ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 560 เข้าใจทุกอย่างแล้ว(1)
ตอนที่ 560 เข้าใจทุกอย่างแล้ว(1)
หลังจากส่งแม่เฒ่ากับหลานสาวออกไปอีกครั้ง ใบหน้าของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“มู่หลาน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว ถ้ามีคนมาหาถึงหน้าประตูบ้านทุกวันเยอะขนาดนี้ ลูกจะไม่ยุ่งจนหัวหมุนเลยเหรอ?”
ฉินมู่หลานค่อนข้างเหนื่อยล้า เพราะในช่วงนี้มีคนมาหามากเกินไป “นั่นสิคะ ต้องคิดหาวิธีแก้แล้วค่ะ”
ซูหว่านอี๋อดไม่ได้ที่จะแนะนำว่า: “มู่หลาน ถ้าลูกไปอยู่กับอาหลี่สักพัก คนพวกนั้นคงเข้าไปขอคำปรึกษาลูกถึงในกองทัพไม่ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกเห็นด้วย
“ถ้างั้นพรุ่งนี้หนูจะไปที่นั่นค่ะ”
“ได้จ้ะ แม่จะช่วยลูกเก็บข้าวของเอง”
หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวรู้ว่ามู่หลานกำลังจะไปบ้านของเซี่ยเจ๋อหลี่ ทุกคนก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี
“แม่คะ หนูว่าจะพาชิงชิงกับเฉินเฉินไปที่นั่นด้วย พวกเขาไม่ได้เจอพ่อมานานแล้วค่ะ”
สองพี่น้องเคยไปที่นั่นตอนเป็นเด็กน้อย ครั้งนี้เริ่มโตแล้ว ก็จะพาสองพี่น้องไปด้วย
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ไม่มีใครขัด เพราะชิงชิงกับเฉินเฉินเริ่มดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว มู่หลานไม่จำเป็นต้องอุ้มพวกเขาตลอดเวลา ดังนั้นหากเด็กทั้งสองจะไปที่นั่นด้วย ก็ไม่ได้เป็นภาระเกินไป
“อย่างนั้นก็ดีจ้ะ พรุ่งนี้พวกลูกก็ออกเดินทางไปด้วยกันได้เลย”
วันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานพาชิงชิงกับเฉินเฉินไปที่บ้านพักของเซี่ยเจ๋อหลี่แต่เช้า
เซี่ยเจ๋อหลี่ไปฝึกซ้อมแล้ว ดังนั้นเมื่อฉินมู่หลานกับลูกทั้งสองมาถึง ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน
“มู่หลาน เธอพาลูก ๆ มาเยี่ยมหัวหน้ากองเซี่ยเหรอ”
เป้ยไห่หงได้ยินเสียงคนคุยกันจึงออกมาดู แล้วเห็นว่าเป็นฉินมู่หลานที่กำลังทำความสะอาดบ้าน พร้อมกับลูกสองคน
“พี่สะใภ้ ฉันพาลูกสองคนมาอยู่ที่นี่สองวันค่ะ เพราะชิงชิงกับเฉินเฉินไม่ได้เจอพ่อมานานแล้ว”
เมื่อเห็นชิงชิงกับเฉินเฉิน ใบหน้าของเป้ยไห่หงก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ใช่แล้ว พวกเธอน่าจะมาบ่อยกว่านี้ ไม่อย่างนั้นหัวหน้ากองเซี่ยจะต้องเหงาอยู่คนเดียว”
พูดจบหล่อนก็รีบกวักมือเรียกชิงชิงกับเฉินเฉิน แล้วพูดว่า “ว่าไงจ๊ะหนู ๆ อยากมาเล่นที่บ้านป้าไหมจ๊ะ บ้านป้ามีพี่ชายตัวน้อยที่ปิดเทอมอยู่ด้วยนะ พวกหนูมาเล่นด้วยกันได้จ้ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชิงชิงกับเฉินเฉินต่างก็มองฉินมู่หลานเหมือนขออนุญาต
ฉินมู่หลานยิ้ม ก่อนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิจ๊ะ พวกลูกไปเล่นที่บ้านป้าเถอะ แม่จะทำความสะอาดบ้านต่ออีกสักพัก แล้วค่อยไปหาลูก”
“ครับ/ค่ะ~~”
เด็กทั้งสองเดินตามเป้ยไห่หงไปที่บ้านข้าง ๆ ขณะที่ฉินมู่หลานทำความสะอาดบ้านต่อ เมื่อไปดูที่ห้องครัวก็พบว่าไม่มีวัตถุดิบทำอาหารเลย เธอจึงวางแผนว่าจะออกไปซื้อกับข้าวก่อน
