ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 527 คิดการใหญ่(1)
ตอนที่ 527 คิดการใหญ่(1)
หลังจากฉินมู่หลานเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยตอบตกลงแล้ว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายได้สนิทใจ “ปิงหรุ่ย ดีใจที่ได้ร่วมงานกันนะ”
“ดีใจที่ได้ร่วมงานกันนะ”
สีหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพัฒนามากกว่านี้
“มู่หลาน ถึงตอนนี้จะยังไม่ต้องทำอะไร แต่พวกเราก็สามารถลองมาศึกษาสูตรยากันให้ดีได้นะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ พวกเราทำเรื่องนี้ได้ แค่ศึกษาให้ดี พอหลังจากเรียนจบก็จะมีสูตรยาในมือมากมาย”
“อื้ม ฉันจะตั้งใจทำงานเลยล่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา จึงอยากกลับไปศึกษาสูตรยาอย่างละเอียด แต่แล้วก็ถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม “มู่หลาน เธอยังมีสูตรยาอีกหลายสูตรเลยใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่เราต้องร่วมงานกัน ก็จะต้องสรุปกันให้เรียบร้อยนะว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไร”
ทุกคนมีความสามารถแตกต่างกัน เมื่อถึงเวลาในตอนนั้นจะเกิดปัญหา ซึ่งหล่อนไม่สามารถเอาเปรียบฉินมู่หลานได้
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะคิดไปไกลขนาดนี้ จึงรีบเอ่ยทั้งรอยยอิ้ม “ได้ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยคุยกัน”
“ได้”
หลังจากทั้งสองคุยเรื่องนี้เสร็จ วันต่อไปก็ตั้งใจเรียน แต่เมื่อมีเวลาว่าง เซี่ยปิงหรุ่ยก็จะอยู่ในห้องสกัดยาของเธอ
และฉินมู่หลานก็ท้องแก่ขึ้น ทุกวันจึงเต็มไปด้วยการพักผ่อน ไม่ทำให้ตัวเองโหมงานหนักเกินไป
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ให้ความใส่ใจในช่วงนี้มากขึ้น เพราะครรภ์ฝาแฝดมีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนด พวกหล่อนคอยเฝ้าดูแลฉินมู่หลานอยู่ทุกวัน กลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายตรงไหน
ฉินมู่หลานเห็นแม่และแม่สามีทำแบบนี้ ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แม่คะ อีกสองเดือนหนูก็จะคลอดแล้วนะ พวกแม่ไม่ต้องตื่นตูมนักหรอกค่ะ”
“ก็ได้ ๆ พวกเราจะไม่ตื่นตูม”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็คอยเฝ้าดูทุกวันอยู่ไม่ห่าง ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้จึงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี แต่ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้มากนัก แต่กังวลเรื่องของเซี่ยเจ๋อหลี่แทน
“แม่คะ อาหลี่บอกว่าจะหนึ่งเดือนจะกลับไม่ใช่เหรอ นี่เกินหนึ่งเดือนแล้วนะ ทำไมเขายังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะมีเรื่องอะไรระหว่างทำภารกิจหรือเปล่า” อันที่จริงแล้วสิ่งที่ฉินมู่หลานเป็นกังวลใจที่สุดคือตอนที่เซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปทำภารกิจแล้วจะประสบอันตรายเข้า
เหยาจิ้งจือมีความกังวลเช่นเดียวกัน แต่เพื่อเป็นการไม่ให้ลูกสะใภ้คนเล็กเป็นกังวล หล่อนจึงไม่แสดงท่าทีออกมา กล่าวด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “มู่หลาน เธอไม่ต้องกังวลหรอก ก่อนหน้านี้อาหลี่บอกว่าจะกลับมาในอีกประมาณหนึ่งเดือน ถ้าอย่างนั้นอีกไม่กี่วันเขาก็คงกลับมา หรือไม่อย่างนั้นเขาก็อาจกลับมาแล้ว แต่ออกมาจากฐานทัพไม่ได้ ก็เลยยังไม่กลับมาที่บ้าน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ก็จริงค่ะ พวกเรารออีกสักสองวัน ถ้ายังไม่ได้ข่าวคราวของอาหลี่ เดี๋ยวฉันจะลองไปดูที่ฐานทัพค่ะ”
