ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 530 ความพยายามเปล่าประโยชน์
ตอนที่ 530 ความพยายามเปล่าประโยชน์
เห็นฉินมู่หลานถามขึ้นมา เยว่เจินจูก็เอ่ยด้วยสีหน้าประหม่า “มู่หลาน ฉันได้ยินเหวินเหวินบอกว่า ข่งไฉ่อิงกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญพัฒนาเครื่องสำอาง บอกว่าพวกเขาอยากจะผลิตเครื่องสำอางของตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้น ธุรกิจทางฝั่งฮ่องกงก็จะหายไปอย่างนั้นสิ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ย “ที่แท้ข่งไฉ่อิงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หล่อนลงมือเร็วมากเลยนะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่แปลกใจเลยสักนิด เยว่เจินจูจึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน หรือว่าเธอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?”
“ก่อนหน้านี้ข่งไฉ่อิงจะขอซื้อสูตรเครื่องสำอางของมู่เสวี่ย แต่โดนฉันปฏิเสธไป ไม่คิดเลยว่าหล่อนกำลังเริ่มมองหาผู้เชี่ยวชาญพัฒนาเครื่องสำอาง นี่คงเป็นเพราะอยากจะทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเองแล้ว”
เยว่เจินจูไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“มู่หลาน ถ้าอย่างั้นตอนนี้จะทำยังไง?”
“ไม่ต้องทำยังไงหรอก แค่พวกเราไม่ได้ร่วมงานธุรกิจตลาดฮ่องกงจากทางนี้ก็ไม่เป็นไร”
เยว่เจินจูกำลังคิดถึงรายได้ทางฮ่องกง จึงอดพูดไม่ได้ “แต่นั่นเป็นเม็ดเงินมหาศาลเลยนะ จะไม่ร่วมงานอย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นพวกเขาที่ไม่อยากร่วมงานกับเราก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเรื่องมากมายขนาดนี้หรอก”
เยว่เจินจูได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นเยว่เจินจูเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ “วางใจเถอะ ถึงจะไม่มีพวกเขา แต่เราก็ยังหาคนอื่นร่วมงานได้อยู่แล้ว”
“ยังทำได้อีกเหรอ?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานไม่กังวลอะไรเลย เยว่เจินจูจึงรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อเห็นท้องของมู่หลานใหญ่ขนาดนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “มู่หลาน เรื่องพวกนี้เธอรู้ก็ดีแล้ว แต่รอให้เธอคลอดลูกก่อนเถอะ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอก็คือเรื่องคลอดลูก”
ฉินมู่หลานก็คิดแบบนี้เหมือนกัน จึงยิ้มแล้วพยักหน้าพลางบอกลก่าวว่า “ใช่ เพราะฉะนั้นฉันก็จะไม่รีบร้อน”
“ลาออก?”
สมัยนี้ใครก็อยากเป็นพนักงานในโรงงานทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนลาออก
“ใช่แล้ว มีคนงานสองคนในส่วนของการผลิตที่ไม่อยากทำงานแล้ว ก็เลยมาลาออก”
เหยาจิ้งจือรีบกล่าวเสริม “ตอนแรกพวกหล่อนอยากให้คนในครอบครัวเข้ามาทำงานตรงส่วนนี้แทน แต่อย่างที่ลูกเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าโรงงานของเราไม่มีนโยบายโอนงานแทนกันได้ เพราะฉะนั้นพวกหล่อนจึงลาออกไปเลย”
“แม่คะ ถ้าพวกหล่อนไม่อยากทำงาน ก็หาคนอื่นมาแทนก็ได้ค่ะ”
“มู่หลาน ลูกไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมพวกหล่อนถึงลาออก?”
อันที่จริงมู่หลานก็คาดเดาเอาไว้บ้างแล้ว “หนูพอจะรู้แล้วค่ะ พวกหล่อนคงจะโดนซื้อตัวไป”
“อะไรนะ…โดนซื้อตัวไปเหรอ? นี่…ฝีมือใครกัน?”
