ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 553 กลับมา
ตอนที่ 553 กลับมา
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเห็นฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงกลับมาพร้อมรอยยิ้มลิงโลดบนใบหน้า
“กลับมาได้เสียทีนะ”
ฉินมู่หลานเห็นพ่อกับพ่อสามีกลับมา ก็มีสีหน้าตื่นเต้นยินดี “พ่อคะ ออกไปข้างนอกตั้งนาน ผอมลงและคล้ำขึ้นเยอะนะคะ”
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อรู้สึกราวกับไม่พบหน้าครอบครัวมานาน
“ใช่แล้ว นานมากจริง ๆ”
นายท่านเหยาที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เอาละ ให้ทั้งคู่รีบเข้ามาเร็วเข้า ดูสิว่าเหนื่อยล้ากันขนาดไหน ให้พวกเขานั่งลงพักผ่อนก่อน”
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ได้สติ รีบให้พวกเขาเข้ามานั่งด้านใน
ตอนนี้ทั้งพ่อเฒ่าฉินและแม่เฒ่าฉินเข้ามาแล้ว เห็นลูกชายคนเล็กกลับมาเสียทีก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้ และถามขึ้น “เจี้ยนหัวกับเคอเหล่ยเคอเจี๋ยก็กลับมาแล้วเหมือนกันเหรอ”
“ใช่แล้ว พวกเขากลับบ้านไปก่อน พรุ่งนี้ก็น่าจะมาหา”
“ดีแล้ว แค่พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ” พ่อเฒ่าฉินและแม่เฒ่าฉินกังวลมาตลอด หากไม่ใช่เพราะทราบข่าวเป็นระยะ พวกเขาอาจนอนไม่หลับ ตอนนี้ได้เห็นคนกลับมาโดยสวัสดิภาพแล้วก็ย่อมเบาใจลงได้
ฉินเคอวั่งเองก็ถามไถ่เพิ่มเติม
“พ่อครับ อาจารย์ผมเองก็กลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้ผมว่าจะแวะไปเยี่ยม”
ฉินเจี้ยนเซ่อพยักหน้าบอก “ตกลง พรุ่งนี้ลูกก็แวะไปหาเขา ช่วงนี้อาจารย์ของลูกทำงานหนักกับเรามาตลอด”
“จริงสิเจี้ยนเซ่อ พวกคุณกินอะไรมาหรือยัง?” ซูหว่านอี๋ถาม
“ยังเลย บนรถไฟไม่มีเสบียง ทั้งผมกับเหวินปิงยังไม่ได้กินข้าวกันทั้งคู่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบลุกบอก “ฉันจะไปทำอาหารให้ค่ะ ควรกินขนมรองท้องก่อนนะคะ”
เหยาจิ้งจือเองก็ลุกขึ้นไปช่วยทำอาหารในครัว
ชิงชิงกับเฉินเฉินยังจำปู่กับตาได้ หลังทักทายกันครู่หนึ่งก็พากันวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขา
“ทั้งชิงชิงและเฉินเฉินโตขึ้นมากเลยนะ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็มองถวนถวนกับหยวนหยวนในอ้อมแขนนายท่านเหยากับคุณนายเหยา แทบจำเด็กสองคนนี้ไม่ได้ “ถวนถวนกับหยวนหยวนก็โตขึ้นมากเหมือนกันนะเนี่ย”
คุณนายเหยายิ้มหน้าบานเมื่อได้ยินคำนี้
“เด็ก ๆ ก็เหมือนเดิมทุกวัน เธอจากบ้านไปนาน ต้องจำไม่ได้เป็นธรรมดา”
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือรีบทำบะหมี่มาสองชาม ให้ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงกินให้อิ่มท้องแล้วพักผ่อน
ทั้งสองเพลียมากจริง ๆ หลังกินเสร็จก็เข้าไปนอนในห้อง
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงหลับยาวไปกระทั่งเช้าวันต่อมา หลังตื่นแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
ซูหว่านอี๋ยังเป็นกังวล ให้ฉินมู่หลานช่วยจับชีพจรให้
“หว่านอี๋ เราแค่ล้า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
ฉินมู่หลานยิ้มบอก “พ่อคะ ให้ตรวจดูหน่อยก็ไม่เสียหายนะคะ ไม่อย่างนั้นแม่กับคนอื่น ๆ คงเป็นห่วงกันไม่เลิก”
หลังเธอตรวจร่างกายแล้วก็ส่งจ่ายยาบำรุงร่างกายให้
“พ่อคะ ช่วงนี้พ่ออ่อนเพลีย ต้องบำรุงร่างกายและพักผ่อนด้วยนะคะ”
ได้ฟังคำฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็รีบถาม “มู่หลาน คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่เป็นไร”
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงเองก็ว่าง่าย ฉินมู่หลานให้กินยาบำรุงก็กินโดยไม่อิดออด