“มู่หลาน ถึงตอนนั้นถ้าจะไปก็ให้ฉันไปเองเถอะ เธอท้องใหญ่ขนาดนี้แล้ว อยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นหรอกค่ะแม่ เดิมทีฉันก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเดินเล่นออกกำลังทุกวัน”
เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้คนเล็กกล่าวแบบนั้น เหยาจิ้งจือก็ไม่ได้ว่าอะไร พยักหน้าเห็นด้วย “ก็ได้ ถ้าเธอยืนกรานแบบนั้น มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปโรงงานก่อนนะ”
“ได้ค่ะแม่ แม่รีบไปเถอะ”
ธุรกิจเครื่องสำอางเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นงานของซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือจึงเริ่มยุ่งมากขึ้น ขณะเดียวกันฉินมู่หลานค่อนข้างอิสระ เพียงแต่เหยาจิ้งจือเพิ่งออกจากบ้านไปได้ไม่นาน ข่งไฉ่อิงก็มาหาเสียแล้ว
“น้าข่งคะ น้ามาได้พลาดจังหวะมากเลยค่ะ แม่กับแม่สามีฉันออกไปที่โรงงานกันหมดแล้วค่ะ”
ครั้งล่าสุดนี้ ข่งไฉ่อิงมีคำสั่งซื้อมากมาย อีกทั้งช่วงนี้ยังไปที่โรงงานมาตั้งหลายครั้งแล้ว พูดคุยกับซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจืออีกหลายครั้ง และสั่งสินค้ากับทางซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือโดยตรงแล้ว
ข่งไฉ่อิงได้ยินแบบนี้ ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน น้ามาหาเธอน่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยถาม “น้าข่ง มีธุระอะไรเหรอคะ?”
“มู่หลาน น้าอยากถามหน่อยว่าเธอขายสูตรเครื่องสำอางหรือเปล่า น้าจะได้ขอซื้อลิขสิทธิ์สูตรครั้งเดียวเลย แต่เธอวางใจนะ เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบดับเธออย่างแน่นอน พวกเธอยังสามารถผลิตเครื่องสำอางพวกนี้ต่อไปได้”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าข่งไฉ่อิงจะนำเสนอเรื่องนี้ออกมา แต่เธอก็ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
“น้าข่งคะ สูตรไม่มีขายค่ะ หากว่าน้าต้องการเครื่องสำอาง สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ค่ะ”
ข่งไฉ่อิงทราบอยู่แล้วว่าฉินมู่หลานจะไม่ยอมขายสูตรนี้ง่าย ๆ แต่หล่อนก็ยังพยายามพูดรบเร้าอยู่อีกสองสามครั้ง
“มู่หลาน การขายสูตรเครื่องสำอางนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเธอเลย พวกเธอสามารถขายของพวกนี้ต่อไปได้ แต่ตลาดของพวกเธอจะอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น ส่วนของทางฝั่งน้าจะขายอยู่ที่ฮ่องกง พวกเราไม่ข้องเกี่ยวกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“น้าข่งคะ นอกจากตลาดของพวกเราแล้วยังมีตลาดต่างประเทศอีกค่ะ พวกคุณวิลเลียมก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะมากเหมือนกัน ถ้าฉันขายสูตรให้กับทางฝั่งน้า น้าก็จะผลิตเครื่องสำอางคุณภาพเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นพวกน้าจะไม่ขายออกต่างประเทศเหรอคะ”
ข่งไฉ่อิงยิ้มแล้วกล่าว “มู่หลาน ต่างประเทศก็ไม่ได้มีแค่อเมริกาอังกฤษพวกนั้น ยังมีประเทศใกล้เรือนเคียงพวกนั้นอีกเยอะ เธอทำธุรกิจกับคุณวิลเลียม น้าไม่เข้าไปยุ่งแน่นอน แต่กับประเทศอื่นก็ให้น้าได้เข้าไปร่วมทำธุรกิจ เธอคิดว่าเรื่องนี้ไม่ดีเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็เหลือบมองข่งไฉ่อิง ก่อนจะเอ่ย “น้าข่งคะ ที่ว่ามานี่ แต่ว่าสูตรนี้…ยังไงก็ไม่ขายค่ะ ”
“มู่หลาน เธออย่าเพิ่งปฏิเสธสิ รอฟังราคาจากฉันก่อน”
หลังจากพูดจบ ข่งไฉ่อิงก็บอกตัวเลขตามตรง “สองล้านหยวน เป็นการซื้อสูตรเครื่องสำอางพวกนั้นของพวกเธอ”
“น้าข่งคะ น้ากำลังพูดถึงสูตรเครื่องสำอางทั้งหมดเหรอคะ”
ข่งไฉ่อิงพยักหน้า แล้วกล่าว “ใช่แล้ว สองล้านหยวนก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อยนะ”