“พี่สะใภ้ ฉันจะไปซื้อของชำ ฝากชิงชิงกับเฉินเฉินให้เล่นอยู่ที่นี่หน่อยนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เป้ยไห่หงก็โบกมือ แล้วพูดว่า “ได้เลย เธอไปเถอะ ดูแลเด็กสองคนนี้เดี๋ยวพี่จะดูแลให้เอง เธอดูสิว่าพวกเขามีความสุขแค่ไหนที่ได้เล่นกับเสี่ยวหมิงของพี่”
ฉินมู่หลานมองเข้าไปข้างใน แล้วพบว่าเด็กทั้งสองกำลังเล่นกับเสี่ยวหมิงอย่างสนุกสนาน เธอจึงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนหน่อยนะคะ”
ฉินมู่หลานรีบไปอย่างรวดเร็ว เธอกลับมาทันทีหลังจากซื้อกับข้าวเสร็จแล้ว จากนั้นก็กำลังจะไปรับลูกสองคนกลับบ้าน
“หมอฉิน…”
ทันใดนั้น ฉินมู่หลานที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาเดิน ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกไว้ เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นคังอันเหอ
คังอันเหอเดินมาหาฉินมู่หลานแล้ว เมื่อเห็นฉินมู่หลานกำลังถือวัตถุดิบทำกับข้าว ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “หมอฉิน คุณมาอยู่ที่นี่แล้วเหรอคะ?”
“มาพักแปบเดียวค่ะ วันนี้หมอคังหยุดเหรอคะ?”
คังอันเหอพยักหน้า แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ วันนี้วันหยุดของฉันเอง”
เมื่อพูดจบ คังอันเหอก็มีท่าทางลังเล อ้าปากเหมือนจะถามบางอย่าง แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
เมื่อฉินมู่หลานเห็นดังนั้น เธอก็ไม่คิดจะพูดมากเกินไป และหันหลังเดินไปข้างหน้าต่อ
แต่ในที่สุดคังอันเหอก็ตัดสินใจได้ว่าควรจะถาม เมื่อเธอเห็นฉินมู่หลานกำลังจะเดินจากไป ก็รีบเรียกไว้ “หมอฉิน เดี๋ยวก่อนค่ะ…”
เมื่อเห็นคังอันเหอเดินตามมา ฉินมู่หลานก็ทำได้เพียงหยุดเดินอีกครั้ง แล้วถามว่า: “หมอคัง มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“หมอฉิน คุณ… คุณมีสูตรลับที่ทำให้มีลูกชายไหมคะ?”
“อะไรนะ…”
ฉินมู่หลานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธออุตส่าห์หนีมาอยู่กับเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว แต่ก็ยังมีคนมาถามเธอเรื่องนี้อีก แถมคนถามก็คือคังอันเหอ
康安和眼睛一闭,一鼓作气赶紧往下说:”我听说你那儿有生子秘方,所以也想向你求一求,请给我开张方子吧。”她和屠成祥结婚也有好几年了,还没有孩子,这一次她回娘家时听说了秦木蓝的事,今天见到了,到底是硬着头皮问出了口。
คังอันเหอหลับตา แล้วรีบพูดว่า: “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีสูตรลับที่ช่วยให้มีลูกได้ ฉันก็เลยอยากขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ ช่วยเขียนใบสั่งยาให้ฉันหน่อยเถอะนะคะ”
หล่อนกับถูเฉิงเสียงแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูก คราวนี้หล่อนได้ยินเรื่องของฉินมู่หลานตอนที่กลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอ หลังจากได้พบฉินมู่หลานในวันนี้ ในที่สุดหล่อนก็กล้าถามออกไป
“หมอคัง คุณเองก็เป็นหมอเหมือนกัน คุณน่าจะรู้ว่าคนอื่นไม่สามารถควบคุมการมีลูกชายหรือลูกสาวได้นี่คะ”
“ฉันรู้ค่ะ”
คังอันเหอรีบตอบ แล้วอธิบายทันทีว่า “ฉันพูดผิดไปค่ะ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่สูตรลับที่ทำให้มีลูกชาย แต่เป็นสูตรลับที่ทำให้มีลูกต่างหาก ฉัน… ฉันแต่งงานกับเฉิงเสียงมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกสักทีค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็เหลือบมองคังอันเหอ แล้วถามว่า “คุณได้ยินมาจากไหนคะ ว่าฉันมีสูตรลับที่ช่วยให้มีลูกได้?”
