ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 556 อยากอยู่กับครอบครัว(2)
ตอนที่ 556 อยากอยู่กับครอบครัว(2)
แม้ถวนถวนกับหยวนหยวนจะไม่ได้พบเซี่ยเจ๋อหลี่มาระยะหนึ่ง แต่พ่อลูกยังสัมผัสถึงกันได้ ครั้นถูกอุ้มก็หัวเราะร่าคล้ายขานรับคำถามของเซี่ยเจ๋อหลี่
ฉินมู่หลานอดหัวเราะไม่ได้กับเหตุการณ์ตรงหน้า
“เจ้าสองแฝด เมื่อกี้พี่สะใภ้อยากอุ้มดันไม่ยอม ตอนนี้เห็นหน้าคุณแล้วหัวเราะใหญ่ ว่าแล้วว่าต่อให้ไม่ได้เจอกันมานาน ลูกก็ยังจำพ่อได้”
“เพราะสายสัมพันธ์พ่อลูกผูกจิตน่ะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มและหอมแก้มลูกซ้ำ
ครั้นคิดว่าภรรยาจะพาลูกกลับวันนี้ เขาก็เอ่ยอย่างฝืนใจ “ทำไมทั้งสามคนไม่อยู่ค้างคืนล่ะ”
เธอส่ายหน้าบอก “ไม่ได้หรอกค่ะ เราตกลงกับที่บ้านไว้แล้วว่าจะกลับไปคืนนี้”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ฟังแล้วเขาก็ได้แต่เล่นกับลูกชายพักหนึ่ง ก่อนออกไปส่งฉินมู่หลานกลับ
หลังเยี่ยมเซี่ยเจ๋อหลี่ครั้งนี้ ฉินมู่หลานเองก็จะเริ่มงานยุ่งเช่นกัน คู่ค้าหลายเจ้าจากฮ่องกงมาเจรจากับเธอกับหลิวเสวียข่าย สุดท้ายทั้งสองก็ตัดสินใจเลือกเยว่หรงกรุ๊ปเป็นเอกฉันท์
ตู้เยว่เอ๋อร์ทราบข่าวก็รีบมาพบฉินมู่หลานกับหลิวเสวียข่ายโดยเร็ว
“ผู้อำนวยการหลิว คุณฉินมู่หลาน ยินดีที่ได้ร่วมมือกันนะคะ”
“ยินดีเช่นกันค่ะ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มพลางจับมือกับตู้เยว่เอ๋อร์ แสดงท่าทางตอบรับ
“สหายฉิน วางใจได้เลยว่าเราจะทำตามที่รับปากเอาไว้แน่นอน” ตู้เยว่เอ๋อร์เอ่ย ไม่ทักท้วงและยอมรับทุกเงื่อนไข
“งั้นก็เยี่ยมเลยค่ะ จะตั้งตารอความร่วมมือของเรานะคะ”
“ฉันเองก็ตั้งตารอเช่นกันค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์ยิ้มมองฉินมู่หลาน ก่อนนั่งลงพูดคุยรายละเอียดหลายอย่าง
หลังตกลงกันเสร็จสรรพก็เชิญฉินมู่หลานกับหลิวเสวียข่ายไปกินข้าว
คราวนี้ฉินมู่หลานไม่ได้ปฏิเสธ ตอบรับคำชวน ขณะเยว่เจินจูเองก็ไปด้วยกัน
ตู้เยว่เอ๋อร์พบเยว่เจินจูจึงยื่นจดหมายให้พลางบอก “เหวินเหวินไม่ว่างมาคราวนี้ แต่หล่อนเป็นห่วงคุณ เลยวานให้ฉันเอาจดหมายนี้มาให้”
อีกฝ่ายยิ้มและรับมาแล้วบอก “ขอบคุณค่ะ ผู้จัดการตู้”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
จากนั้นตู้เยว่เอ๋อร์ก็ชวนฉินมู่หลานกับหลิวเสวียข่ายคุย ด้วยความคารมดีและไม่ทำตัวเหินห่างระหว่างมื้ออาหาร จึงชวนให้แขกเพลิดเพลินกับการกินข้าว
หลังจบมื้อ ฉินมู่หลานตรงดิ่งกลับบ้านหลังแยกย้ายกัน