ครั้งนี้ฉินมู่หลานหัวเราะออกมาอย่างจริงจัง
“น้าข่งคะ ฉันอยากรู้มากเลยค่ะ ว่าพวกน้าคำนวณราคากันออกมาแบบนี้ได้ยังไง แต่ว่ามันไม่สำคัญหรอกค่ะ เพราะยังไงฉันก็ยังยืนกรานคำเดิมว่าจะไม่ขายสูตรเครื่องสำอางนี้ค่ะ”
“มู่หลาน เธอลองคิดดูก่อนเถอะ ลองไปปรึกษา ผอ.หลิวดูก็ได้ ว่าเขาเห็นชอบว่ายังไง”
ในตอนนี้ สีหน้าของฉินมู่หลานก็มืดมนลง แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“คุณข่งคะ สูตรพวกนี้เป็นสูตรของฉันเอง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องถามความเห็นชอบจาก ผอ.หลิวหรอกค่ะ ฉันคิดว่าฉันก็พูดไปชัดเจนแล้ว ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำอีก หากว่าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว เชิญกลับไปก่อนได้เลยค่ะ”
“เธอ…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ข่งไฉ่อิงได้เห็นสีหน้าเย็นชาของฉินมู่หลาน หล่อนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธตามตรงขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีท่าทางย่ำแย่มากด้วย
เซี่ยเหวินปิงบังเอิญมารินชาพอดี หลังจากฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็หันไปมองเขาแล้วบอกกล่าว “พ่อคะ น้าข่งจะกลับแล้วค่ะ พ่อไปส่งหล่อนหน่อยนะคะ”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้” พูดจบเขาก็หันมองข่งไฉ่อิงแล้วกล่าว “เดี๋ยวผมไปส่งครับ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกล่าวแบบนั้นแล้ว ข่งไฉ่อิงจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ต่อ จึงจำเป็นต้องจากไปพร้อมกับสีหน้าบอกบุญไม่รับสักเท่าใด
หลังจากข่งไฉ่อิงกลับไปแล้ว สีหน้าของฉินมู่หลานก็ดูไม่ค่อยดีนัก เธอไม่นึกเลยว่าข่งไฉ่อิงจะค่อย ๆ โลภมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่พอใจจะสั่งซื้อและรอรับสินค้าอีกต่อไปแล้ว แต่อยากจะได้สูตรเอง หากหล่อนยังมีความคิดเช่นนี้อยู่ ถ้าอย่างนั้นเธอคงร่วมงานการส่งออกสินค้าไปยังฮ่องกงด้วยไม่ได้แล้ว
ตอนแรกเซี่ยเหวินปิงยังดูไม่ออก แต่เมื่อสักครู่ตอนที่ข่งไฉ่อิงออกไปแล้วมีสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก พอกลับมาถึงก็เห็นว่าสีหน้าของลูกสะใภ้คนเล็กดูไม่ดีเช่นกัน จึงคาดเดาได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“มู่หลาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ หรือว่าเธอขัดแย้งกับข่งไฉ่อิงคนนั้น?”
เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ ฉินมู่หลานจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
หลังจากเซี่ยเหวินปิงได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที “หล่อนหมายความว่ายังไงที่ต้องการจะซื้อสูตรไปเลยนั่นน่ะ หล่อนไม่เห็นความสำเร็จของพวกเราอย่างนั้นเหรอ ทำไมเราจะต้องขายสูตรเครื่องสำอางให้หล่อนด้วย หล่อนคิดว่าสองล้านนี่มันมากพอแล้วเหรอ”
หากเป็นเมื่อก่อน เซี่ยเหวินปิงคงไม่พูดอย่างนี้แน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อได้เจอตระกูลเหยาและตระกูลเซี่ย อีกทั้งตอนนี้มู่เสวี่ยโด่งดังขนาดไหน คำสั่งซื้อส่งออกไปก็ไม่น้อย เขาจึงคิดว่าแค่สองล้านนั้นยังไม่มากพอ
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดกล่าวพร้อมทั้งหัวเราะเสียไม่ได้ “ใช่ค่ะ ข่งไฉ่อิงคิดจะซื้อสูตรในราคาสองล้านหยวน มันน่าขำจริง ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาว่าโลภมากมักลาภหายอะนะน้าข่ง เตรียมหาซัพพลายเออร์ใหม่เลยค่ะแบบนี้ เขาไม่ขายก็ยังตื้อให้เขาขายอยู่นั่นแหละ คิดจะทำนาบนหลังคนเหรอ
ไหหม่า(海馬)