ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 535 เซี่ยปิงชิงคลอดลูก(1)
ตอนที่ 535 เซี่ยปิงชิงคลอดลูก(1)
ฉินมู่หลานได้ยินเหมาชุนเถากล่าวแบบนี้ ก็ดูแปลกใจนิดหน่อยพลางพูดขึ้น “ทำไมถึงแต่งเร็วจังล่ะ ก่อนหน้านี้บอกว่าจะแต่งหลังเรียนจบไม่ใช่เหรอ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนไปกินข้าวด้วยกัน หยวนฝูบอกว่าจะแต่งหลังเรียนจบ”
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้หรอก ฉันเขียนจดหมายไปหาสือหยวนฝูเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากจะถามหล่อนเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นั่น ก็เลยได้รู้เรื่องนี้เข้า”
เหมาชุนเถาในตอนนี้กำลังเตรียมเขียนต้นฉบับใหม่เกี่ยวกับคนท้องถิ่นในเจียงหนาน หล่อนจึงเขียนจดหมายไปถามข้อมูลกับสือหยวนฝู และทราบว่าอีกฝ่ายกำลังจะแต่งงานก็เพราะเหตุนี้
เกาซุนชิวหันไปมองเหมาชุนเถาแล้วเอ่ยถาม “แล้วเมื่อไหร่กันแน่?”
“วันที่สองสิงหาคม ตรงกับวันเสาร์พอดี แต่หยวนฝูบอกว่าจะจัดงานที่บ้านเกิดของหล่อน เพราะฉะนั้นพวกเราคงไปร่วมงานที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะว่างกันหมด”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็อดกล่าวไม่ได้ “ทำไมหยวนฝูถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ ลองนับดูแล้วก็อีกแค่สองเดือนกว่าเองนะ”
“ใช่แล้ว ทำไมถึงได้รีบร้อนกะทันหันแบบนี้”
เกาซุนชิวก็อดไม่ได้ที่จะพูดบางอย่างเช่นกัน หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “เดี๋ยวรอหยวนฝูกลับมาเรียนแล้วค่อยถามหล่อน”
“ใช่ ถึงตอนนั้นค่อยถามหล่อน”
เกาซุนชิวและเหมาชุนเถารวมถึงเฉินเซี่ยวอวิ๋นทั้งสามคนนั่งอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็กลับไป
จนกระทั่งเมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยมาเยี่ยมมู่หลาน ฉินมู่หลานก็บอกข่าวนี้กับหล่อนด้วย
“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าหยวนฝูจะแต่งงานแล้ว แต่แต่งเร็วก็ดี จะได้เริ่มใช้ชีวิตครอบครัวได้เร็วขึ้น หวังว่าหล่อนจะมาจัดงานที่ปักกิ่งอีกรอบได้ด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราก็จะได้ไม่ต้องที่บ้านเกิดของหล่อน”
“เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของหยวนฝูนั่นแหละ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้ว พวกเราจะบอกให้หล่อนมาจัดงานที่เมืองหลวงก็ไม่ได้หรอก ยังไงก็รอจนกว่าหล่อนจะกลับมาแล้วกัน”
แต่สิ่งที่หลายคนไม่ทันคาดคิดก็คือ สือหยวนฝูกลับมาเร็วกว่าที่คิด
“หยวนฝู ทำไมเธอกลับมาเร็วจัง”
ฉินมู่หลานเห็นสือหยวนฝูแล้ว สีหน้าก็ดูแปลกใจ เพราะหล่อนไม่ได้มาคนเดียว ยังพาหยางหรงฮ่าวแฟนของหล่อนมาด้วย
“มู่หลาน ฉันได้ยินว่าเธอคลอดแล้ว ก็เลยกลับมาปักกิ่งล่วงหน้า” พูดจบ หล่อนก็ยิ้มแล้วเอ่ยแสดงความยินดี หลังจากนั้นก็หยิบซองแดงเล้ก ๆ ออกมาให้เด้กทั้งสอง
ฉินมู่หลานเห็นสือหยวนฝูยื่นซองแดงมาให้อย่างระมัดระวัง ก็อดพูดไม่ได้ “หยวนฝู เธอเกรงใจเกินไปแล้ว แค่มาหาก็พอ ยังจะให้ซองแดงทำไมอีก”