คังอันเหอได้ยินคำถามนั้นก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะตอบตามความจริงว่า: “ทุกคนรู้เรื่องนี้กันทั้งนั้นค่ะ ตอนที่ฉันกลับไปบ้านพ่อแม่คราวนี้ ทุกคนในครอบครัวของฉันก็พูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าทุกคนในแวดวงของเราก็จะรู้เรื่องนี้ด้วยค่ะ”
ตอนนี้ฉินมู่หลานรู้สึกปวดหัวจริง ๆ
เป็นเพราะคุณนายเซี่ยกระจายข่าวลืออย่างไม่มีความรับผิดชอบ ทำให้หลายคนในเมืองหลวงแพร่ข่าวนี้ไปทั่ว ตอนนี้ทุกคนจึงคิดว่าเธอมีสูตรลับที่ทำให้มีลูกได้
“ถ้าพวกคุณอยากมีลูก ก็ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้นี่คะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คังอันเหอก็หน้าแดง แล้วพูดว่า “เรา… เราเคยไปตรวจมาแล้วค่ะ พวกหมอต่างก็บอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ฉันแค่ยังไม่ท้องเท่านั้น”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พวกผู้หญิงหลายคนก็เดินผ่านมา แล้วกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม: “โอ้โห ทำไมวันนี้คุณหมอสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่นะ”
คังอันเหอไม่อยากให้คนอื่นรู้ ว่าหล่อนกำลังถามเรื่องการมีลูก จึงรีบตอบไปว่า “เราคุยกันเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าคังอันเหอค่อนข้างเขินอาย จึงมองหล่อนแล้วพูดว่า “เราไปคุยกันต่อในบ้านของคุณเถอะค่ะ”
“ได้ค่ะ”
คังอันเหอไม่รีรอ รีบพาฉินมู่หลานกลับบ้านทันที
เมื่อผู้หญิงเหล่านั้น เห็นว่าฉินมู่หลานกับคังอันเหอปรองดองกันเพียงใด ก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบ: “ไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะเข้ากันได้ดีขนาดนี้”
“นั่นน่ะสิ ตอนแรกเห็นว่าสองคนนี้ทะเลาะกันนี่”
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า: “เป็นเรื่องดีที่ทั้งสองดีกันได้”
“นั่นสินะ”
หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
หลังจากที่คังอันเหอพาฉินมู่หลานไปที่บ้านแล้ว ก็เตรียมจะรินชาให้เธอ “ที่บ้านฉันมีแต่ชาดำเท่านั้น ดื่มได้ไหมคะ?”
ฉินมู่หลานบอกให้คังอันเหอนั่งลงก่อน แล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไร คุณไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ฉันไม่ดื่มชาแล้วค่ะ พอดีว่าฉันต้องรีบกลับไปดูแลลูก ขอตรวจชีพจรก่อนนะคะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นาน คังอันเหอก็รีบนั่งลง แล้วยื่นมือออกไปให้อย่างเชื่อฟัง
ฉินมู่หลานขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากตรวจสอบชีพจรของหล่อนอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นฉินมู่หลานมีสีหน้าเช่นนี้ คังอันเหอก็รู้สึกกังวล จนหัวใจเต้นเร็วขึ้น
ฉินมู่หลานย่อมรู้สึกได้ว่าชีพจรของหล่อนเต้นเร็วขึ้น หลังจากเอามือออกแล้ว เธอก็พูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไปร้องเรียกความรับผิดชอบกับยัยคุณนายเซี่ยเลยค่ะ ทำชื่อเสียงเสียหายหนักขนาดนี้ เข้าใจผิดกันทั้งเมืองแล้ว
ไหหม่า(海馬)