ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 554 หมดคำจะพูด
ตอนที่ 554 หมดคำจะพูด
เนื่องจากแม่ของเริ่นม่านนีอุ้มเด็กอยู่ แม้แรกเริ่มหล่อนจะไม่ชอบตระกูลเหยาและฉินมู่หลาน แต่ความคับข้องใจก็จางหายเมื่อนึกถึงลูกสาวและหลานสาวคนโตในอ้อมแขน ตอนนี้เดินอุ้มหลานมาหาพร้อมรอยยิ้ม
เหยาจิ้งจือย่อมเห็นแม่ของเริ่นม่านนี ทว่าสายตายังจดจ้องอยู่ที่เด็กหญิง เห็นใบหน้าน่ารักของเด็กหญิงขาวผ่องราวหยก ก็เอ่ยอย่างอดเอ็นดูไม่ได้ “เด็กคนนี้น่ารักจริง ๆ”
ซูหว่านอี๋มองตามแล้วพยักหน้าบอก “ใช่แล้ว น่ารักจริง ๆ ด้วย”
ฉินมู่หลานเคยเห็นเด็กหญิงตอนแรกเกิด เมื่อได้เจอหน้าอีกครั้งก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไปมาก จริงดังที่ว่าเด็กมักเปลี่ยนไปทุกวัน
เริ่นม่านนีเห็นทุกคนชมลูกสาวก็ยิ้มแก้มปริ
ชั่วขณะนี้คุณนายเซี่ยเข้ามาพบทุกคนรุมล้อมเด็กหญิงเถียนเถียน จึงนึกอยากเอ่ยอะไรบางอย่างไม่ได้ ทว่ากลับถูกนายท่านเซี่ยห้ามไว้ “รักษาท่าทีหน่อย”
ไม่เป็นไรหากนางจะเอ่ยอะไรกับหลานสะใภ้ในที่ลับ แต่วันนี้มีแขกเหรื่ออยู่ไม่น้อย
คุณนายเซี่ยดูสถานการณ์แล้วก็ไม่พูดอีก
วันนี้แขกที่มาร่วมงานต่างเป็นญาติมิตรของตระกูลเซี่ย หลังเซี่ยฉางหมิงกับว่านจี้อวิ๋นต้อนรับแขกและเชิญเข้ามาด้านใน งานเลี้ยงฉลองอายุครบเดือนของเซี่ยเถียนก็เริ่มต้นขึ้น
อาหารในงานเลี้ยงเต็มโต๊ะ ฉินมู่หลานกินไปไม่น้อย
แขกคนอื่นกินเสร็จอิ่มหนำ มอบของขวัญอายุครบเดือนหลังพบหน้าเด็กหญิง
ในจังหวะที่ฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ จะกลับ พวกเขาได้ยินเสียงโหวกเหวกใกล้ ๆ หลังตามไปดูก็พบว่าเป็นแม่ของเริ่นม่านนีกับคุณนายเซี่ยกำลังมีปากเสียงกัน
คุณนายเซี่ยอยู่ในอารมณ์เดือดดาล จ้องแม่ของเริ่นม่านนีเขม็งขณะเอ่ย “ฉันบอกพูดผิดตรงไหน ผู้ชายเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล เป็นธรรมดาที่ฉันจะให้ม่านนีมีลูกคนที่สองไม่ใช่เหรอ”
“จะคลอดลูกชายหรือลูกสาวมันขึ้นอยู่กับลูกสาวฉันหรือไง ม่านนีรับประกันไม่ได้ว่าลูกคนที่สองจะเป็นผู้ชายเสียหน่อย”
“เหอะ… ฉันไม่รบกวนเธอเรื่องนี้หรอก หลานสาวฉันมียาให้ม่านนีกิน หล่อนก็แค่ต้องกินมันเข้าไป”
เดิมทีฉินมู่หลานคร้านจะสนใจ ทว่าเมื่อได้ยินคำของคุณนายเซี่ย เธอก็รีบท้วง “คุณย่า ถ้ามียาแบบนั้นจริงและทุกคนอยากได้กัน ก็คงมีแต่ลูกชายกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอคะ ไม่มียาที่จะรับประกันว่าจะมีลูกชายได้หรอกค่ะ อย่ามาปัดหน้าที่ความรับผิดชอบแบบนั้นให้ฉันเลย”
ได้ยินแบบนี้เซี่ยฉางชิงก็รีบมาอยู่ข้างลูกสาวแล้วบอก “ใช่แล้วครับ แม่ พูดเหลวไหลแบบนี้ไม่ได้นะครับ พวกเขาอาจเข้าใจมู่หลานผิดได้ หากคนอื่นเชื่อแล้วมาขอให้มู่หลานช่วยจะทำยังไง พูดไร้สาระไม่ได้หรอกนะครับ”
คุณนายเซี่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อทั้งสองโต้เถียงตนเอง
“แก… พวกแก…”
แม่เริ่นม่านนีโล่งใจเมื่อเป็นเซี่ยฉางชิงกับฉินมู่หลานเข้าข้างตน รู้ว่าลูกสาวทุกข์ทรมานระหว่างช่วงอยู่เดือนแค่ไหน หล่อนจึงรำคาญคุณนายเซี่ยเต็มที