สือหยวนฝูบอกกล่าวพร้อมอยยิ้ม “มาเจอเด็ก ๆ ก็ต้องมีของขวัญแรกพบกันสิ พวกเรารีบกลับมากันก็เลยไม่มีเวลาได้ซื้อของ ก็เลยเตรียมได้แค่ซองอั่งเปาเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงหัวเราะแล้วยอมรับซองแดงเอาไว้
และสือหยวนฝูก็นำคำเชิญออกมาอีกครั้ง แล้วส่งให้ฉินมู่หลานพลางกล่าวว่า “มู่หลาน เดือนหน้าฉันกับหรงฮ่าวจะแต่งงานกันแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเธอต้องมาร่วมงานแต่งพวกเรานะ”
เดือนหน้าฉินมู่หลานออกจากการเป็นแม่ลูกอ่อนแล้ว เพียงแต่มีลูกเพิ่มมาอีกสองคน เธอจึงไม่รู้ว่าจะเดินทางไกลได้หรือเปล่า
แต่ยังไม่ทันให้ฉินมู่หลานได้คิดหนัก สือหยวนฝูก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ดูแล้วระยะทางค่อนข้างไกล พวกเธอก็ต้องไปเรียนด้วย ฉันก็เลยวางแผนจะจัดงานที่ปักกิ่งด้วย ถึงตอนนั้นพวกเธอจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ถึงตอนนั้นฉันจะไปแน่”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก สือหยวนฝูก็หัวเราะขึ้นมา “มู่หลาน เธอก็เพิ่งคลอด คงไม่สะดวกเดินทางไกลแน่นอน เพราะฉะนั้นเราไม่ทำให้พวกเธอลำบากใจหรอก”
“หยวนฝู เธอใส่ใจมากเลย”
ฉินมู่หลานอยากรู้เรื่องที่สือหยวนฝูแต่งงานเร็วนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต่อให้เธอไม่ถาม สือหยวนฝูก็บอกเหตุผลให้ฟังตามตรง ใบหน้าของหล่อนแดงก่ำนิดหน่อยก่อนจะมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน ฉัน…ท้องแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่มันก็สมเหตุสมผลดี หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ สือหยวนฝูจะต้องแต่งหลังเรียนจบตามแผนเดิมที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานดูไม่แปลกใจและไม่เห็นสายตาดูถูกเลย สือหยวนฝูจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หล่อนตัดสินใจพูดออกมาหลังจากคิดมาแล้วสามครั้ง เพราะทราบดีว่าฉินมู่หลานมีทักษะทางการแพทย์ดีมาก จึงอยากให้เธอช่วยตรวจให้
“มู่หลาน เธอช่วยตรวจให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันไปโรงพยาบาลมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ยังกังวลนิดหน่อย”
“ได้อยู่แล้ว”
ฉินมู่หลานให้สือหยวนฝูนั่งลงแล้วเริ่มตรวจชีพจรของหล่อนทันที ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เธอไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรผิดปกติ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย”
สือหยวนฝูยกยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะกล่าวว่า “มันเป็นท้องแรก ฉันจึงรู้สึกประหม่าน่ะ”
“หยวนฝู เธอไม่ต้องกังวลนะ แค่ใส่ใจบางอย่างเพิ่มขึ้นก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นยังคงเหมือนเดิม เธอยิ่งกังวลก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเธอและลูกมากขึ้น” หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็เล่ารายละเอียดถึงสิ่งที่หญิงตั้งครรภ์ต้องใส่ใจ
หยวงหรงฮ่าวทักทายฉินมู่หลานแค่ตอนมาถึงเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่พอได้ยินพวกรายละเอียดที่มู่หลานกล่าว เขาก็รีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วจดลงไป บางเรื่องที่จดไม่ทันก็ถามมู่หลานซ้ำอีกครั้ง
