ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 502 แก้ไขอย่างง่ายดาย(1)
ตอนที่ 502 แก้ไขอย่างง่ายดาย(1)
เมื่อได้ฟังคำสิ่งที่ข่งไฉ่อิงเล่า ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “จริง ๆ แล้วคุณน้าหากลุ่มผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าก็ได้ค่ะ ถ่ายรูปพวกหล่อนหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ทุกวัน ทำต่อเนื่องไปสักหนึ่งเดือน แล้วใส่ภาพใบหน้าของพวกหล่อนในวันแรกกับวันสุดท้ายเอาไว้ในกรอบเดียว ก็จะเห็นถึงความต่างของผลลัพธ์ที่ใช้ในวันแรกและวันสุดท้ายค่ะ”
ข่งไฉ่อิงได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสนใจ
“มู่หลาน เธอนี่ความคิดดีจังเลย เดี๋ยวถึงเวลาพวกเราจะลองหาดาราสาวที่ไม่แต่งหน้า หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ก็คงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวพวกหล่อนได้แน่นอน”
“พวกดาราจะยอมออกกล้องทั้งที่ไม่แต่งหน้าเหรอคะ?”
เพราะดาราสาวหลายคนไม่ค่อยอยากให้คนอื่นเห็นด้านไม่ดีของตัวเอง ตอนที่ไม่แต่งหน้าคงเทียบไม่ได้กับตอนแต่งหน้า
ข่งไฉ่อิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เธอวางใจเถอะ เรื่องนี้หาคนที่เต็มใจได้ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่เต็มใจ พวกเราก็ทำให้พวกหล่อนยอมเต็มใจได้”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้น “หรือว่าจะหาคนที่ต้องพึ่งตัวเองคะ”
เธอรู้ดีว่าช่วงยุคสมัยนี้มีดาราในฮ่องกงจำนวนมากที่ยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่ได้ แม้ว่าภายนอกจะดูหรูหรา แต่ความจริงแล้วไม่มีทางเลือก อยากจะให้พวกเขาทำอะไรก็ต้องทำอย่างนั้น
ข่งไฉ่อิงได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย ก็หันไปมองเธอด้วยความแปลกใจนิดหน่อย หล่อนคิดว่าฉินมู่หลานน่าจะทราบอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงแค่ยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ใช่ ขอเพียงแค่มีเงิน ก็ไม่มีสิ่งไหนที่แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นหรอก น้าว่าแม้แต่เฉินเหวินเหวินคนนั้นก็น่าจะยินดีร่วมงานของเราเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ ลองถามหล่อนดูก็ได้”
หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยเรื่องอื่นต่ออีก และข่งไฉ่อิงก็นึกถึงเรื่องที่หล่อนเพิ่งได้ยินมาก่อนหน้านี้ จึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน น้าได้ยินมาว่าอาหารเสริมความงามของเธอได้ไปวางจำหน่ายที่ต่างประเทศแล้ว หลังจากที่กินไปไม่เพียงแต่จะทำให้ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังดีต่อสุขภาพร่างกายด้วย ไม่รู้ว่าน้าจะขอสั่งของด้วยได้ไหม หลังจากนั้นจะได้นำไปวางขายในฮ่องกง”
“ได้ค่ะ แต่ว่าทางฝั่งน้าต้องรอจดทะเบียนยาก่อนนะคะ”
ตอนที่วิลเลียมตัดสินใจสั่งอาหารเสริมพวกนี้ไป เขาก็จดทะเบียนยาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหากเอาไปวางขายต่างประเทศ คนอื่นก็คงไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวว่ายาเหล่านั้นจะผิดปกติ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งวิลเลียมนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
และเมื่อข่งไฉ่อิงได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าวทันที “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว น้าทำแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ถึงตอนนั้นน้าค่อยตัดสินใจเรื่องปริมาณมา แล้วทางฝั่งเราจะผลิตอาหารเสริมความงามให้กับทางคุณน้าค่ะ”
ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็ยังบอกกับข่งไฉ่อิงอย่างชัดเจนด้วยว่าอาหารเสริมพวกนี้เป็นสมบัติของทางตระกูลเซี่ย ตัวเองแค่มีส่วนช่วยในเรื่องสูตรยาเท่านั้น
ข่งไฉ่อิงได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นทันที “มู่หลาน น้าเชื่อใจเธอ ในเมื่อเครื่องสำอางดีมาก เพราะฉะนั้นอาหารเสริมก็คงไม่มีปัญหา”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราดำเนินการกันเลย”
หลังจากข่งไฉ่อิงและฉินมู่หลานพูดคุยกันเสร็จ ก็หันไปมองทางซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจืออีกครั้งก่อนจะบอกกล่าว “ผอ.ซู ผอ.เหยา เครื่องสำอางที่ฮ่องกงขายดีมากเลยค่ะ ฉันกลับมาครั้งนี้ เพราะต้องการจะสั่งเพิ่มอีกค่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือช่วยบริหารโรงงานเครื่องสำอาง จนตอนนี้ทั้งสองกลายเป็นผู้อำนวยการไปแล้ว
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือต่างพากันยิ้มแย้ม ยิ่งทางโรงงานขายเครื่องสำอางได้มากก็จะยิ่งมีกำไรมาก
หลังจากข่งไฉ่อิงบอกเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวกลับ
“น้าข่ง กลับดี ๆ นะคะ”
หลังจากข่งไฉ่อิงกลับไป ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไปดูงานที่โรงงานต่อ เพราะในช่วงนี้ธุรกิจเครื่องสำอางดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้หลิวเสวียข่ายก็ได้นำข่าวบางอย่างมาบอกพวกเธอด้วย
“มู่หลาน ผอ.หลิวบอกว่าห้างสรรพสินค้าที่อื่นต้องการนำเครื่องสำอางของเราไปวางจำหน่ายด้วย หากว่าครั้งนี้ตกลงกันได้จริง ๆ โรงงานของเราก็จะขยายธุรกิจไปได้”
เมื่อเห็นทั้งสองตื่นเต้น ฉินมู่หลานก็อดพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “นี่เป็นข่าวดีก็จริงค่ะ แต่สิ่งที่พวกเราต้องใส่ใจให้มากที่สุดก็คือเรื่องของคุณภาพสินค้า ถึงแม้โรงงานจะขยายกิจการใหญ่โตขึ้น แต่คุณภาพสินค้าของพวกเราต้องไม่ด้อยลง”
เรื่องนี้ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือต่างจำใส่ใจเอาไว้แล้ว
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว พวกเราจะใส่ใจตลอด”
ทั้งสองเร่งรีบทันที หลังจากทำกับข้าวเสร็จก็ไปที่โรงงานด้วยกัน
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้ทั้งสองรักงานของตัวเองกันมาก ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้เธอก็ควรจะเข้าไปที่นั่นสักหน่อย
เพียงแต่เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ยังไม่ได้เข้าไป
เมื่อเห็นวิลเลียมที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของฉินมู่หลานก็ดูแปลกใจ “คุณวิลเลียม คุณมาทำไมเหรอคะ ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนคุณบอกว่ากว่าจะกลับมาก็ช่วงครึ่งปีหลัง”
วิลเลียมได้ยินแบบนี้ก็รีบบอกกล่าว “มิสซิสฉิน ผมพาเพื่อนมาที่นี่เพราะอยากให้คุณช่วยรักษาเขาหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด หลังจากนั้นก็หันมองผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากวิลเลียม เพียงแต่ผู้ชายคนนั้นสีหน้าดูซีดเซียวนิดหน่อย นอกนั้นก็ไม่มีอาการอย่างอื่น รู้สึกเพียงว่าเป็นคนจริงจังมาก
“มิสซิสฉิน นี่คือแอนดี้เพื่อนสนิทของผม ช่วงนี้เขาไม่ค่อยสบาย แต่พอไปโรงพยาบาลกลับตรวจอะไรไม่พบเลย เขากำลังลำบาก หลังได้ยินเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังจึงตั้งใจอยากมาให้คุณช่วยตรวจครับ”