ตอนนี้เหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋ต่างมีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นฉินมู่หลานจึงไม่ปิดบังพวกหล่อน แล้วบอกเรื่องของข่งไฉ่อิงตามตรง หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “คงโดนข่งไฉ่อิงซื้อตัวไปแล้วนั่นแหละ หล่อนอยากจะผลิตเครื่องสำอางของตัวเอง ไม่อยากร่วมงานกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว”
“ทำเกินไปแล้ว ทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้ ก่อนหน้าหล่อนเป็นฝ่ายที่อยากจะร่วมงานก่อน แต่ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายปฏิเสธการร่วมงานก่อนด้วย ทำไมถึงคิดทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้”
เมื่อพูดจบ ซูหว่านอี๋ก็เป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพนักงานพวกนั้นที่โดนซื้อตัวไปจะเป็นอะไรไหม ถึงแม้พวกหล่อนจะไม่ทราบส่วนผสมทั้งหมดก็ตาม แต่ก็พอรู้บ้าง พวกสูตรของเราจะรั่วไหลออกไปไหม”
“พวกหล่อนจะบอกสูตรแน่นอนค่ะ แต่ถึงจะสูตรจะรั่วไหลออกไปก็ไม่สำคัญหรอก พวกหล่อนไม่ได้รู้สูตรอย่างแน่ชัด เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นมู่หลานพูดแบบนี้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็รู้สึกโล่งใจ
ข่งไฉ่อิงที่ได้คนไปแล้ว ตอนแรกก็รู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อพาคนไปที่ห้องทำงาน พนักงานพวกนั้นกลับไม่ทราบสูตรที่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ หล่อนจึงกล่าวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกเธอบอกว่ารู้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพอตอนนี้กลับไม่รู้อะไรเลยล่ะ”
“พวกเรา…พวกเรารู้แค่บางส่วน ก่อนหน้านี้พวกเราก็เพิ่งบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“พวกเธอรู้อะไร ที่พวกเธอพูดมาเป็นแค่สมุนไพรจีนบางส่วนเท่านั้น ยังห่างไกลจากคำว่าสูตรอีกเยอะ”
ในตอนนี้ พนักงานพวกนั้นก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา
“ทำไมล่ะค่ะ…พวกเราทำตรงส่วนนี้ทุกวัน ทั้งหมดก็มีแค่ของพวกนี้”
“เหอะ…ดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังเพ้อเจ้ออยู่สินะ แค่ทำส่วนนี้ส่วนเดียวทุกวัน ก็คิดว่าตัวเองทำทั้งหมดได้แล้ว” ข่งไฉ่อิงได้แต่รู้สึกโกรธ สิ่งที่ตัวเองทำไปทั้งหมดล้วนเปล่าประโยชน์
ในตอนนั้นเอง หนึ่งในฝ่ายผลิตก็เอ่ยขึ้น “คุณข่ง สมุนไพรจีนที่คนพวกนี้บอก พวกเราเคยศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนที่ขาดหายไปตอนนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุดค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนพวกนั้นก็อดมองไปยังข่งไฉ่อิงเสียไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเรารู้แค่ส่วนที่พวกเรารู้ ก่อนหน้านี้คุณสัญญาเอาไว้แล้ว ไม่สามารถคืนคำได้ คุณต้องจ่ายเงินเดือนพวกเราสองเท่า”
ข่งไฉ่อิงโกรธมากจนหัวเราะ
“เหอะ…อะไรก็ไม่รู้สักอย่างแล้วยังจะเอาเงินเดือนสองเท่าอีก เธอกำลังฝันอยู่เหรอ”
“ไม่…คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณสัญญากับเราเอาไว้แล้ว” คนพวกนี้เริ่มเสียใจ ตอนแรกพวกหล่อนได้ทำงานในโรงงานอยู่ดี ๆ แต่เป็นเพราะความโลภอยากจะได้เงินมากขึ้น จึงออกมาเพื่อขายสูตรเครื่องสำอาง แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะลงเอ่ยแบบนี้
ข่งไฉ่อิงมาคุยกับคนพวกนี้แล้ว พวกหล่อนจึงโดนไล่ออกทันที
“ทุเรศ ฉินมู่หลานคนนี้ช่างคดโกงเหลือเกิน ถือสูตรเอาไว้อยู่ในมือเสมอ แม้แต่คนในโรงงานยังไม่รู้สูตรเฉพาะเลย”