“ใช่แล้วแม่เฒ่า ทักษะการแพทย์ของหมอฉินเป็นที่ประจักษ์ สิ่งที่หล่อนพูดไม่ผิดแน่ ต่อไปอย่ามาพูดเหลวไหลแบบนี้อีก ไม่ต้องมากดดันให้ม่านนีมีลูกอีก ถึงยังไงการมีลูกก็ไม่ใช่สิ่งที่ม่านนีทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความพยายามของอวี๋เซิ่งเหมือนกัน”
คำพูดนี้ตีความได้ว่าเซี่ยอวี๋เซิ่งไร้น้ำยา ไม่อย่างนั้นเริ่นม่านนีคงตั้งไม่ท้องหลังผ่านมานานหลายปี
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าหากไม่ได้ฉินมู่หลานจ่ายยาบำรุงให้กินเป็นประจำ เซี่ยอวี๋เซิงอาจไม่มีลูกก็เป็นได้
ได้ยินแบบนี้ฉินมู่หลานก็เหลือบมองแม่เริ่นม่านนีอีกครั้ง หล่อนเป็นคนใจกว้างและไม่กลัวจะบาดหมางกับตระกูลเซี่ย ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอยากเห็นผู้อื่นบอกว่าหลานชาย/ลูกชาย ตนเองไม่ได้ความ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เซี่ยอวี๋เซิงทำได้เพียงรับความผิดไว้เนื่องจากเป็นเขาที่ไม่ดีจริง ๆ
“แก…”
คุณนายเซี่ยหมดคำจะเอ่ย ในใจโมโหสุดขีด ว่านจี้อวิ๋นเองก็ไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าก็ยังมีเหตุผล รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้มีคุณนายเซี่ยเป็นตัวการ
“พอเถอะค่ะแม่ วันนี้เป็นวันครบอายุหนึ่งเดือนของเถียนเถียน อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย หากจะมีลูกคนที่สอง เราก็ยังต้องพึ่งมู่หลาน ให้มู่หลานช่วยดูแลร่างกายอวี๋เซิงกับม่านนี จะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วค่ะ”
แม้หล่อนเองก็ต้องการหลานชาย แต่หากมีไม่ได้จริง ๆ ก็ช่วยไม่ได้
เซี่ยฉางหมิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ใช่แล้วครับแม่ ต่อไปอย่าเครียดเลยนะ”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยฉางหมิงกับว่านจี้อวิ๋นมีสติก็เอ่ยต่ออีกประโยค
“ร่างกายของลูกพี่ลูกน้องดีขึ้นมากแล้วค่ะ ต่อให้เขาอยากมีลูกคนที่สองก็ไม่จำเป็นต้องบำรุงต่อ แต่ฉันก็จ่ายยาให้เขาและเขียนตำรับให้ได้นะคะ แค่เขาหมั่นดื่มยาและกินของที่ฉันบอก ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะมีลูกชายได้เล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ก็ไม่แน่นอนนะคะ ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย จะกินหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกพี่ลูกน้องแล้วค่ะ”
“กินสิ ต้องกินอยู่แล้ว”
ไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไร คุณนายเซี่ยก็โพล่งขึ้นก่อน บอกว่าว่าแล้วว่าหลานสาวต้องมีหนทางแก้ไข
ฉินมู่หลานมองท่าทางตื่นเต้นดีใจของอีกฝ่ายแล้วสาดน้ำเย็นใส่ในทันใด
“คุณย่าคะ ฉันเพิ่งบอกไปว่า ‘ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย’ นะคะ”
ก่อนคุณนายเซี่ยจะท้วง ว่านจี้อวิ๋นก็รีบบอก “ไม่ต้องห่วง มู่หลาน แค่มีความหวังเล็ก ๆ ก็ยังดี อีกอย่างเธอเองก็หวังดีกับเรา เราต่างรู้ดี”
หล่อนกลัวว่าคุณนายเซี่ยจะโทษมู่หลาน จึงชิงกล่าวขัดบทสนทนา
แม้แต่เซี่ยฉางหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ยังบอก “ใช่แล้วมู่หลาน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราต่างรู้ว่าสิ่งที่ลูกทำเพื่อลูกพี่ลูกน้องกับพี่สะใภ้ก็เพราะหวังดี”
“เอาละค่ะ ลูกพี่ลูกน้องกับพี่สะใภ้พร้อมมีลูกเมื่อไหร่ ฉันจะจ่ายยาให้แล้วกันค่ะ”
