ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 544 อยากไปเซินเจิ้น(2)
ตอนที่ 544 อยากไปเซินเจิ้น(2)
เมื่อถึงวันที่สามของเทศกาลปีใหม่ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เตรียมเก็บของจะกลับไปที่ฐานทัพอีกครั้ง การที่เขากลับมาบ้านช่วงปีใหม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก จึงไม่มีวันหยุดอีกแล้ว
ขณะที่เซี่ยเจ๋อหลี่กำลังจะกลับ ชิงชิงและเฉินเฉินก็ดูลังเลมาก พวกเขาสนิทกับพ่อแล้ว ช่วงนี้ได้ใช้เวลากับพ่อเยอะมาก จึงรู้สึกติดเขานิดหน่อย เป็นเพราะพ่ออุ้มพวกเขาลอยขึ้นสูงได้ อีกทั้งยังเล่นกับพวกเขาได้ตลอดด้วย “ปะป๊า…”
เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่อยากไปเหมือนกัน เขาจูบลาเด็กทั้งสอง แล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวมีเวลาว่างปะป๊าจะกลับมาหาพวกลูกนะ”
“ได้”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอีก เธอวางแผนจะเลี้ยงลูกทั้งสองให้เป็นอย่างดี ยังไม่ทันที่เธอจะได้เล่นกับพวกลูก ๆ เหมาชุนเถาก็มาหาพร้อมกับจี๋เซียงตัวน้อย
“มู่หลาน สวัสดีปีใหม่”
“สวัสดีปีใหม่”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าเหมาชุนเถาจะมาจริง ๆ ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ชิงชิงและเฉินเฉินเห็นจี๋เซียงน้อยมาหา ก็ลืมเรื่องพ่อไปแล้ว และมองดูเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ด้วยความที่เด็กน้อยชอบเล่นด้วยกัน หลังจากนั้นไม่นาน เด็กทั้งสามก็เล่นด้วยกัน
เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของจี๋เซียงตัวน้อย เหมาชุนเถาก็ทราบว่าตัวเองทำถูกแล้ว
“พวกเราสองแม่ลูกอยู่ที่ปักกิ่ง ถึงจะเงียบสงบมากแต่ก็แอบเหงานิดหน่อย บรรยากาศช่วงปีใหม่ก็เงียบ ๆ ช่วงสองวันมานี้ สีหน้าจี๋เซียงน้อยไม่ค่อยร่าเริงเลย วันนี้ฉันก็เลยพาเขามา”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดกล่าวไม่ได้ “ชุนเถา พวกเธอน่าจะมาตั้งนานแล้ว”
ซูหว่านอี๋ก็รู้จักเหมาชุนเถาและทราบเรื่องของหล่อนด้วย ตอนนี้เมื่อเห็นหล่อนและจี๋เซียงตัวน้อยมาหา ก็รีบยกยิ้มแล้วนำผลไม้มาให้ “ชุนเถา กินผลไม้ก่อน”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”
“ขอบคุณอะไรกันล่ะ เธอพาจี๋เซียงน้อยมาที่นี่ได้ พวกเราก็ดีใจแล้ว”
ตอนกลางวัน เหมาชุนเถาและจี๋เซียงน้อยอยู่รับประทานอาหารที่นี่ด้วย หลี่เสวี่ยเยี่ยนไม่ค่อยคุ้นเคยกับเหมาชุนเถานัก ทราบเพียงว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉินมู่หลาน หลังจากได้ยินแม่สามีพูดเรื่องเหมาชุนเถาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ “ชุนเถาไม่เพียงแค่ต้องไปเรียนเท่านั้น แต่ยังมีลูกด้วย ลำบากมากเลยนะ”
“ใช่แล้ว”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนแอบคิดว่าจิตใจอดีตสามีของเหมาชุนเถาช่างแปลกเหลือเกิน
พวกเขาไม่ทราบกันหรือว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งคือมหาวิทยาลัยอะไร ถึงได้ตัดหางปล่อยวัดภรรยาแบบนี้ ได้พบผู้หญิงแบบนี้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็รีบหันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนแล้วพูดขึ้นว่า “อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าชุนเถานะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ฉันไม่ใช่คนปากพล่อยขนาดนั้นหรอกนะคะ”
แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเหมาชุนเถานิดหน่อย จึงเอ่ยถามมากมาย สุดท้ายก็ยังได้พูดเรื่องปัญหาชีวิตบางอย่างขึ้นมาด้วย จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตัวเองถามมากเกินไปแล้ว การที่เหมาชุนเถาต้องดูแลลูกด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่นึกไม่ถึงว่าเหมาชุนเถากลับกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้พวกเราสองแม่ลูกสบายดีค่ะ เดี๋ยวรอฉันมีเงินก็จะซื้อบ้านที่เราอยู่อาศัยตอนนี้ เจ้าของบ้านเป็นคนดีมาก บอกว่าถึงเวลาฉันพร้อมเมื่อไหร่ก็จะขายให้ค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มองเหมาชุนเถาด้วยความแปลกใจ
และฉินมู่หลานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จึงอธิบาย “ตอนนี้ชุนเถาหารายได้จากการเขียนต้นฉบับบทความค่ะ รายได้ดีมาก”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูแปลกใจ “ที่แท้เธอก็หารายได้จากการเขียนบทความนี่เอง ฉันจำได้ว่ามู่หลานก็เคยเขียนต้นฉบับบทความเพื่อหาเงินเหมือนกัน”
“เป็นเพราะมู่หลานแนะนำงานนี้ให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงหาเงินไม่ได้มากมายขนาดนี้หรอกค่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนอยากทราบมากว่าเหมาชุนเถาเขียนเกี่ยวกับอะไร
เหมาชุนเถาก็บอกด้วยความเคอะเขินนิดหน่อย “ฉันเขียนพวกเรื่องเล่าค่ะ”
“จริงเหรอ ตอนฉันมีเวลาก็ไปซื้อมาอ่านตลอดเลย เธอเขียนเรื่องไหนบ้างเหรอ”
เหมาชุนเถาไม่คิดว่าจะเจอคนอ่านเรื่องเล่า จึงรู้สึกเขินนิดหน่อย แต่ก็ยังบอกว่าตัวเองเขียนเรื่องอะไร
หลังจากหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ฟัง ก็รู้สึกตื่นเต้นไปหมด
“ชุนเถา ที่แท้เธอก็เขียนเรื่องนั้นนี่เอง เป็นเรื่องที่ฉันชอบอ่านมากที่สุดเลยล่ะ ไอ้หยา…ตอนนี้มันช้าเกินไปแล้ว เธอช่วยบอกตอนจบให้ฟังหน่อยได้ไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมาชุนเถาก็อดที่จะหัวเราะแล้วบอกกล่าวเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้ แบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง”
เมื่อเห็นเหมาชุนเถาบอกแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงไม่ถามมากอีก แต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็นอีกมากมาย
เหมาชุนเถาและจี๋เซียงน้อยนั่งต่ออีกครู่หนึ่ง เมื่อถึงช่วงบ่ายก็กลับไป
หลังจากเหมาชุนเถากลับไป หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็อดกล่าวไม่ได้ “การได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ดีมากเลย ถึงแม้ว่าชุนเถาจะเจอเรื่องแบบนั้นมา แต่หล่อนก็ยังเข้มแข็งขนาดนี้ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกหญิงสาวในหมู่บ้าน คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ก็เก่งเหมือนกันค่ะ แล้วก็แข็งแกร่งด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องอิจฉาหรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยิ้มแล้วหันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยถาม “จริงเหรอมู่หลาน ฉันในสายตาเธอ เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฉินมู่หลานกล่าวพร้อมทั้งยกยิ้ม “แน่นอนค่ะ ตอนนี้พี่สะใภ้ก็เก่งมากเหมือนกันค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ได้แต่รู้สึกดีใจ “ถ้าเธอว่าแบบนั้น งั้นก็คงจริง เธอไม่เคยโกหก”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนี้ ก็กลับไปที่ห้องด้วยท่าทางดีใจ
เมื่อถึงวันที่เจ็ดของปีใหม่ตามปฏิทินจีน ในที่สุดคุณปู่ฉิน เซี่ยเหวินปิง ฉินเจี้ยนเซ่อและคนอื่น ๆ ก็กลับมากันแล้ว
“คุณปู่ คุณย่า ในที่สุดทุกคนก็กลับมาแล้ว”
ฉินมู่หลานเห็นพวกคุณปู่กลับมา ก็รีบยกยิ้มแล้วกล่าวทักทาย