เมื่อตระกูลเซี่ยจัดงานเลี้ยงขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ติดธุระไปไม่ได้ ขณะที่ทุกคนในตระกูลเซี่ยยกเว้นเขาต่างไปร่วมงาน
“มู่หลาน พวกเธอมาแล้ว”
เซี่ยฉางชิงเห็นลูกสาวและคนอื่น ๆ มาถึง เขารีบยิ้มทักทายตั้งแต่หน้าประตู หลังพบหน้าฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็เอ่ยสำทับ “เจี้ยนเซ่อ เหวินปิง ปรับตัวกับเซินเจิ้นได้หรือยัง”
ได้ยินคำของเซี่ยฉางชิง ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็พยักหน้ายิ้มตอบ “เราปรับตัวได้แล้วละ ครั้งนี้ได้ทำสัญญาโครงการด้วย ฝ่ายก่อสร้างของเราตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
ทั้งสองตาเป็นประกาย มองแวบแรกก็รู้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังในอนาคต
เซี่ยฉางชิงเห็นแบบนี้ก็ยิ้มกล่าว “ดีแล้วล่ะ”
ระหว่างพูดคุยก็เชิญพวกเขามาด้านใน ครั้นเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้มาด้วยจึงบอก “ช่วงนี้อาหลี่งานรัดตัว คงมาไม่ว่างมาสินะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเอ่ย “ค่ะ พักนี้เขามีภารกิจ ไม่ได้กลับบ้านเลย”
“อย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”
เซี่ยฉางชิงรู้จักงานของเซี่ยเจ๋อหลี่ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำอะไรได้
หลังทักทายกัน เซี่ยฉางชิงก็ได้มีโอกาสพบหลานทั้งสี่เสียที เขามองถวนถวนกับหยวนหยวนด้วยสีหน้าประหลาด เจ้าตัวน้อยสองคนยังหลับอยู่ หลังดูอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปหาชิงชิงกับเฉินเฉินแล้วถาม “ชิงชิง เฉินเฉิน จำตาได้ไหม”
“จำได้~”
สองแฝดความจำดี จดจำเซี่ยฉางชิงได้เป็นธรรมดา พวกเขาเอ่ย “คุณตา เราไม่ได้เจอกันนานมาก คิดถึงจังเลย”
“โอ้… ตาก็คิดถึงพวกหนูเหมือนกัน”
เซี่ยฉางชิงมีสีหน้าอิ่มเอมเมื่อได้ยินเจ้าหลานแฝดบอก
นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยเข้ามาในจังหวะนี้ และมีความสุขนักที่ได้เห็นเด็กๆ ถึงอย่างไรใคร ๆ ก็สนใจสองแฝด
“นี่เหล่าซานกับเหล่าซื่อใช่ไหม หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะเลย”
คุณนายเซี่ยมองเด็กสี่คนตรงหน้าแล้วอิจฉานัก แม้จะไม่โปรดปรานหลานสาวอย่างฉินมู่หลาน แต่เจ้าตัวก็โชคดีมาก มีลูกแฝดชายหญิง ตามมาด้วยแฝดชายทั้งคู่อีก
คิดแล้วคุณนายเซี่ยก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“มู่หลาน ฉันจำได้ว่าตระกูลเหยารับเหล่าซานเข้าตระกูลและได้ใช้สกุลเหยา” สุดท้ายนางก็มีความคิดหนึ่งในหัว หากหลานชายกับหลานสะใภ้ไม่อาจมีลูกชาย ก็ยังสามารถรับเหล่าซื่อเข้าตระกูลเซี่ยได้
ได้ยินคำคุณนายเซี่ยแล้ว ฉินมู่หลานก็มองด้วยความฉงนและถาม “เหล่าซานใช้สกุลเหยาจริงค่ะ แต่ก็แค่สกุล ทุกอย่างที่เหลือยังเหมือนเดิม แค่เห็นว่าพวกเขาเป็นตายายเท่านั้น”
ถึงกระนั้นการเด็กน้อยได้ใช้สกุลเหยาก็ทำให้คุณนายเซี่ยริษยาอยู่บ้าง
ฉินมู่หลานเห็นสายตาอีกฝ่ายมองมายังเหล่าซื่อเปลี่ยนไป จึงกล่าวเบี่ยงประเด็น “วันนี้มีแขกหลายคน คุณปู่กับคุณย่าต้องไปช่วยต้อนรับแขกไม่ใช่เหรอคะ”
ได้ยินแบบนี้คุณนายเซี่ยก็โพล่งบอก “มีฉางหมิงกับจี้อวิ๋นดูแลอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้คนแก่อย่างเราทำหรอก” สุดท้ายก็จ้องหน้าฉินมู่หลานขณะถาม “มู่หลาน คนไหนเหล่าซื่อล่ะ”
ซูหว่านอี๋อุ้มเหล่าซื่อในอ้อมแขน แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงชำเลืองมองคุณนายเซี่ย ไม่ถูกชะตากับหญิงเฒ่าตรงหน้านัก
ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ถูกชะตากับตระกูลเซี่ยต่างหาก
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดมากความ แค่ยิ้มบอก “เหล่าซานกับเหล่าซื่อมีย่ากับยายอุ้มแล้วค่ะ เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ ตัวเอกของวันนี้คือลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องกับพี่สะใภ้ ว่าแต่ตั้งชื่อหรือยังคะ” เธอเดินนำออกไป