“ดี ๆๆ”
เริ่นม่านนีกับแม่เริ่นม่านนีมองหน้าฉินมู่หลานด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีหนทางออก ทว่าหากเป็นจริงได้ขึ้นมาพวกหล่อนก็ต้องลองสักตั้ง ถึงอย่างไรการมีลูกชายเพิ่มอีกคน มันก็เป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พวกหล่อนย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
เหตุการณ์น่าขันนี้ยุติลงได้ด้วยคำพูดของฉินมู่หลาน พวกเขาไม่รั้งอยู่ต่อ รีบพาเด็ก ๆ กลับทันที
เซี่ยฉางชิงออกไปส่งหน้าประตู หลังใคร่ครวญครู่หนึ่งก็อดถามอีกไม่ได้
“มู่หลาน ที่บอกก่อนหน้านี้จริงเหรอ ถ้าคนอื่นถือเป็นจริงเป็นจังอาจทำให้ลูกเดือดร้อนเอาได้นะ”
“พ่อคะ ฉันบอกไปแล้วว่าได้ผลเล็กน้อยแต่ก็ยังช่วยได้บ้าง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกพี่ลูกน้องจะมีลูกชายหรือเปล่า”
เธอเพิ่งประกาศไปชัดเจนให้ผู้อื่นเตรียมใจ ถึงอย่างไรการพยายามเต็มที่ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังไม่ได้พูดโกหก มันช่วยปรับสมดุลกรดด่างในร่างกายของชายหญิงก่อนตั้งครรภ์จริง ๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้สำคัญตรงยาบำรุงที่จ่ายให้ที่ช่วยเพิ่มโอกาส หากพยายามถึงเพียงนี้แล้วยังไม่ได้ผลก็มีแต่ต้องยอมแพ้
เห็นลูกสาวบอกแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็พยักหน้าตอบ “ก็จริง ลูกเพิ่งพูดออกไปชัดเจนแล้ว”
ฉินมู่หลานพูดคุยกับพ่ออีกไม่กี่คำก็พาลูก ๆ กลับ
หลังกลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือมองฉินมู่หลานพลางถามด้วยความสงสัย “มู่หลาน มีวิธีการแบบนั้นจริงเหรอ”
“มันไม่ใช่วิธีแก้ที่ดีหรอกค่ะ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร”
หลังอธิบายสั้น ๆ เธอก็กล่าวถึงแผนที่จะไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ “แม่คะ หนูตั้งใจจะพาถวนถวนกับหยวนหยวนไปหาอาหลี่ค่ะ”
ได้ยินแบบนี้ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือย่อมเห็นด้วย
“ได้สิ แล้วตั้งใจจะไปเมื่อไหร่” ตอนนี้มู่หลานอยู่ในช่วงพักร้อน มีเวลาหลายวัน
“ว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้ค่ะ”
ทว่าครั้นคุณนายเหยากับนายท่านเหยารู้ข่าวก็ไม่เห็นด้วยและท้วง “มู่หลาน ไปหาอาหลี่คนเดียวยังไม่เป็นไร แต่เอาลูกไปด้วยคงไม่สะดวกเท่าไหร่มั้ง”
“แต่ว่า… ฉันยังต้องให้นมถวนถวนกับหยวนหยวนนะคะ”
นายท่านเหยาปัดมือพลางบอก “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้อาหลี่อยู่ไกลบ้าน ช่วงกลางวันเขาคงงานยุ่ง เธอไปหาตอนกลางคืนก็ยังป้อนนมลูกตอนกลางวันได้ ตกดึกเราจะชงนมให้พวกเขาดื่มเอง ส่วนเรื่องที่เธอเทียวไปเทียวมา ฉันจะให้ผู้จัดการเหยาหาสารถีให้”
ได้ยินเขาเสนอแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ทักท้วง
บ่ายวันรุ่งขึ้น เธอออกเดินทางไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่
เดิมทีเขาไม่รู้ว่าเธอจะไปหา เมื่อเห็นเธอก็ถามด้วยความประหลาดใจ “มู่หลาน มาที่นี่ได้ยังไง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหนื่อยใจกับความดื้อรั้นไม่รู้ฟังของคนแก่อยู่เหมือนกันนะเนี่ย งานกร่อยก็เพราะความเรื่องมากของแม่เฒ่านี่แหละ
ไหหม่า(海馬)