ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 508 เป็นคู่ ๆ(1)
ตอนที่ 508 เป็นคู่ ๆ(1)
ถูเฉิงเสียงที่เพิ่งกลับมาได้ยินน้ำเสียงฉุนเฉียวของภรรยา เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “อันเหอ คุณพูดอะไรเนี่ย ช่วยระวังหน่อย ที่นี่เป็นบ้านพักครอบครัวนะ ผนังมันไม่เก็บเสียง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คังอันเหอก็กลับมาได้สติอีกครั้ง แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อ “ต้องเป็นนังฉินมู่หลานนั่นแน่ ๆ หล่อนมาที่นี่เพื่อมาสู้กับฉัน”
หลังจากถูเฉิงเสียงได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูไม่สู้ดีเอามาก ๆ
“ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่าไม่ต้องไปทำอะไรไร้สาระแบบนี้ แต่คุณกลับยังไปปล่อยข่าวลือพวกนั้นอีก ตอนนี้ก็เลยโดนคนเปิดโปงแล้ว”
คังอันเหอได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองถูเฉิงเสียงด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อแล้วพูดขึ้น “แล้วตอนที่ฉันทำ ทำไมคุณไม่ห้าม ถึงตอนนี้จะมาพูดอะไรอีก ตอนนั้นคุณมัวทำอะไรอยู่ล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของถูเฉิงเสียงก็หม่นหมองลงพูดอะไรไม่ไม่ออก ทำได้เพียงจ้องมองสีหน้ามืดมนของคังอันเหอ
คังอันเหอจ้องมองเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัว แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันพูดผิดหรือไง ในใจคุณก็คิดเหมือนฉันไม่ใช่เหรอ ต้องการทำลายชื่อเสียงของฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ใช่หรือไง พอตอนนี้แผนไม่สำเร็จ คุณจะมาโทษฉันเหรอ”
คังอันเหอเรื่มโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พูด
“การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ฉันไม่ได้ถามถึงสักคำหลังจากคุณกลับมา แต่มองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว คุณคงแพ้เซี่ยเจ๋อหลี่อีกแล้วสินะ เตรียมตัวมาตั้งนาน แต่ก็ยังแพ้อยู่วันยังค่ำ ก็ไม่แปลกที่จะเลื่อนตำแหน่งไม่ได้สักที เพราะคุณมันเทียบกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้”
“หุบปาก!”
ถูเฉิงเสียงไม่อยากได้ยินแบบนี้ เขาจึงมองคังอันเหอด้วยสายตาน่ากลัว ราวกับจะเขมือบคนเข้าไปทั้งร่าง
เมื่อเห็นท่าทางของถูเฉิงเสียง คังอันเหอก็รู้สึกตกใจ หล่อนไม่เคยเห็นท่าทางของถูเฉิงเสียงแบบนี้มาก่อน จึงรู้สึกกลัวนิดหน่อย เม้มปากลงแล้วไม่พูดอะไรอีก
ในขณะที่ถูเฉิงเสียงและคังอันเหอกำลังทะเลาะกันอยู่ทางด้านนี่
ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับเข้ามาในบ้านที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นน่าอยู่ รอยยิ้มก็ค่อย ๆ ปรากฎขึ้นบนมุมปาก เขาเอนตัวนอนลงบนเตียงแล้ว ทั้งร่างก็ผ่อนคลายไปหมด
ถึงแม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะสำเร็จไปด้วยดี แต่มันก็ทำให้เขาหมดแรงเหมือนกัน ร่างกายได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่เขาไม่กล้าเปิดเผยมันต่อหน้าฉินมู่หลาน ด้วยความกลัวว่าเธอจะเป็นกังวล
เมื่อนึกไปถึงว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บมาอย่างไร แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มืดหม่นลง นอกจากนี้แววตายังฉายแววมุ่งมุ่นมากขึ้น ในเมื่อถูเฉิงเสียงกล้าวางแผนคิดจะต่อต้านตัวเอง ก็อย่าต้องโทษว่าเขาหยาบคายแล้วกัน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับไป ก็พบว่าซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือกำลังรอเธออยู่
“แม่ ทำไมพวกแม่ถึงยืนอยู่ตรงนี้กันล่ะคะ รีบเข้าข้างในเถอะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานกลับมา สุดท้ายจึงโล่งใจ ก่อนจะกลับมารู้สึกแย่อีกครั้ง “มู่หลาน ให้พวกเราไปที่นั่นด้วยไหม ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นคนในครอบครัวของอาหลี่ เข้าไปอยู่ด้วยได้แน่นอน แบบนี้จะได้ดูแลลูกได้ง่ายขึ้นด้วย”
พวกหล่อนกังวลว่าหากปล่อยให้ฉินมู่หลานอยู่ที่บ้านพักครอบครัวคนเดียวอาจท้องไม่อิ่ม
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่คะ พวกแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูว่าจะไปอยู่ที่นั่นเป็นครั้งคราว แล้วก็ไม่ได้จะไปอยู่ที่บ้านอาหลีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีเหวินเฉียนกับเสี่ยวผิงด้วย พวกแม่ไม่ต้องกังวลใจนะคะ”
เหวินเฉียนและชุยเสี่ยวผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ใช่ค่ะน้าซู น้าเหยา มีพวกเราอยู่ พวกน้าไม่ต้องกังวลนะคะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือจึงไม่พูดอะไรมากมายอีก
