ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 550 แอบ(2)
ตอนที่ 550 แอบ(2)
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณนายเซี่ยไม่ชอบเด็กผู้หญิง เธอจึงทนไม่ไหวต้องก่นด่าอยู่ในใจ แต่คุณนายเซี่ยก็ยังมาขอพบเพื่อให้เธอเขียนใบสั่งยานั้นให้
คิดหรือว่าหมอสมัยนี้จะควบคุมเพศของเด็กที่จะเกิดได้ แถมยาเหล่านั้นล้วนมีผลข้างเคียงอันตรายทั้งสิ้น
คุณนายเซี่ยได้ยินคำพูดของฉินมู่หลานแล้วก็รู้สึกตกใจมาก ถึงแม้เรื่องจะจบไปนานหลายปี แต่ก็ยังกลัวอยู่นิดหน่อย การครองบัลลังก์เป็นเรื่องที่ง่ายดายเสียเมื่อไร?
“มู่หลาน หลานพูดอะไรน่ะ ย่าก็แค่ขอให้หลานช่วยปรุงยาให้แค่นั้นเอง”
“ไม่มียาแบบนั้นหรอกค่ะ คุณย่าล้มเลิกความคิดนี้ซะเถอะ”
“เธอ…”
คุณนายเซี่ยโกรธฉินมู่หลานมาก ชี้หน้าเธอแล้วพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าคุณย่าไม่มีเรื่องอื่นจะพูดแล้ว ฉันขอตัวกลับไปที่ห้องพักฟื้นก่อนนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานกลับเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว ว่านจี้อวิ๋นก็เห้นว่าเธอกลับมาคนเดียว จึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน แล้วคุณย่าของหลานล่ะ?”
“อ๋อ อยู่ข้างหลังค่ะ เดี๋ยวก็น่าจะเข้ามาแล้ว”
เห็นได้ว่าเธอกำลังโกรธ “ทำไมเหรอมู่หลาน คุณย่าท่านพูดอะไรกับหลานเหรอ?”
หล่อนคิดว่าคุณนายเซี่ยคงพูดสิ่งที่ทำให้มู่หลานไม่พอใจอีกแล้ว
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”
ในตอนนี้คุณนายเซี่ยก็เดินเข้ามาแล้ว นางมองฉินมู่หลานที่นั่งอยู่ตรงนั้นและอดไม่ได้ที่จะโกรธ หลานสาวคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับตนโดยแท้ หากเป็นช่วงเวลาปกติจะไม่สนิทสนมกับครอบครัวก็ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกหลานตระกูลเซี่ย เธอกลับพูดคำนั้นออกมา ทำให้นางโกรธมาก
นายท่านเซี่ยทราบว่าคุณนายเซี่ยไปคุยกับฉินมู่หลาน ตอนนี้จึงหันมองไปที่หญิงชรา ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานอีกครั้ง และทราบว่าทั้งสองคงมีปากเสียงกัน ไม่รู้ว่าทะเลาะเรื่องอะไรกัน วันนี้เป็นวันที่หลานสะใภ้คลอดลูก แต่ทั้งสองกลับมีเรื่องให้หนักใจ
ฉินมู่หลานทราบว่านายท่านเซี่ยกำลังคิด จึงเอ่ยตามตรง ให้เขาดูแลภรรยาตัวเองให้ดี
หลังจากเริ่นม่านนีและเซี่ยอวี๋เซิงกลับมา พวกเขาก็เริ่มมองหาลูกตัวเองทันที
“ม่านนี ทางนี้”
ว่านจี้อวิ๋นเห็นท่าทางของลูกสะใภ้ จึงยิ้มแล้วชี้ไปทางเปล
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนั้นก็หันไปมอง จากนั้นก็รีบเดินไปตรงนั้น แล้วอุ้มเด็กขึ้นมาด้วยท่าทางอ่อนโยน
ฉินมู่หลานเห็นว่าเริ่นม่านนียังมีแรงที่จะอุ้มลูก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ คลอดธรรมชาติอย่างไรก็ดีกว่า หลังจากคลอดก็ทำอะไรได้ง่ายขึ้น หากผ่าคลอด ตอนคลอดอาจจะง่ายก้จริง แต่หลังจากคลอดแล้วก็ทรมานอยู่ไม่น้อย
แต่เริ่นม่านนีไมได้สนใจฉินมู่หลานเลย กลับกำลังมองดูลูกสาวตัวเองด้วยท่าทางแสนอ่อนโยน
เดิมทีหลังจากทราบว่าเซี่ยอวี๋เซิงร่างกายมีปัญหา เริ่นม่านนีจึงแอบคิดว่าชีวิตนี้อาจไม่ได้มีลูกของตัวเองเสียแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้ลูกสาวมาแล้ว เธอจึงรู้สึกผ่อนคลาย “เด็กน้อย ฉันเป็นแม่หนูนะ”
เซี่ยอวี๋เซิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เด็กน้อย ฉันเป็นพ่อหนูนะ”
เมื่อเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้ทำแบบนี้ ว่านจี้อวิ๋นก็อดกล่าวทั้งรอยยิ้มเสียไม่ได้ “อวี๋เซิง ม่านนี พวกลูกวางเด็กลงก่อนเถอะ หล่อนยังหลับอยู่เลย ยิ่งไปกว่านั้นม่านนียังไม่ควรอุ้มลูกมากในตอนนี้ ต้องฟื้นฟูร่างกายตัวเองให้ดีก่อน”
ฉินมู่หลานก็กล่าวด้วย “ใช่ค่ะพี่สะใภ้ พี่ยังต้องพักผ่อนก่อนนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เริ่นม่านนีก็วางเด็กลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก จากนั้นก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพยาบาล
“พี่สะใภ้คะ เดี๋ยวฮันตรวจชีพจรให้ค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวแบบนั้น เริ่นม่านนีก็พยักหน้าแล้วพูดออย่างเป็นกันเอง “เอาสิมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนเธอแล้ว”
หลังฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เริ่นม่านนี เธอก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงค่ะ แค่พี่ดูแลตัวเองให้ดี ร่างกายก็จะค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นเองค่ะ”
“ได้อยู่แล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เด็กน้อยอย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวตามตรง “ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่มีความผิดปกติอะไร จริง ๆ แล้วเด็กเพิ่งคลอดออกมา หมอคงตรวจเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องกังวลค่ะ”
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ก็รีบกล่าวทันที “มู่หลาน ถ้าเธอตรวจให้ฉันก็สบายใจมากกว่าไง”
เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำมีเลือดฝาดของเริ่นม่านนี ตอนพูดยังเต็มไปด้วยพลังไม่อ่อนแอ ฉินมู่หลานจึงทราบแล้วว่าหล่อนไม่เป็นอะไร จึงนั่งอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็กลับไป
หลังจากฉินมู่หลานไป นายท่านเซี่ยก็อดไท่ได้ที่จะหันมองคุณนายเซี่ยแล้วเอ่ยถาม “เมื่อกี้คุณแอบไปคุยอะไรกับมู่หลานมาเหรอ ทำไมหล่อนดูอารมณ์ไม่ค่อยดี”
คุณนายเซี่ยได้ยินแบบนี้ ก็รีบโบกมือทันที ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก”
ตอนนี้เริ่นม่านนีกลับมาแล้ว คุณนายเซี่ยจึงไม่กล้าพูดคำพวกนั้นต่อหน้าหล่อนแน่นอน
นายท่านเซี่ยเห็นว่าคุณนายเซี่ยไม่ยอมพูด คิ้วจึงขมวดขึ้นทันที แต่ไม่ว่าคิ้วของเขาจะขมวดเป็นปมขนาดไหน คุณนายเซี่ยก็ไม่เปิดเผยอะไรออกมาเลย
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน ม่านนีคลอดแล้วเหรอ ได้ลูกชายหรือลูกสาว?”
“เป็นลูกสาวค่ะ”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉินมู่หลานก็นึกไปถึงเรื่องที่คุณนายเซี่ยคุยกับเธอ ในใจจึงรู้สึกหดหู่นิดหน่อย และโกรธมาก
ซูหว่านอี๋มองแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าลูกสาวอารมณ์ไม่ดี จึงรีบเอ่ยถาม “ทำไมเหรอมู่หลาน ไปเยี่ยมม่านนีกับลูกที่โรงพยาบาลมาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้โกรธขนาดนี้ล่ะ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”
ต่อหน้าซูหว่านอี๋ ฉินมู่หลานไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว เล่าสิ่งที่คุณนายเซี่ยทำขึ้นทันที หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “หล่อนกล้าคิดได้ยังไง คิดว่ากินยาแล้วจะกำหนดให้เพศของเด็กเป็นชายได้อย่างนั้นเหรอ ช่างมีความคิดที่แปลกคนเหลือเกิน”
หลังจากซูหว่านอี๋ได้ฟังคำพูดของลูกสาวแล้วก็โกรธมากเหมือนกัน
“ยายแก่เซี่ยคนนี้ ทำไมหล่อนถึงเป็นแบบนี้นะ เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หลานสาวของหล่อนหรอกเหรอ รู้อยู่ว่ากว่าม่านนีจะมีลูกได้มันยากขนาดไหน แต่กลับอยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เด็กผู้ชายเสมใจหล่อน”
“ใช่ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ชายทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเซี่ยอวี๋เซิงหลานชายของหล่อนทำไม่ได้ แต่สุดท้ายจะมาให้ม่านนีเป็นฝ่ายแก้ปัญหา ให้หล่อนคลอดลูกชายให้ได้”
“นั่นสิ อย่างหล่อนมีหลานได้ก็ถือว่าดีแล้ว ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ดีทั้งนั้น แต่ตอนนี้หล่อนยังไม่พอใจอีก ถ้าไมใช่เพราะลูกยื่นมือเข้าไปช่วย ชาตินี้เซี่ยอวี๋เซิงก็คงมีลูกไม่ได้”
หลังจากสองแม่ลูกคุยกันสักพัก สุดท้ายซูหว่านอี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปทำอาหาร
“มู่หลาน ลูกไปเล่นกับเด็ก ๆ ก่อน เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าว”
“ค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีหลานได้ก็บุญแล้ว ยังจะเอาหลานชายอีก ยัยแม่เฒ่าเซี่ยนี่นับวันยิ่งเลอะเทอะนะ
ไหหม่า(海馬)