ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 519 เข้าเป้า(2)
ตอนที่ 519 เข้าเป้า(2)
ทางด้านฉินมู่หลานที่กลับมาถึงบ้านพักครอบครัวแล้วก็ตรงกลับไปที่บ้านตัวเองก่อน หลังจากเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังเล่นกับเด็ก ๆ ทั้งสองคน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “คุณไม่ต้องรีบไปทำงานเหรอคะ?”
“ไม่เป็นไร มีคนอื่นเฝ้าอยู่ที่สนามฝึก ผมก็เลยพาลูก ๆ ทั้งสองคนมาอยู่ที่บ้านได้”
“หม่าม้า…”
ชิงชิงและเฉินเฉินเห็นแม่กลับมา ก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา
ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มเหมือนกันแล้วลูบหัวพวกเขา “พวกลูกเป็นเด็กดีกันไหมจ๊ะ”
“เป็น~”
เด็กทั้งสองยิ้มและพูดคุยกับฉินมู่หลานเกี่ยวกับสิ่งที่ทำหลังจากที่เธอไป แม้จะพูดไม่ค่อยชัด ฉินมู่หลานก็ยังฟังเข้าใจ จากนั้นเธอจึงหันไปมองแล้วพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ว่า “ถ้าคุณมีงานก็รีบไปทำเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันอยู่ที่นี่กับลูก ๆ เอง”
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องผ่าตัดวันนี้ แล้วยังได้พบถูไคหัวด้วย ฉินมู่หลานจึงเล่าเหตุการณ์สั้น ๆ ให้เซี่ยเจ๋อหลี่ฟัง
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“คุณไปช่วยผ่าตัดให้ผู้บัญชาการเฉียนจริงๆเหรอ?”
“คุณรู้จักเขาเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ ผมเคยเจอผบ.เฉียนเมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากนั้นเขาก็เกษียณออกไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บเก่า หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาอีกเลย นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาที่โรงพยาบาลทหาร แล้วคุณก็เป็นคนทำการผ่าตัดให้”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้จักเฉียนเหวินฮุ่ย จึงเล่าเหตุการณ์ในวันนี้ให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง
“วางใจได้ค่ะ การผ่าตัดประสบความสำเร็จดี ผบ.เฉียนจะต้องฟื้นตัวได้แน่นอน ถ้าเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูอย่างดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
เซี่ยเจ๋อหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบออกไปทำงาน
ทุกคนในบริเวณบ้านพักครอบครัวทราบกันแล้วว่าแพทย์จากโรงพยาบาลทหารมาขอพบฉินมู่หลาน แม้แต่ชวีเสี่ยวเจวียนก็ทราบเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากคังอันเหอเลิกงานช่วงบ่าย ชวีเสี่ยวเจวียนจึงถือโอกาสมาพบแล้วสอบถาม “อันเหอ ได้ยินว่าวันนี้ฉินมู่หลานไปที่ทำงานเธอ หล่อนไปทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร”
แม้จะทราบแล้วว่าฉินมู่หลานเก่งมาก แต่คังอันเหอก็ไม่ยอมรับ อีกทั้งยังไม่อยากประกาศให้คนได้รู้ด้วย
ชวีเสี่ยวเจวียนได้ยินแบบนี้ก็คิ้วขมวดขึ้นนิดหน่อย
“ฉันได้ยินว่า ผอ.เช่า จากโรงพยาบาลทหารมาเชิญตัวฉินมู่หลานไปด้วยตัวเองเลย เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอ”
“ไม่รู้ ไม่รู้ ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ เธอฟังไม่ออกหรรือไง”
