม้แต่เธอก็พูดแบบนี้เหรอเนี่ย”
เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของเซี่ยปิงชิง ฉินมู่หลานก็ตบบ่าหลอนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าเธอคำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ถ้าเธอรู้สึกเบื่อ ก็มาหาเที่ยวเล่นกับฉันสิ”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองท้องของฉินมู่หลานก่อนจะพูดขึ้น “เธอท้องโตขนาดนี้ จะไปเล่นอะไรได้”
ฉินมู่หลานเหลือบมองท้องของเซี่ยปิงชิงด้วยเหมือนกัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เธอก็ท้องโตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ มีอีกหลายอย่างเลยนะที่คนท้องสามารถทำได้”
หลังจากนั้นเธอก็พูดโน้มน้าว ด้วยอยากให้พ่อบุญธรรมกับเซี่ยปิงชิงคืนดีกันโดยเร็วที่สุด จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “พ่อบุญธรรมไปทำงานยังไม่กลับมา รอเขากลับมา เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็รีบหันไปมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ได้”
แต่หลังจากที่พูดอย่างนั้นก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย “จริง ๆ แล้ว…พ่อบุญธรรมของเธอจะเป็นกังวลก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาไม่ได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะออกมาแทบดังลั่น
ปิงชิงยังใส่ใจพ่อบุญธรรมของเธอมากแม้ว่าจะทะเลาะกันก็ตาม แต่ก็ยังกลัวว่าพ่อบุญธรรมจะโดนต่อว่า ทำให้ตอนนี้เธอไม่สามารถกลั้นขำได้จริง ๆ
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เป็นเพราะว่าเขากังวลใจ เธอก็ควรจะคุยกับเขาดี ๆ ไม่ควรชวนทะเลาะกัน”
“จริง ๆ แล้ว…ก็ไม่ได้ถือว่าทะเลาะกันหรอกนะ หลังจากเจี่ยงสือเหิงตักเตือนแล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรฉันอีก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ไช่ทะเลาะกันหรอก พ่อบุญธรรมก็แค่เตือนเธอ”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็เปิดปากจะพูดต่อ ก่อนจะนึกไปถึงว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองยังบอกกับมู่หลานอยู่เลยว่าโกรธมาก แต่หากจะเล่าเพิ่มเติมก็กลัวจะไม่สอดคล้องกันเท่าใด จึงรีบหยุดพูดทันที
จนกระทั่งเจี่ยงสือเหิงเลิกงานกลับถึงบ้านและได้เจอฉินมู่หลาน จึงยกยิ้มแล้วชวนกินข้าว “มู่หลาน ทำไมวันนี้ลูกถึงมาล่ะ ตอนเย็นอยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อถึงเวลากินข้าว เซี่ยปิงหรุ่ยก็มาด้วย เพราะอยากรู้ว่าน้องสาวกับมู่หลานคุยอะไรกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังหาโอกาสถามไม่ได้
เจี่ยงสือเหิงเหลือบมองเซี่ยปิงชิง เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่มองตนเลย ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าปิงชิงจะยังโกรธอยู่ เขาคงต้องหาทางอื่นเพื่อเกลี้ยกล่อมหล่อนเสียแล้ว
แต่ถึงแม้ทั้งสองจะทะเลาะกัน เจี่ยงสือเหิงก็ยังคอยตักซุปให้เซี่ยปิงชิงตลอด นอกจากนี้ยังคอยแกะก้างปลาออกให้โดยเฉพาะด้วย
เมื่อเซี่ยปิงชิงเห็นซุปและปลาที่อยู่ตรงหน้าก็ทนไม่ไหว เงยหน้าขึ้นหันไปมองเจี่ยงสือเหิง แต่ก็ทำเพียงแค่มองเท่านั้น ก่อนหยุดมองแล้วรีบก้มหน้าก้มตา
เจี่ยงสือเหิงเห็นแบบนี้ สีหน้าก็ดูผิดหวังนิดหน่อย วันนี้เขาก็โทษตัวเองเหมือนกันที่เมื่อคืนพูดจาเสียงดังไปหน่อย
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแปลกอะไรเลย
แต่ฉินมู่หลานกลับหันมองไปที่เจี่ยงสือเหิง จากนั้นก็หันมองเซี่ยปิงชิงอีกครั้ง ในใจต่างเป็นห่วงพวกเขาทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาห่วงใยกันมาก แต่ตอนนี้กลับยังไม่พูดกัน