ทว่านึกไม่ถึงว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะมาหาในวันถัดมา
“ผู้จัดการตู้ มาได้ยังไงกันคะ”
อีกฝ่ายเห็นท่าทีของเธอแล้วรีบอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “ฉันอยากคุยเรื่องคำสั่งซื้อน่ะค่ะ เมื่อวานเราทำข้อตกลงความร่วมมือกันแล้ว แต่ว่าเรื่องคำสั่งซื้อรอบแรก ฉันยังอยากจะลงรายละเอียดสักหน่อยค่ะ”
ได้ยินแบบนี้ฉินมู่หลานก็พยักหน้าตอบ “ได้ค่ะ มาคุยให้ละเอียดกัน”
จากนั้นพวกเธอก็ได้เสวนากันมากขึ้น ฉินมู่หลานพบว่าตู้เยว่เอ๋อร์ทรงอิทธิพลมาก เสียงของเจ้าตัวในเยว่หรงกรุ๊ปมีไม่ใช่ย่อยเลย สามารถสั่งการได้หลายอย่าง
หลังทั้งสองบรรลุข้อตกลงกัน ฉินมู่หลานคิดว่าจะตู้เยว่เอ๋อร์จะกลับทันที แต่อีกฝ่ายกลับไม่ลุกกลับไป แต่มองหน้าเธออย่างละล้าละลังแทน
เห็นท่าทีแบบนี้เธอก็ขมวดคิ้ว ในใจงุนงงเล็กน้อย ตู้เยว่เอ๋อร์ต้องการพูดอะไรกันแน่
ไม่นานเธอก็พอนึกออก ทว่าไม่มั่นใจนัก
“ผู้จัดการตู้ คุณอยากมีลูกชายเหรอคะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วบอก “ค่ะ ฉันอยากมีลูกชายอีกคน หมั่นบำรุงร่างกายมาสักพักแล้ว”
ได้ฟังคำตอบ ฉินมู่หลานก็ชำเลืองมองตู้เยว่เอ๋อร์
อันที่จริงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ตู้เยว่เอ๋อร์อายุค่อนข้างมากแล้ว ทำให้ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าหล่อนจะยังอยากมีลูก จึงเอ่ยขึ้น “ในเมื่อผู้จัดการตู้บำรุงร่างกายแล้ว เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย ก็จะตั้งท้องได้แน่ค่ะ”
“ฉัน…”
ตู้เยว่เอ๋อร์เสมองขณะกล่าว “ได้ยินมาว่าหมอฉินมีตำรับลับการตั้งท้อง ฉันอยากให้คุณช่วยจ่ายยาให้ฉันหน่อยค่ะ” เธอเคยเรียกฉินมู่หลานว่าสหายฉิน แต่เมื่อครู่กลับเรียกว่าหมอฉิน
“อะไรนะคะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแล้วถึงกับตะลึงงัน
“แม้แต่ตอนฉันท้องก็ยังไม่รู้ตำรับลับอะไรเลยค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์คิดว่าฉินมู่หลานไม่อยากบอก ถึงอย่างไรตำรับลับก็ต้องเก็บเป็นความลับ “หมอฉินไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอาไปบอกใคร”
ฉินมู่หลานสับสน ถามกลับโดยพลัน “ผู้จัดการตู้ ถามได้ไหมคะว่าใครเป็นคนบอกว่าฉันมีตำรับลับในการตั้งท้อง”
อีกฝ่ายเห็นเธอถามด้วยท่าทีจริงจัง ได้แต่ตอบพร้อมยิ้มเจื่อน “หลังฉันมาถึงปักกิ่งก็ได้ยินจากแม่เฒ่าหลายคนจากตระกูลต่าง ๆ บอกมาค่ะ”
