ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 510 พลิกผัน(1)
ตอนที่ 510 พลิกผัน(1)
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “อาหลี่ คุณฝึกเสร็จแล้วเหรอคะ”
“อื้ม ฝึกเสร็จแล้ว รู้ว่าคุณใกล้จะมาหา ผมก็เลยมารอคุณตรงนี้ ไม่คิดว่าคุณจะมาถึงพอดี” เซี่ยเจ๋อหลี่หยิบของจากมือของฉินมู่หลาน แล้วกล่าวขึ้นว่า “ที่บ้านพักครอบครัวตกแต่งเรียบร้อยแล้ว คืนนี้คุณนอนได้เลย”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อทั้งสองไปถึงบ้านพักครอบครัว หลายคนก็เห็นพวกเขา เป็นต้นว่าพวกพี่สะใภ้หลายคนที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ ทุกคนจึงยิ้มแล้วเอ่ยทักทายฉินมู่หลานพร้อมรอยยิ้ม
มู่หลานก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน “สวัสดีค่ะพี่สะใภ้”
“เสี่ยวฉิน เธอเพิ่งเลิกเรียนกลับมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เพิ่งเลิกเรียนมาเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม รีบกลับไปกินพร้อมกับผู้กองเซี่ยเถอะ”
แม้ฉินมู่หลานจะเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง แต่ตอนที่มาเมื่อวาน ทุกคนต่างรู้จักเธอหมดแล้ว ดังนั้นต่อให้เมื่อวานจะไม่ได้พบกัน แต่วันนี้เมื่อเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เดินด้วยกัน จึงทราบได้ว่าเป็นเธอ
บ้านของเป่ยไห่หงอยู่ตรงข้ามกับฉินมู่หลาน เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นที่ประตูจึงออกมาดู พอมองแวบเดียวแล้วเห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็รีบยกยิ้มเอ่ยทักทาย “มู่หลาน เธอมาแล้วเหรอ ฉันเพิ่งจะถามผู้กองเซี่ยเองว่าทำไมเขาถึงออกไปข้างนอกเร็วจัง ที่แท้ก็ไปหาเธอนี่เอง”
หลังจากได้ยินแบบนี้ หล่อนก็มองฉินมู่หลานด้วยความอิจฉา สามีแก่ของหล่อนไม่เคยทำแบบนี้เลย
“พี่สะใภ้ ต่อไปฉันจะมาบ่อย ๆ ค่ะ ยังไงเดี๋ยวต้องขอรบกวนพี่สะใภ้พาฉันไปชมสถานที่รอบ ๆ ด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เป่ยไห่หงก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ไม่มีปัญหา มีอะไรก็มาถามฉันได้เลยนะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นทั้งสองคุยกัน จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เดี๋ยวผมกลับไปอุ่นอาหารก่อนนะ คุณอยู่คุยกับพี่สะใภ้ไปก่อน”
“ได้ค่ะ”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไป เป่ยไห่หงก็ดึงฉินมู่หลานเข้ามาแล้วกระซิบบอก “มู่หลาน เมื่อวานฉันเล่าเรื่องเธอให้แค่กับโจวหมิ่นฟัง และหล่อนก็อยากจะปกป้องเธอ ก็เลยเอาเรือ่งนี้ไปบอกป้าฉี”
“เธออาจจะไม่รู้จักป้าฉี หล่อนเป็นภรรยาของ ผบ.ถัง ที่ประจำการอยู่ที่นี่ ต่อไปถ้าได้เจอ เดี๋ยวเธอจะได้รู้จัก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เพราะสมาชิกครอบครัวทหารทุกคนรู้เรื่องของเธอหมดเลย”
หลังจากพูดจบ เป่ยไห่หงก็รู้สึกประหม่านิดหน่อย
“มู่หลาน ฉันไม่ได้แพร่ข่าวเลยนะ แต่ตอนนี้เรื่องของเธอกับอันเหอกลับแพร่ออกไปหมดแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบโบกมือแล้วบอกกล่าว “ไม่เป็นไรค่ะพี่สะใภ้ ฉันทราบว่าพวกพี่สะใภ้ทำไปเพื่อประโยชน์ของฉันเอง”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เป่ยไห่หงก็รู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้น กลัวว่าฉินมู่หลานจะเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงปากมากชอบนินทา
เมื่อนึกถึงขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงที่เพิ่งทำ หล่อนก็รีบเปิดปากเอ่ยอย่างรวดเร็ว “มู่หลาน ฉันทำขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงไว้ เพิ่งทำเสร็จเลย เธอลองเอาไปชิมกับผู้กองเซี่ยดูนะ” พูดจบหล่อนก็เดินเข้าไปในบ้านทันที และออกมาพร้อมขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงหนึ่งจาน
เมื่อพิจารณาขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงอย่างช้า ๆ ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ย “พี่สะใภ้คะ นี่มันเยอะเกินไปแล้วค่ะ พวกเราคงกินไม่หมดหรอก”
เป่ยไห่หงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่หรอก ผู้ชายน่ะกินเก่งนะ มีผู้กองเซี่ยยังไงพวกเธอก็กินกันหมดอยู่แล้วล่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ยอมรับ เป่ยไห่หงจึงรีบยัดลงในมือเธอทันที