เมื่อเห็นคังอันเหอตะโกนออกมาเสียงดังแบบนี้ ชวีเสี่ยวเจวียนก็ตกตะลึงทันที หลังจากนั้นสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก “เธอไม่รู้ก็ไม่รู้สิ ทำไมต้องโมโหฉันด้วย”
“ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่รู้ แต่เธอก็ไม่ยอมฟังไม่ใช่เหรอ”
หลังจากคังอันเหอตะคอกใส่เพื่อนแล้ว หล่อนก็ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง แต่ในใจก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ยังอยากระบายอารมณ์อยู่ ทว่าหากเป็นที่นี่อาจจะมีคนมาเห็นตอนที่หล่อนอารมณ์เสียได้ ดังนั้นหล่อนจึงหันหังเดินกลับบ้าน
ถึงแม้ว่าชวีเสี่ยวเจวียนอยากจะเอาใจคังอันเหอ อีกทั้งยังอยากย้ายไปที่โรงพยาบาลทหาร แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นที่ขุ่นเคืองโดยไร้เหตุผล หล่อนจึงเตรียมตัวหันหลังกลับบ้านด้วย
หลังจากคังอันเหอกลับบ้าน ก็พบว่าชวีเสี่ยวเจวียนไม่ได้ตามมา จึงรู้สึกโกรธเข้าไปใหญ่ “ทำไมวันนี้ทุกคนถึงได้ขัดใจฉันไปหมด”
อันที่จริงนอกเหนือจากชวีเสี่ยวเจวียนที่อยากรู้อยากเห็นแล้ว คนอื่น ๆ ในบ้านพักครอบครัวทหารก็อยากรู้อยากเห็นมากพอ ๆ กัน
เป่ยไห่หงยังแอบกระซิบกับโจวหมิ่น “เธอว่าผอ.เช่ามีเรื่องอะไรต้องมาหาเสี่ยวฉินเหรอ ฉันจินตนาการไม่ออกเลย”
“ฉันไม่รู้หรอก หากไม่รู้ก็อย่ามัวคาดเดาส่งเดชเลย ถึงเวลาก็แค่ไปถามเสี่ยวฉินก็พอ”
“ก็จริง”
ทั้งสองไม่คาดเดาอีกต่อไป แล้วแยกย้ายกันกลับไปทำอาหารที่บ้านตัวเอง
หลังจากฉินมู่หลานกลับมา พวกหล่อนก็รู้กันหมดแล้ว จึงแวะมาเยี่ยมบ้านในช่วงบ่าย
ฉินมู่หลานเห็นเป่ยไห่หงและโจวหมิ่นมา จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ทั้งสองมาเหรอคะ เข้ามาก่อนค่ะ”
หลังจากทั้งสองเข้ามาแล้ว ก็ไม่เห็นชิงชิงและเฉินเฉิน จึงอดเอ่ยถามเสียไม่ได้ “เด็ก ๆ ทั้งสองคนล่ะ?” ถึงแม้ว่าพวกเธอจะสงสัยสาเหตุที่เช่าเจิ้งเฟิงมาหาฉินมู่หลาน แต่พวกเธอก็ชอบชิงชิงและเฉินเฉินมาก จึงอยากแวะมาเล่นกับพวกเขาด้วย
“พวกเขาหลับแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เป่ยไห่หงและโจวหมิ่นก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ถามเรื่องที่เช่าเจิ้งเฟิงมาหา
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้อธิบายมาก บอกเพียงแค่ว่าเช่าเจิ้งเฟิงกับตัวเองเคยรู้จักกันมาก่อน วันนี้จึงมาเพื่อขอความช่วยเหลือตัวเองนิดหน่อย
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้อธิบายลงรายละเอียดมาก โจวหมิ่นก็ไม่เอ่ยถามมากมายต่อ และเอ่ยถามว่าต่อไปจะพาเด็ก ๆ ทั้งสองมาที่นี่อีกหรือเปล่าแทน
เป่ยไห่หงมองออกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องเช่าเจิ้งเฟิงอีก แต่กลับถามเรื่องของเด็กทั้งสองแทน
ฉินมู่หลานก็ตอบแต่ละคนอย่างเป็นกันเอง
ทุกคนที่นี่อยากรู้เรื่องที่ฉินมู่หลานไปโรงพยาบาลทหารมาก เพียงแต่ไม่นานนักก็โดนดึงดูดด้วยสิ่งอื่น
“อะไรนะ…คังอันเหอถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลอื่นอย่างนั้นเหรอ? หล่อนเพิ่งถูกย้ายมาโรงพยาบาลทหารที่นี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ ๆ ถึงถูกสั่งย้ายออกในสองวันอีกล่ะ”
“ไม่รู้สิ ผบ.ถูก็ยังประจำการอยู่ที่นี่แท้ ๆ คังอันเหอยังไงก็ไม่น่าจะโดนสั่งย้ายออกจากโรงพยาบาลทหารสิ”