ฉินมู่หลานงุนงงเมื่อทราบข่าวลือพวกนี้ เธอสงสัยว่ามันมีที่มาจากไหน
ตู้เยว่เอ๋อร์เล่าคร่าว ๆ “หมอฉิน ฉันได้ยินย่าคุณพูดกับปาก ดังนั้นช่วยจ่ายยาให้ฉันด้วยนะคะ ไม่ต้องห่วง ฉันรู้กฎดี ตำรับยานี้เป็นความลับ ฉันจะแสดงความจริงใจให้เห็นแน่นอนค่ะ” เจ้าตัวหยิบกระเป๋าผ้าขึ้นมาเปิดออก เผยให้เห็นทองคำแท่งด้านในหลายแท่ง
“ผู้จัดการตู้ คุณ…”
ฉินมู่หลานนิ่งค้าง อย่างแรกคือเรื่องที่เธอมีตำรับยาลับในมือ อย่างที่สองคือความร่ำรวยของตู้เยว่เอ๋อร์ ทองคำแท่งพวกนี้หนักอึ้งและมีมูลค่ามหาศาล
“ผู้จัดการตู้ ย่าฉันพูดเกินจริงค่ะ ฉันไม่ได้มีตำรับยาลับเพื่อตั้งครรภ์ แค่คำแนะนำธรรมดาเพื่อเพิ่มโอกาสในการอุ้มท้อง คุณเอาของพวกนี้กลับไปเถอะค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์ผิดหวังแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินท้ายประโยคของฉินมู่หลานแล้วก็ดวงตาทอประกาย และโพล่งขึ้น “หมอฉิน งั้นคุณแนะนำฉันหน่อยได้ไหมคะ”
เห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจของอีกฝ่ายแล้ว ฉินมู่หลานก็พลันนึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเซี่ยในวันนั้น ไม่คาดคิดว่าคุณนายเซี่ยจะพูดมากจนนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศข้างนอก
“ผู้จัดการตู้ จะมีลูกชายหรือลูกสาวก็ไม่ใช่สิ่งที่ควมคุมได้หรอกนะคะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานไม่ยอมบอก ตู้เยว่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนท่าทีจากหญิงแกร่ง แทนที่ด้วยความเจ้าอารมณ์ ตัดพ้อ และดันทุรัง
“หมอฉิน คุณเองก็รู้อายุฉัน ถ้าไม่ใช่ไม่มีทางเลือกคงไม่อยากมีลูก ฉันทำงานหนักในเยว่หรงกรุ๊ป แต่ถ้าฉันไม่มีลูกชาย ความพยายามทั้งหมดของฉันก็จะตกเป็นผลประโยชน์ของคนอื่น”
“ผู้จัดการตู้ คุณหมายความว่ายังไงคะ”
เธอรู้เพียงตำแหน่งของตู้เยว่เอ๋อร์ในเยว่หรงกรุ๊ปไม่ธรรมดา เจ้าตัวทุ่มเทเพื่อบริษัทและได้รับเงินเดือน แล้วมันจะตกเป็นผลประโยชน์ของคนอื่นได้อย่างไร
“หมอฉิน อันที่จริง… ฉันเป็นภรรยาน้อยของเยวี่ยเซิงค่ะ”
ได้ยินคำเรียกชายที่อยู่ในฮ่องกงที่ไม่คุ้นหู ฉินมู่หลานก็รู้ว่า ‘เยวี่ยเซิง’ ที่ตู้เยว่เอ๋อร์กล่าวถึงน่าจะเป็นเยวี่ยหรงกวงประธานของเยว่หรงกรุ๊ป
ที่แท้ตู้เยว่เอ๋อร์ก็เป็นภรรยาน้อยของเยวี่ยหรงกวง เธอนึกไม่ถึงมาก่อนเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตอนแรกเหมือนจะดี ไปๆ มาๆ อ้าววว
ลำบากมู่หลานอีกแล้วล่ะสิ
ไหหม่า(海馬)