ฉินมู่หลานก็กล่าวให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ หลังจากนั้นหยางหรงฮ่าวก็กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะมู่หลาน”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เมื่อเห็นหยางหรงฮ่าวดูใส่ใจขนาดนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มแล้วหันมองสือหยวนฝูไม่ได้ กล่าวว่า “หยวนฝู หรงฮ่าวของเธอดีกับเธอมากเลยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สือหยวนฝูก็พยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่ หรงฮ่าวดีมากจริง ๆ”
เดิมทีตัวหล่อนนัดดูตัวกับหรงฮ่าวเพราะเห็นว่าเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว เพียงทำตามขั้นตอนไป ไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสต่อกัน แต่หลังจากใช้เวลาอยู่กับหยางหรงฮ่าวมาสักระยะหนึ่งแล้ว หล่อนจึงได้รู้ว่าทั้งคู่เข้ากันได้ดี ดังนั้น…จึงได้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมา
พอคนในบ้านทั้งสองฝ่ายทราบ พวกเขาก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ การแต่งงานของพวกเขาสองคนจึงถูกเลื่อนเข้ามาทันที
เมื่อเห็นสีหน้าของสือหยวนฝูเต็มไปด้วยคามสุข ฉินมู่หลานก็มีความสุขไปพร้อมกับหล่อน การที่หญิงสาวได้แต่งงานกับคนที่ใช่ถือเป็นเรื่องที่ดี
สือหหยวนฝูและหยางหรงฮ่าวนั่งกันอยู่สักพักและพูดคุยกับฉินมู่หลานถึงสิ่งที่ควรใส่ใจหลังตั้งครรภ์อย่างละเอียด หลังจากทั้งสองได้เจอเด็กทั้งสองแล้ว ก็กลับไปในที่สุด
หลังจากสือหยวนฝูกลับไป ฉินมู่หลานก็งีบหลับสักพัก ครั้นตื่นขึ้นมาก็ให้นมลูกทั้งสอง
ในช่วงอยู่เดือนก็มีแต่กินกับนอน ส่วนที่เหลือก็คือการเลี้ยงลูก ฉินมู่หลานได้แต่รู้สึกว่าในช่วงหนึ่งเดือนนี้ตัวเองเหมือนรากจะงอก แต่ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือต่างยืนกรานว่าฉินมู่หลานต้องปฏิบัติตามกฎการอยู่เดือนหนึ่งเดือนเต็ม ตอนแรกพวกหล่อนอยากจะให้ฉินมู่หลานทำไปสักสองเดือนด้วยซ้ำ แต่ฉินมู่หลานทนกลิ่นศีรษะตัวเองไม่ไหวแล้ว มันเหม็นมากเพราะไม่ได้สระผมเลย
“เฮ้อ…ในที่สุดก็ครบเดือนสักที”
ฉินมู่หลานรู้สึกสดชื่นหลังจากได้สระผม มองอะไรก็ดูพอใจไปหมด
ซูหว่านอี๋มองลูกสาวด้วยท่าทางขบขัน ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่สบายขนาดนั้นเลยเหรอ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้แย่นะ ลูกแค่ต้องอดทนมากกว่านี้”
“แม่คะ มากกว่านี้ไม่ไหวแล้วค่ะ ต่อไปหนูก็จะดูแลตัวเองให้ดี”
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวเป็นหมอ ซูหว่านอี๋จึงไม่พูดอะไรอีก
ขณะที่สองแม่ลูกพูดคุยกัน เหยาจิ้งจือก็เดินมาหา นายท่านเหยาและคุณนายเหยาก็มากับหล่อนด้วย ตั้งแต่ที่ฉินมู่หลานคลอดลูกชายฝาแฝด ผู้อาวุโสทั้งสองก็มาหาบ่อยมาก เพราะหลานชายคนโตของพวกเขาใช้แซ่เหยา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นึกสภาพผญ.จีนตอนต้องอยู่เดือนแล้วก็ อืม ทรมานจริงๆ แน่ใจเหรอว่ามันฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังคลอดได้?
ไหหม่า(海馬)