คุณนายเซี่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปดังคาด…ด้วยความที่นางไม่ชอบเหลนสาว ทุกสิ่งจึงขวางหูขวางตาไปหมด
เซี่ยฉางชิงยังยิ้มบอก “ฉันเลือกไว้แล้ว ชื่อจริงว่าเซี่ยเถียน ชื่อเล่นเถียนเถียน”อีกทั้งยังเน้นว่าเป็นคนละอักษรกัน
“เถียนเถียน ชื่อเล่นนี้เพราะมากตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกเลยค่ะ”
คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าชื่อของเด็กหญิงคนหนึ่งหวานหูมาก
เห็นทุกคนชื่นชมเถียนเถียน คุณนายเซี่ยก็หน้าเสีย ในขณะเดียวกันก็มองค้อนฉินมู่หลานจากด้านหลัง นังเด็กไม่รักดีไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ก็มาสาธยายยืดยาว ห้ามไม่ให้นางเร่งรัดเริ่นม่านนี ไม่อย่างนั้นจะไม่มาดูแลหลานชายและลูกคนรองอีก นางจึงทำได้เพียงอดทน เมื่อพบกันวันนี้ นางยังไม่ทันเอ่ยอะไร อีกฝ่ายก็หันหลังเดินออกไป ไม่ยอมฟังนางเอ่ยจบประโยคด้วยซ้ำ
ได้ยินแบบนี้คุณนายเซี่ยก็โพล่งบอก “มีฉางหมิงกับจี้อวิ๋นดูแลอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้คนแก่อย่างเราทำหรอก” สุดท้ายก็จ้องหน้าฉินมู่หลานขณะถาม “มู่หลาน คนไหนเหล่าซื่อล่ะ”
ซูหว่านอี๋อุ้มเหล่าซื่อในอ้อมแขน แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงชำเลืองมองคุณนายเซี่ย ไม่ถูกชะตากับหญิงเฒ่าตรงหน้านัก
ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ถูกชะตากับตระกูลเซี่ยต่างหาก
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดมากความ แค่ยิ้มบอก “เหล่าซานกับเหล่าซื่อมีย่ากับยายอุ้มแล้วค่ะ เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ ตัวเอกของวันนี้คือลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องกับพี่สะใภ้ ว่าแต่ตั้งชื่อหรือยังคะ” เธอเดินนำออกไป
คุณนายเซี่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปดังคาด…ด้วยความที่นางไม่ชอบเหลนสาว ทุกสิ่งจึงขวางหูขวางตาไปหมด
เซี่ยฉางชิงยังยิ้มบอก “ฉันเลือกไว้แล้ว ชื่อจริงว่าเซี่ยเถียน ชื่อเล่นเถียนเถียน”อีกทั้งยังเน้นว่าเป็นคนละอักษรกัน
“เถียนเถียน ชื่อเล่นนี้เพราะมากตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกเลยค่ะ”
คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าชื่อของเด็กหญิงคนหนึ่งหวานหูมาก
เห็นทุกคนชื่นชมเถียนเถียน คุณนายเซี่ยก็หน้าเสีย ในขณะเดียวกันก็มองค้อนฉินมู่หลานจากด้านหลัง นังเด็กไม่รักดีไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ก็มาสาธยายยืดยาว ห้ามไม่ให้นางเร่งรัดเริ่นม่านนี ไม่อย่างนั้นจะไม่มาดูแลหลานชายและลูกคนรองอีก นางจึงทำได้เพียงอดทน เมื่อพบกันวันนี้ นางยังไม่ทันเอ่ยอะไร อีกฝ่ายก็หันหลังเดินออกไป ไม่ยอมฟังนางเอ่ยจบประโยคด้วยซ้ำ
นายท่านเซี่ยอดปรามภรรยาเมื่อเห็นท่าทีของนางไม่ได้
“วันนี้แขกเยอะ อย่าทำหน้าแบบนั้น”
“ฉันเข้าใจแล้วน่า”
คุณนายเซี่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าทุกสิ่งผิดที่ผิดทางไปหมด
หลังทุกคนมาถึงโถงหน้า ก็พบว่าแขกเหรื่อมากมายมาถึงกันแล้ว
เริ่นม่านนีเห็นฉินมู่หลาน จึงรีบเดินเข้ามาหาและยิ้มบอก “มู่หลาน เธอมาถึงแล้ว ที่นั่งเธออยู่ทางนี้ รีบมาเร็วเข้า”
เซี่ยอวี๋เซิงเห็นครอบครัวใหญ่ของลูกพี่ลูกน้องเช่นกัน เขารีบส่งยิ้มทักทาย
เหยาจิ้งจือมองกลับและถามพลางยิ้มตอบ “แล้วลูกล่ะ ยังไม่ได้เห็นเด็กเลย”
ได้ยินแบบนี้เริ่นม่านนีก็หันไปเรียก “แม่คะ อุ้มเถียนเถียนมาทางนี้สักครู่หน่อยค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่าให้ความรักเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงมาทำงานกร่อยเชียวนะคุณนายเซี่ย
ไหหม่า(海馬)