ข่งไฉ่อิงยังคิดอยากจะซื้อตัวพนักงานมาเพิ่มอีก หล่อนไม่เชื่อว่าพนักงานในโรงงานมู่เสวี่ยจะไม่มีคนที่ฉลาดเลย ขอเพียงเป็นพนักงานโรงงานเครื่องสำอาง ก็จะต้องมีคนที่รู้สูตรทั้งหมดแน่นอน
แต่ข่งไฉ่อิงยังไม่ทันได้ลงมือ ฉินมู่หลานก็มาพบหล่อนโดยตรง
“คุณข่งคะ พวกเราตัดสินใจแล้วค่ะว่าต่อไปจะไม่ร่วมงานกับทางฝั่งคุณแล้ว เพราะฉะนั้นมู่เสวี่ยของเราจะไม่เซ็นสัญญากับคุณอีกแล้วค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้ทราบ”
“อะไรนะ…”
ข่งไฉ่อิงนึกไม่ถึงว่าฉินมู่หลานจะเด็ดขาดขนาดนี้ เพียงเพราะหล่อนอยากจะผลิตเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง อีกฝ่ายกลับจะไม่ร่วมงานกันอีกแล้ว “มู่หลาน เธออย่าลืมสิ ว่าก่อนหน้านี้เราเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้วนะ”
“คุณข่งวางใจค่ะ ฉันจำข้อตกลงในสัญญาได้ เพียงแต่ว่าข้อตกลงในสัญญาพวกนั้น เขียนเอาไว้แค่จำนวนที่ทั้งสองฝ่ายต้องการจัดส่ง และตอนนี้โรงงานของเราก็จัดส่งสินค้าครบแล้ว เพราะฉะนั้นข้อตกลงในสัญญาก่อนหน้านี้เอามาใช้ไม่ได้แล้วค่ะ”
“เธอ…”
ฉินมู่หลานขี้เกียจเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับข่งไฉ่อิง “คุณข่งคะ คุณมาซื้อตัวพนักงานในโรงงานของพวกเราไปหลายคนเลยใช่ไหม เหอะ…คุณอย่าพยายามให้เสียแรงเปล่าเลยค่ะ ไม่มีพนักงานคนไหนรู้สูตรนี้หรอก”
พูดจบ ฉินมู่หลานก็จากไป
“ทุเรศ…”
ข่งไฉ่อิงได้แต่รู้สึกโกรธ หลังจากเผยเจิ้งผู่ทราบเรื่องนี้ก็โกรธมากด้วย “ก่อนหน้านี้ผมบอกคุณเอาไว้ว่ายังไง ทำไมคุณถึงยังทำตามใจตัวเองอีก”
ข่งไฉ่อิงสบถด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเอ่ย “ที่ฉันทำมันผิดตรงไหน วิธีการที่ถูกต้องคือต้องมีแนวทางยึดถือเอาไว้เป็นของตัวเอง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงอยากกลับมาเมืองหลวงนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเราอยู่ที่ฮ่องกงยังดีกว่าอีก”
จริง ๆ แล้วข่งไฉ่อิงชอบอยู่ฮ่องกงมากกว่า แต่สามีก็ยังนึกถึงบ้านเกิดและอยากจะกลับมา หล่อนไม่อยากกลับมาเลย
เผยเจิ้งผู่เหลือมองข่งไฉ่อิงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ย “ถ้าคุณอยากกลับไปก็กลับไปเถอะ ผมกับลูกจะอยู่ที่ปักกิ่ง”
“คุณ…”
ข่งไฉ่อิงรู้สึกว่าช่วงนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจสักอย่าง จึงออกไปด้วยความโกรธ
ฉินมุ่หลานถือว่าพนักงานสองคนที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ถือเป็นกรณีพิเศษ จึงเริ่มจัดการประชุมด่วนขึ้น
“ทุกคนก็เห็นแล้ว ถ้าพวกเธออยากจะไปก็ไปได้เลย โรงงานของพวกเราจะไม่รั้ง แต่ถ้าพวกเธอออกไปแล้วตำแหน่งก็จะหายไปด้วย ไม่มีการเอาคนในครอบครัวเข้ามาแทนได้ พวกเธอจงลองคิดให้ถี่ถ้วน ถ้าออกไปแล้ว ก็อย่าคิดที่จะกลับมาอีก”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของฉินมู่หลาน หลายคนจึงตระหนักถึงสถานการณ์ของคนงานพวกนั้น จึงพูดขึ้นพร้อมกันว่า “ไม่ออกครับ/ค่ะ จะอยู่กับบริษัทต่อไป”
“ไม่ออกครับ/ค่ะ จะอยู่กับบริษัทต่อไป”
เมื่อได้ยินทุกคนให้คำมั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน ฉินมู่หลานก็กล่าวต่ออีกสองสามประโยค หลังจากนั้นก็เป็นส่วนของซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือพูด ผู้อำนวยการโรงงานแต่ละคน พูดกันคนละเกือบชั่วโมงกว่า สุดท้ายการประชุมก็สิ้นสุดลง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะชุบมือเปิบทำนาบนหลังคนเขามันไม่เจริญหรอกยัยข่ง
ไหหม่า(海馬)