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ทราบเรื่องที่ทั้งสองกำลังทะเลาะกันอยู่ ตอนนี้หล่อนจึงไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกินข้าวเสร็จ เซี่ยปิงชิงก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปทันที เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นจึงหันไปมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอจะกลับเลยไหม อยากให้ฉันไปส่งเธอที่บ้านไหม”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วส่ายหัวพลางบอกกล่าว “ฉันว่าอีกสักพักแล้วค่อยกลับ เดี๋ยวฉันจะอยู่คุยกับพ่อบุญธรรมก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยไปแล้ว ฉินมู่หลานก็หันไปมองเจี่ยงสือเหิงแล้วพูดขึ้น “พ่อคะ พวกเราไปคุยกันทางนู้นสักพักเถอะ”
เจี่ยงสือเหิงก็ตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน นอกจากนี้เขายังอยากให้ฉินมู่หลานช่วยไปพูดกับเซี่ยปิงชิงให้ด้วย
หลังจากทั้งสองนั่งลง เจี่ยงสือเหิงก็เริ่มเปิดปากพูด “มู่หลาน เมื่อวานตอนเย็นพ่อพูดกับปิงชิงเสียงดังไปหน่อย หลังจากนั้นพ่อก็คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ปิงชิงตั้งท้องลำพังก็ลำบากอยู่แล้ว แต่พ่อยังไปพูดกับหล่อนแบบนั้นอีก”
ตอนแรกเจี่ยงสือเหิงจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฉินมู่หลานฟังต่อ แต่ฉินมู่หลานกลับเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “พ่อคะ ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว ปิงชิงบอกฉันหมดแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็รีบหันไปมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “จริงเหรอ ปิงชิงบอกอะไรลูกบ้าง?”
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องที่เพิ่งคุยไป หลังจากนั้นก็พูดว่า “ปิงชิงใส่ใจพ่อมากนะคะ ตอนที่ได้ยินว่าเดี๋ยวฉันจะมาคุยกับพ่อให้ ก็ยังรีบอธิบายเพิ่มใหญ่เลย หล่อนน่ะเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ”
หลังจากเจี่ยงสือเหิงได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเล่า เขาก็ไม่อาจเก็บสีหน้าได้เลย อยากไปหาเซี่ยปิงชิงเสียเดี๋ยวนี้
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“พ่อคะ พ่อรีบไปหาปิงชิงเถอะ ไปขอโทษหล่อนให้เหมาะสม ครั้งนี้หล่อนไม่อยากให้ครอบครัวรู้ว่าทะเลาะกับพ่อ แม้แต่กับปิงหรุ่ยยังไม่บอกเลย แต่ให้ปิงหรุ่ยมาตามฉัน แล้วเล่าปัญหาแค่กับฉันเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิตใจของเจี่ยงสือเหิงก็อ่อนยวบ ไม่สนใจฉินมุ่หลานอีกต่อไป “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพ่อไปหาปิงชิงก่อนนะ ลูกให้ลุงเจี่ยงพาคนไปส่งนะ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงรีบวิ่งไป ฉินมู่หลานก็หัวเราะออกมา เธอไม่เคยเห็นพ่อบุญธรรมลุกลี้ลุกลนขนาดนี้มาก่อน หลังจากลุงเจี่ยงเดินเข้ามาแล้วทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบชมฉินมู่หลานเสียยกใหญ่
“คุณหนูน้อย ครอบครัวนี้ต้องการคุณหนูจริง ๆ นะครับ เมื่อวานผมเป็นกังวลเหลือเกิน กลัวว่าทั้งสองอารมณ์เสียใส่กัน แต่พอมีคุณหนูช่วยพูดให้ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานน่าจะหายโกรธกันแล้วแหละครับ”
“ใช่ค่ะ อีกไม่นานก็น่าจะหายโกรธกันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาดูใหม่ค่ะ”
“ครับ”
ลุงเจี่ยงตอบรับอย่างมีความสุข หลังจากนั้นก็ให้คนไปส่งฉินมู่หลาน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทนเอาหน่อยนะพ่อบุญธรรม คนท้องก็อารมณ์อ่อนไหวแปรปรวนแบบนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)