อันที่จริงพวกเขาควรมาให้เร็วกว่านี้ แต่แอนดี้ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาบอก จนกระทั่งทำอะไรไม่ได้แล้วจึงต้องตามเขามาที่ปักกิ่งด้วยกัน
ในตอนนั้นเอง แอนดี้ก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะโบกมือให้ฉินมู่หลานแล้วกล่าวขึ้น “สวัสดี มิสซิสฉิน ต้องรบกวนคุณหน่อยแล้ว”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วเอ่ย “ไม่รบกวนหรอกค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ”
หลังจากทั้งสองเข้าไปข้างใน ฉินมู่หลานก็รินชาให้พวกเขา หลังจากนั้นก็หันมองแอนดี้แล้วเอ่ยขึ้น “คุณแอนดี้คะ ฉันขอตรวจชีพจรคุณหน่อยค่ะ”
“ครับ”
แอนดี้เคยได้ยินจากวิลเลียมเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจแล้ว จึงไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด แล้วยื่นแขนออกไป
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้แอนดี้อย่างละเอียด หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “คุณแอนดี้คะ ช่วงนี้เหนื่อยง่ายใช่ไหม ทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยมาก และพอมีอะไรมากระทบจิตใจคุณนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะทำให้คุณรู้สึกฉุนเฉียวมาก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ในที่สุดสีหน้าของแอนดี้ก็ดูจริงจังขึ้นมา
เขาหันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ครับ ช่วงนี้ผมเหนื่อยง่ายมาก แล้วก็อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายด้วย”
นึกไม่ถึงเลย ว่าหญิงสาวตรงหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เช่นนี้จะทำการตรวจให้ได้ เพียงหล่อนแตะข้อมือเขาไปเมื่อสักครู่ก็ทราบถึงสภาพร่างกายของเขาทั้งหมด นี่มันน่าอัศจรรย์เหลือเกิน
วิลเลียมเห็นว่าสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง จึงหันมองแอนดี้แล้วเอ่ยขึ้น “แอนดี้ ฉันบอกนายแล้วว่าหมอฉินเก่งมาก แต่นายก็ไม่ยอมเชื่อ ถ้ายอมเชื่อตั้งแต่แรกพวกเราคงได้มาเร็วกว่านี้”
แอนดี้เห็นเพื่อนของเขาดูตื่นเต้นนิดหน่อย จึงอดพูดไม่ได้ “วิลเลียม มาตอนนี้ก็ยังทัน”
หลังจากพูดจบ แอนดี้ก็หันไปมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “มิสซิสฉิน ถ้าอย่างนั้นอาการของผมถือว่าป่วยไหมครับ?”
“ก็ไม่ถือว่าป่วยค่ะ แต่บอกได้ว่าสภาพร่างกายค่อนข้างอ่อนแอมาก ขอเพียงคุณดูแลร่างกายให้ดี ติดเพียงว่าอาการของคุณค่อนข้างรุนแรง จึงต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนานค่ะ”
เมื่อแอนดี้ได้ยินว่าเขาไม่ได้เป็นโรค ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “ในเมื่ออาการของผมไม่ถือว่าเป็นอาการเจ็บป่วย ถ้าอย่างนั้นกินยาไปแล้วก็คงไม่ช่วยอะไรใช่ไหมครับ มันคงไม่มีผลอะไรกับร่างกายใช่ไหม?”
“อย่าห่วงเลยค่ะคุณแอนดี้ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นแอนดี้ยังกังวลใจนิดหน่อย วิลเลียมจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “แอนดี้ นายดูฉันตอนนี้สิ ฉันดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย เป็นเพราะกินยาของหมอฉินนี่แหละ”
แอนดี้เห็นวิลเลียมเป็นแบบนี้ ก็หันไปมองฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าว “มิสซิสฉิน ถ้าอย่างนั้นคุณจ่ายยาให้ผมหน่อยสิ แต่ว่าต้องกินเยอะไหม? แล้วนานแค่ไหนถึงจะเห็นผลเหรอครับ?”
“ต้องกินต่อเนื่องติดต่อกันหนึ่งเดือนค่ะ เพื่อให้ได้ผลระยะยาว หากว่าคุณแอนดี้ตกลง เดี๋ยวฉันจะจ่ายยาให้ค่ะ”
“ครับ เชิญหมอฉินจ่ายยาได้เลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เงินเท่านั้นที่น็อกเอฟรี่ติงของแท้
ไหหม่า(海馬)