“เสี่ยวฉิน เมื่อวานเธอยังเอาขนมไข่มาฝากฉันเลยนะ นี่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจของพวกเราเหมือนกัน จะให้ฉัยอมรับแค่ของเธอ แล้วเธอไม่ยอมรับของฉันได้ยังไงกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ
“ถ้าอย่างนั้นขอบคุณพี่สะใภ้มากเลยนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานกลับไปก็ลองกินไปหนึ่งอัน จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ไห่หงฝีมือดีจัง ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงนี้อร่อยจังเลยนะ” พูดจบก็ชวนให้เซี่ยเจ๋อหลี่กินด้วย และเล่าเรื่องที่เป่ยไห่หงบอกเธอ
“ดูเหมือนทุกคนจะรู้แล้วว่าฉันมีเรื่องกับคังอันเหอ ทุกคนไม่ได้กล่าวหาว่าฉันเย่อหยิ่งแล้วนะ เห็นได้ชัดว่าคังอันเหอนิสัยไม่ดีเอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นั่นมันแน่อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหล่อนทำไม่ถูก”
ตอนแรกฉินมู่หลานคิดว่าจะต้องพูดอีกสักหน่อย ไม่คิดว่าแค่เมื่อวานก็ได้ผลแล้ว ทุกคนทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว และพอมองออกว่าใครกันแน่ที่เย่หยิ่งวางมาด
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินมู่หลานก็อารมณ์ดีขึ้นมาก และเธอก็นึกถึงเรื่องการแข่งขันใหญ่ของเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนหน้านี้
“จริงสิ ก่อนหน้านี้คุณไปแข่งอะไรมา เป็นยังไงบ้าง แล้วมีใครเข้าร่วมบ้าง?”
เซี่ยเจ๋อหลี่บอกกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก “พวกเราหลายคนที่นี่ได้ไป สถานการณ์ค่อนข้างดี ผลลัพธ์ของพวกเราก็ดีด้วย”
“แล้วไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่มี”
แต่ด้วยความที่ปฏิเสธเร็วเกินไป ฉินมู่หลานจึงสงสัยขึ้นมาทันที “ขอฉันตรวจชีพจรคุณดูหน่อย”
“มู่หลาน ผมไม่ได้เจ็บตรงไหนจริง ๆ”
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็คว้าข้อมือของเขา แล้วเริ่มจับชีพจรทันที ก่อนจะจ้องมองเขาตาเขม็งแล้วเอ่ยขึ้น “ไหนว่าไม่บาดเจ็บไง เห็นได้ชัดว่าคุณบาดเจ็บอยู่”
เพียงแต่อาการไม่ได้ร้ายแรงนัก เธอจึงไม่กังวล แต่กลับโกรธนิดหน่อยแทน
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเดินเข้าไปข้าง ๆ ฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ไม่เป็นไรจริง ๆ แค่มีแผลนิดหน่อยเอง”
“ต้องให้ฉันดูก่อน”
พูดจบเธอก็ถอดเสื้อของเซี่ยเจ๋อหลี่ออก
แล้วเซี่ยเจ๋อหลี่จะทำอะไรได้ เขาทำได้เพียงเชื่อฟังแล้วปล่อยให้ฉินมู่หลานถอดเสื้อของตัวเองออก
ฉินมู่หลานตรวจแผลบนร่างกายของเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างละเอียด เมื่อพบกับตาตัวเองว่ามันไม่ได้ร้ายแรงจึงรู้สึกโล่งใจ แต่ไม่นานนักเธอก็ตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของตัวเองที่ทำเมื่อสักครู่ดูคลุมเครือมาก เธอจึงรีบสวมเสื้อผ้าให้เซี่ยเจ๋อหลี่ โดยพยายามไม่จ้องมองแผ่นอกของเขา
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดยิ้มไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเป่ยไห่หงไปแจกจ่ายขนมเปี๊ยะแล้ว หล่อนก็กลับเข้าบ้านพร้อมรอยยิ้ม เพียงแต่มีความประทับใจต่อคังอันเหอย่ำแย่มาก เห็นได้ชัดว่าหล่อนเป็นคนผิด แต่กลับมาปล่อยข่าวลือที่เป็นเท็จของฉินมู่หลาน
ตอนนี้ เป่ยไห่หงจึงรู้สึกว่า คังอันเหอต้องเป็นคนปล่อยข่าวลืออย่างแน่นอน
ส่วนคนอื่นที่อยู่ในละแวกบ้านพักครอบครัวก็ต่างคิดเช่นนั้นกันหมด
ฝ่ายคังอันเหอกำลังนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น หล่อนก็นึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่ฉินมู่หลานปรากฎตัวเมื่อวานนี้ คนอื่นๆ ต่างก็พูดเรื่องของหล่อน หล่อนจึงยอมรับไม่ได้จริง ๆ
ตอนที่คังอันเหอเห็นสองคนนั้น สีหน้าจึงไม่ค่อยสู้ดี หลังจากที่ยกยิ้มอย่างประหม่าก็รีบไปทันที
ขณะเฝ้ามองทั้งสองที่กำลังเดินจากไป สีหน้าของคังอันเหอก็พลันย่ำแย่ลง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ในเมื่อเผยแพร่เรื่องไม่จริงให้คนอื่นรู้ก็ถึงคราวของย้อนเข้าตัวเองบ้างล่ะ
ไหหม่า(海馬)