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังจะออกไปข้างนอก ซูหว่านอี๋ก็อดเอ่ยเตือนไม่ได้ “มู่หลาน วันนี้ลูกลองไปพักที่บ้านอาหลี่หนึ่งคืนแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านเถอะ ถ้าไม่ได้ ก็บอกให้อาหลี่กลับมาอยู่ที่บ้านตอนที่เขาว่าง”
เมื่อเห็นสีหน้าของแม่ดูกังวล ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วเอ่ย “ได้ค่ะ แม่ หนูเข้าใจแล้ว หนูไม่ได้จะไปอยู่บ้านอาหลี่เป็นการถาวรหรอกค่ะ กลับมาอยู่บ้านย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”
สาเหตุที่เธอไปก็เป็นเพราะข่าวลือทั้งหมดนั้น หากเรื่องนี้คลี่คลายลงแล้ว เธอจะกลับบ้านแน่นอน
เมื่อฉินมู่หลานไปที่มหาวิทยาลัย ก็พบว่าเซี่ยปิงหรุ่ยอยูในห้องเรียนแล้ว หล่อนเห็นฉินมู่หลานมาแล้วก็รีบโบกมือให้เธอ ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ทางนี้”
ฉินมู่หลานเดินเข้าไปแล้วนั่งลง ก่อนจะเปิดหนังสือเรียนที่ต้องใช้ศึกษา
และเซี่ยปิงหรุ่ยก็โน้มตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของฉินมู่หลานทันที “มู่หลาน ตอนเที่ยงเราไม่ต้องไปกินข้าวที่โรงอาหารนะ พวกเราออกไปกินข้างนอกกัน หยวนฝูบอกว่าแฟนหล่อนอยากเชิญพวกเราไปกินข้าวด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็มีสีหน้าแปลกใจ
“หยวนฝูมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เรื่องนี้ฉันไม่รู้หรอก เอาไว้รอถามหล่อนแล้วกัน แฟนของเธอเป็นใครที่ไหน ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ทราบอะไรเลย ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ถามอีก
จนกระทั่งคาบเรียนช่วงเช้าสิ้นสุดลง ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็เดินไปทางประตูหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อรวมตัวกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ เหมาชุนเถา เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวต่างอยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว
ส่วนทางด้านสือหยวนฝูก็เดินมาทางนี้พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ทุกคนมากันแล้วเหรอ”
สือหยวนฝูเห็นทุกคนมารวมตัวกันแล้ว จึงรีบแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกันพร้อมรอยยิ้ม “คนนี้คือหยางหรงฮ่าว แฟนฉันเอง เขาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยชิงหวา” หลังจากพูดจบ สือหยวนฝูก็แนะนำฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ให้หยางหรงฮ่าวได้รู้จักอีก
หยางหรงฮ่าวเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เขายิ้มแล้วกล่าวทักทายพวกฉินมู่หลาน
“สวัสดีครับ”
ฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง
สือหยวนฝูเห็นว่าทุกคนรู้จักกันแล้ว จึงยิ้มขึ้นแล้วบอกกล่าวจากทางด้านข้าง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเลยเถอะ ฉันจองร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่งเอาไว้ อร่อยมาก”
สือหยวนฝูเป็นผู้นำทาง ทุกคนมาถึงซอยเล็กแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในลานบ้านหลังเล็ก ๆ หนึ่งหลัง
“หยวนฝู พวกเราจะมาทานข้าวเที่ยงที่นี่กันเหรอ?”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นมองสือหยวนฝูด้วยความลังเล ที่นี่มองยังไงก็ดูเหมือนจะเป็นบ้านคน เหมาชุนเถาและคนอื่น ๆ ก็สงสัยเหมือนกัน
ฉินมู่หลานจึงอดกล่าวขึ้นเสียไม่ได้ “บ้านนี้เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ กันเองใช่ไหม?”
หลังจากผ่านพ้นปลายปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างเริ่มวางแผนคิดทำธุรกิจอะไรบางอย่าง เมื่อถึงปีนี้จึงมีคนทำเยอะ แต่ทุกคนก็ยังแอบทำเป็นความลับ เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้
สือหยวนฝูได้ยินคำพูดของฉินมู่หลานก็พยักหน้าทั้งรอยยิ้มแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ครอบครัวนี้เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่อย่าเอาไปบอกใครนะ เถ้าแก่จะได้ไม่มีปัญหา ฉันมีเส้นสาย ที่นี่จะมาจัดงานกันเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลายคนก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องห่วง ไม่เอาไปบอกใครหรอก”
หลังจากหลายคนเข้าไปข้างใน ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาสอบถามพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ให้ยกอาหารมาเลยไหมคะ?”
“ค่ะ เอาอาหารมาได้เลย”
สือหยวนฝูพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ พวกคุณดื่มชากันไปก่อนนะคะ พวกเราจะนำมาเสิร์ฟให้ค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ้านนั้นก็ทะเลาะกันไป ส่วนฝั่งมู่หลานก็เกิดคู่รักใหม่ขึ้นมาอีกคู่
ไหหม่า(海馬)