ซูหว่านอี๋เห็นสามีกลับมาแล้วก็ดีใจมาก แต่เห้นว่าพวกเขากลับเกินกำหนด จึงยังกังวลนิดหน่อย “เจี้ยนเซ่อ ไหนบอกว่าหนึ่งสัปดาห์จะกลับ นี่เกือบจะสิบวันแล้ว”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองสามีแล้วพูดขึ้นเช่นกัน “ใช่ นี่วันที่สิบเข้าแล้วพวกคุณถึงเพิ่งกลับมา หลายวันมานี้พวกเราเป็นห่วงกันมาก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราไม่เป็นไร ก็แค่ใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้านนิดหน่อย”
คุณปู่ฉินรีบอธิบายทันที “เสียเวลาเพราะฉันนี่แหละ ทำทุกคนเป็นกังวลเลย”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็รีบโบกมือแล้วกล่าวทันที “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ พวกเราก็แค่เป็นห่วงนิดหน่อย” พูดจบ หล่อนก็บอกให้คุณปู่และคุณย่าฉินกลับไปพักผ่อน “พ่อคะแม่คะ เดินทางไปมาแบบนี้ พวกพ่อแม่คงเหนื่อยแล้ว รีบไปนั่งพักเถอะค่ะ”
คุณปู่และคุณย่าฉินรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ
พวกเขาอายุมากแล้ว ครั้งนี้ก็ต้องเดินทางอีก จึงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับไปพักผ่อนก่อนนะ”
หลังจากผู้อาวุโสทั้งสองกลับไปแล้ว ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็วางแผนจะเข้าครัว เพื่อดูว่าจะทำอะไรกิน
เซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อต่างหยุดเหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋เอาไว้
“ทำไม มีเรื่องอะไรเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเรียกพวกหล่อนสองคนไว้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย
ฉินเจี้ยนเซ่อหันมองเซี่ยเหวินปิง บอกให้เขาพูดก่อน
เซี่ยเหวินปิงก็ไม่ปฏิเสธ แล้วเปิดปากกล่าว “พวกเราอยากจะลองไปเที่ยวที่เซินเจิ้นดูน่ะ”
“อะไรนะ…ไปเซินเจิ้น?”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนี้ “พวกคุณจะไปเซินเจิ้นทำไม?”
ในตอนนั้นเอง ฉินเจี้ยนเซ่อก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ได้ยินมาว่าที่เซินเจิ้นมีงานทำบ้านเยอะมาก ผมกับเหวินปิงก็เลยว่าจะลองไปดูสักหน่อย ถ้าไม่มีอะไร เราก็จะกลับมา”
“แต่ว่า…ต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงจะบอกว่าหางานก็เถอะ แต่ก็ลองหาที่นี่ดูก็ได้ เซินเจิ้นไกลขนาดนั้น ไปมาไม่สะดวก แล้วพวกคุณรู้ได้ยังไงว่าที่นั่นมีงาน”
“ตอนที่พวกเรามา ได้ยินคนที่เพิ่งกลับมาจากเซินเจิ้น ผู้ชายคนนั้นก็ทำงานก่อนสร้างเหมือนกัน บอกว่าตอนนี้ที่นั่นมีงานเยอะมาก”
แต่ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“พวกคุณไม่กลัวว่าเขาจะโกหกเหรอ”
เซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อต่างส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่มีทางหรอก เหล่าเหอไม่โกหกพวกเราหรอก”
ฉินมู่หลานหันไปมองฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยถาม “เคอวั่ง นายเคยเจอคนนี้ด้วยไหม นายรู้สึกว่าเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเคอวั่งนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะวนมาเข้าตัวเอง แต่เขาก็บอกกล่าวตามตรง
“อาเหอไม่ใช่คนที่จะโกหกหรอกครับ แต่ที่เซินเจิ้นจะเป็นยังไงนั้น พวกเราก็ยังไม่เคยเห็นกับตาตัวเองเลย เพราะฉะนั้นยังเชื่อได้ไม่เต็มที่หรอกครับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณพ่อทั้งสองคิดให้รอบคอบก่อนนะคะ ข่าวจริงหรือข่าวลือเอาให้ชัวร์ก่อน เซินเจิ้นนี่คนละภูมิภาคกับปักกิ่งเลยนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคนในครอบครัวไปช่วยไม่ทันนะคะ
ไหหม่า(海馬)