ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 539 ทำคนโกรธหรือเปล่า(1)
ตอนที่ 539 ทำคนโกรธหรือเปล่า(1)
เหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานกลับมาแล้วก็รีบบอก “ดีจังเลยมู่หลาน ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว เร็วเข้าๆ ไม่รู้ว่าเจ้าสามกับเจ้าสี่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ถึงไม่ยอมกินนมผงเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบเดินไปข้างหน้าทันที ก่อนจะอุ้มเจ้าสามขึ้นมา และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อุ้มเจ้าสี่ ทั้งสองสามีภรรยาเข้าไปที่ห้องข้างในเพื่อให้นมลูก
หลังจากเด็กทั้งสองคนกินอิ่มก็ไม่ร้องไห้รบกวนอีกแล้ว
ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วแตะจมูกน้อยของถวนถวนและหยวนหยวนก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกลูกสองคนดื้อจังเลยนะ ทำไมถึงไม่ยอมกินนมผง”
เด็กทั้งสองได้แต่ทำตากลมแป๋ว พลางยกยิ้มร่า
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ได้แต่รู้สึกว่าหัวใจกำลังละลาย
เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กทั้งสองน่ารัก ก่อนอุ้มพวกเขาด้วยแขนทีละข้าง แล้วจูบลงบนแก้มของเด็กทั้งสอง
ถวนถวนและหยวนหยวนยังคิดว่าเล่นกับพวกเขา จึงหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข
หลังจากทั้งสองพาเด็กออกไป คุณนายเหยาก็รีบก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “อุ๊ย…เด็กสองคนนี้ในที่สุดก็หยุดร้องไห้แล้ว”
นายท่านเหยาก็ก้าวเดินมาหาข้างหน้าเหมือนกัน “ใช่แล้ว เจ้าตัวเล็กทั้งสองนี่ ตัวหรือก็กลมเล็กนิดเดียว แต่พอร้องไห้ขึ้นมาทีหนึ่งบ้านแทบแตก” ถึงจะพูดอย่างนั้น ชายชราก็ยังมองเด็กทั้งสองด้วยสีหน้าเอ็นดู เมื่อเห็นคุณนายเหยาอุ้มไปหนึ่งคน เขาก็รีบเข้าอุ้มอีกคนมาด้วย
เจ้าตัวเล็กทั้งสองกินอิ่ม จึงค่อย ๆ หาวขึ้นอย่างช้า ๆ
เจ้าก้อนกลมตัวน้อย แม้แต่หาวก็ยังน่ารัก ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองแทบทนไม่ไหว คุณนายเหยาหันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยว่า “มู่หลาน เธอกับอาหลี่เพิ่งกลับมา รีบไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ เจ้าหนูสองคนใกล้จะนอนแล้ว พวกยายจะพาพวกเขาเข้านอนเอง เดี๋ยวถ้าพวกเขาตื่นมาแล้วหิวนม พวกยายจะพาไปส่งพวกหลานเอง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ค่ะ ฝากคุณตาคุณยายด้วยนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาที่ห้องตัวเอง เธอก็อดพูดไม่ได้ “ดูเหมือนว่าคุณตากับคุณยายจะชอบเจ้าสามเจ้าสี่มากเหลือเกิน อยากจะลงมือเลี้ยงพวกเขาเองเลย”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ ก็หันมองแล้วพูดขึ้น “ใช่สิ พวกเขาต้องเลี้ยงเหลนอยู่แล้ว เพราะเจ้าสามใช้แซ่เหยา และเจ้าสามกับเจ้าสี่ก็เป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองก็จะต้องรักใคร่เอ็นดูเจ้าสี่เหมือนกัน”
หลังจากพูดถึงท้ายประโยค เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดึงฉินมู่หลานให้นั่งลง พลางเอ่ย “เอาเถอะ คุณก็ควรพักผ่อนสักหน่อยนะ” พูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็บอกเรื่องที่เขาจะกลับฐานทัพในวันพรุ่งนี้ “งานฉลองครอบรอบร้อยวันของเด็ก ๆ ผมว่าจะไปเชิญสหายบางคนมาด้วย เพราะฉะนั้นเราจัดโต๊ะเพิ่มสักสองโต๊ะเถอะ”
“เรื่องนั้นมันได้อยู่แล้ว ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจะบอกพวกแม่เอง ให้พวกเขาเตรียมการให้พร้อม”
“ตกลง”
จนกระทั่งถึงวันรุ่งขึ้น เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับไป ก็ไปเชิญถูไคหัว
ถูไคหัวก็ทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ลูกชายเพิ่มอีกสองคน จึงรู้สึกอิจฉาเขามาก “ได้ เดี๋ยวถึงตอนนั้นฉันจะพาครอบครัวไปร่วมงานด้วย”
หลังจากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มาเชิญสหายร่วมทีมเดียวกันอีกสองสามคน แม้แต่ถูเฉิงเสียงก็ได้รับเชิญ
ถูเฉิงเสียงไม่คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะเชิญตัวเอง เขาจึงมองแล้วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจนิดหน่อย “นายจริงจังเหรอ?”