“ใช่แล้ว เรื่องนี้มันแปลกจัง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอหันมองเป่ยไห่หงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อก่อนจะเอ่ยถาม “พี่สะใภ้คะ นี่เรื่องจริงเหรอคะ แต่เมื่อวานฉันเพิ่งเห็นหล่อนอยู่ในโรงพยาบาลทหารเองนะ ทำไมวันนี้ถึงโดนสั่งย้ายออกแล้วล่ะ”
“จริงสิ ตอนนี้ทุกคนกำลังพูดถึงกันให้แซดเลย พวกเราก็รู้สึกว่ามันแปลกเหมือนกัน”
ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ในใจก็มีความสงสัย เธอเพิ่งไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยการผ่าตัดเมื่อวานนี้ แต่วันนี้คังอันเหอกลับโดนสั่งย้ายออกไป ช่างบังเอิญอะไรแบบนี้
เป่ยไห่หงย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าฉินมู่หลานกำลังคิดอะไร หล่อนพูดคุยกับฉินมู่หลานด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง ก่อนจะไปคุยเล่นกับเด็กทั้งสอง หลังจากนั้นก็กลับไปบ้านตัวเอง
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกตกตะลึง “จริงเหรอเนี่ย? ทำไมกะทันหันจัง?”
“แม้แต่คุณก็ไม่รู้เหรอคะเนี่ย”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ผมไม่รู้อะไรเลย ช่วงสองวันนี้ผมยุ่งมาก” แต่เขาก็รีบพูดต่ออีกครั้ง “เดี๋ยวผมจะลองไปสืบดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ค่ะ”
และในตอนนี้ คังอันเหอผู้เป็นดาวเด่นของหัวข้อสนทนาก็มีอาการฉุนเฉียวอยู่ในบ้าน ทำข้าวของในบ้านพังระเนระนาด
“ทำไม…ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้”
เป็นเพราะฉินมู่หลานไปโรงพยาบาลทหารครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว ตอนนี้หล่อนจึงกลายเป็นตัวตลก เห็นได้ชัดว่าหล่อนเพิ่งโดนย้ายมา แต่ตอนนี้กลับจะโดนย้ายออกไปอีกแล้ว แล้วแบบนี้คนอื่นจะมองหล่อนอย่างไร “ไม่ได้ ฉันจะไปหาอารอง”
คังอันเหอจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปหาถูไคหัว
“อารองคะ หนูไม่เคยขอร้องอะไรอามาก่อนเลย ครั้งนี้อาช่วยหนูหน่อยเถอะนะคะ”
แต่ถึงอย่างนั้น ถูไคหัวกลับมองคังอันเหอด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนจะพูดขึ้น “อันเหอ ฉันรู้สึกว่าเธอยังต้องฝึกฝนฝีมือของตัวเองอีกสักหน่อย เพราะฉะนั้นไปที่โรงพยาบาลชุมชนนั่นแหละดีแล้ว”
“อารอง…”
คังอันเหอหันมองถูไคหัวด้วยความเหลือเชื่อ ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “อารอง หรือว่าเป็นเพราะอา?”
ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพราะฉินมู่หลาน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางของถูไคหัวดูนิ่งสงบมาก ความคิดน่ากลัวความคิดหนึ่งจึงวาบเข้ามาในใจ
“ใช่ ฉันเอง ฉันรู้สึกว่าเธอต้องพยายามมากกว่านี้หน่อย ก็เลยสั่งให้คนย้ายเธอไปประจำที่โรงพยาบาลชุมชนเพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้ดีกว่านี้”
“อารอง อา…”
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของถูไคหัว คังอันเหอก็ได้แต่รู้สึกเหมือนลำคอถูกบีบรัด ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนเด้งฟ้าผ่าเลยยัยอันเหอ นอกจากพัฒนาฝีมือแล้วเธอควรพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ด้วยนะ
ไหหม่า(海馬)