“ก็ต้องจริงจังอยู่แล้ว หรือคิดว่าไม่จริงล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูเฉิงเสียงก็เปิดปากขึ้น “นาย…” เขาไม่ทราบว่าทำไม แต่ก็ไม่กล้าถามต่อ ในเมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กล้าเชิญ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไปแน่นอน “ได้ ถึงเวลาฉันจะไป”
เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบดีว่าถูเฉิงเสียงแปลกใจเรื่องอะไร
“ในความคิดฉันน่ะ เป็นเพราะพวกเราไปกุ้ยโจวด้วยกัน แล้วยังกลับมาจากอันหนานได้อย่างปลอดภัย เท่านั้นก็ถือว่าเป็นมิตรภาพต่อกันแล้ว”
ถูเฉิงเสียงได้ยินแบบนี้ก็กล่าวขึ้นตามตรง “เรื่องนั้นนับว่าเป็นมิตรภาพอยู่แล้ว จะบอกว่าเป็นมิตรภาพตลอดชีวิตเลยก็ได้”
“เป็นอย่างนั้นแหละ จริงสิ ถ้าวันนั้นครอบครัวของนายว่าง ก็เชิญมาด้วยกันได้นะ”
ถูเฉิงเสียงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตกลง”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปบอกถูเฉิงเสียงแล้ว เขาก็ไปบอกเฉาเจิ้งหนานอีกครั้ง
ถูเฉิงเสียงเฝ้ามองร่างที่เดินจากไปของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วก็กลับเข้าบ้านตัวเอง ตั้งแต่โดนลงโทษไปครั้งล่าสุด หลังจากพักอยู่บ้านเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เขาก็ตระหนักอะไรได้หลายอย่าง ตอนนี้ได้ยึดมั่นตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ควรจะมีวุฒิภาวะมากกว่าเดิม
หลังจากถูเฉิงเสียงกลับถึงบ้านก็พบว่าภรรยาอยูที่นั่น จึงบอกเรื่องนี้กับหล่อน
คังอันเหอได้ยินแบบนี้ก็ตกตะลึง ขณะที่อยากจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ก็นึกถึงเรื่องบางอย่างที่ได้ยินมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ หล่อนจึงพยักหน้าแล้วตอบตกลงด้วย “ได้ ถึงเวลาฉันจะไปกับคุณ”
เมื่อเห็นภรรยาตอบตกลงแล้ว ถูเฉิงเสียงก็ปรายตามองหล่อนอีกครั้ง
“มองอะไรคะ”
“ไม่มีอะไร ถึงตอนนั้นพวกเราก็รีบกลับหลังจากกินข้าวเสร็จ ไม่ต้องอยู่นานเกิน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่สามีพูด คังอันเหอก็จ้องมองสามีครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันบอกแล้วว่าจะไป ฉันไม่รับปากแบบพล่อย ๆ หรอก แล้วก็จะไม่ทำให้คุณต้องอับอายด้วย มั่นใจได้เลย”
หล่อนทราบว่าสามีกำลังคิดอะไร ก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากกลัวหล่อนไปสร้างปัญหา ตอนนี้หล่อนโดนส่งไปที่โรงพยาบาลชุมชนแล้ว หากได้เผชิญหน้ากับฉินมู่หลานอีกครั้ง คงไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอเธออยู่อีก
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“เหอะ…ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ทางด้านเซี่ยเจ๋อหลี่ได้เชิญทุกคนที่ต้องการแล้ว
ส่วนฉินมู่หลานที่ไปมหาวิทยาลัย ก็ได้เชิญเพื่อนร่วมห้องอีกจำนวนหนึ่งเช่นกัน
เฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็กล่าวทั้งรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงมู่หลาน ถึงเวลานั้นพวกเราจะไปแน่นอน”
เหมาชุนเถาก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้ว ถึงเวลาฉันก็จะพาจี๋เซียงตัวน้อยไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สือหยวนฝูก็อดกล่าวไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพาหรงฮ่าวไปด้วย”
แม้แต่เกาซุนชิวก็อดกล่าวไม่ได้ “มู่หลาน ครั้งก่อนน้องชายกับน้องสาวของฉันบ่นกันใหญ่ว่าไม่บอกพวกเขาเรื่องที่เธอคลอดลูกแล้ว พวกเขาอยากจะตามฉันมาดูพวกเด็ก ๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นงานเลี้ยงครบรอบร้อยวันนี้ ฉันจะพาพวกเขามาด้วยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้สิ พวกเขาอยากจะมาก็มาได้อยู่แล้ว”
เมื่อเห็นทุกคนต่างพาคนมาด้วย เฉินเซี่ยวอวิ๋นจึงอดพูดไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายฉันจะไปแบบตัวคนเดียว พวกเธอพาคนในครอบครัวไปด้วยหมดเลย” หล่อนทราบว่าถึงเวลานั้นเซี่ยปิงหรุ่ยจะต้องพาคนในครอบครัวไปด้วยแน่นอน เพราะครอบครัวของหล่อนดูเหมือนจะสนิทสนมกับครอบครัวของมู่หลาน
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหันไปมองไม่ได้ ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เธออยากจะพาพวกเขามาด้วยก็พามาได้นะ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นถอนหายใจ “เสียดายที่ไม่มี”
“ฮ่าๆๆ…”
ทุกคนได้ยินแบบนี้ก็พากันหัวเราะขึ้นมา
จนกระทั่งถึงงานเลี้ยงครบร้อยวัน ญาติและเพื่อนบางคนก็มากันหมดแล้ว และญาติบางคนของตระกูลเหยาก็มาร่วมงานเช่นกัน เพราะเจ้าสามใช้แซ่เหยา ถ้าหากให้นับตามศักดิ์จริง ก็ถือเป็นหลานชายของนายท่านเหยา ดังนั้นพวกเขาจึงมาร่วมงานด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในเมื่อสมานฉันท์กันแล้ว ก็อย่าให้ภรรยาตัวเองไปก่อเรื่องในงานเขาเข้าล่ะเฉิงเสียง
ไหหม่า(海馬)