ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 564 เสริมกระบวนทัพ(1)
ตอนที่ 564 เสริมกระบวนทัพ(1)
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน หล่อนก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ตระกูลฉันมีคุณลุงคุณอาที่มีความสามารถตั้งเยอะแยะ ถ้าฉันดึงตัวมาสักสองสามคน คุณปู่คงไม่ว่าอะไรแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือถ้าเขารู้ว่าฉันทำงานกับเธอ ก็คงจะดีใจมาก”
ถ้าดึงตัวคนที่มีพรสวรรค์มาร่วมงานด้วยได้จริง ๆ ฉินมู่หลานจะต้องมีความสุขมากแน่นอน เธอจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าอย่างนั้นก็ดี แล้วแต่เธอเลย”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง”
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเซี่ยปิงหรุ่ย ฉินมู่หลานก็เริ่มตั้งตารอ หวังว่าจะได้คนมีความสามารถจากตระกูลเซี่ยมาร่วมงาน “ปิงหรุ่ย เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะต้องออกไปวิ่งเต้นกันข้างนอกบ่อยขึ้น เพราะต้องตัดสินใจเลือกที่ตั้งของร้านซิ่งหลิน แน่นอนว่ายังต้องเลือกที่ตั้งโรงงานผลิตยาด้วย ในช่วงแรกเราสามารถเลือกที่ไม่ต้องใหญ่มากก่อนก็ได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้นก็แย้งทันที: “มู่หลาน เราหาสถานที่ที่ใหญ่ไปเลยดีกว่า ถ้าร้านซิ่งหลินของเราโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต เราก็จะต้องขยายร้านแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเซี่ยปิงหรุ่ย ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แล้วพูดว่า “เธอแน่ใจเหรอ ว่าร้านซิ่งหลินของเราจะโด่งดัง”
“แน่นอนอยู่แล้ว ร้านซิ่งหลินของเรามีเธอเป็นสัญลักษณ์ที่มีชีวิตเชียวนะ”
เมื่อพูดจบ เซี่ยปิงหรุ่ยอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ฉินมู่หลาน แล้วถามว่า “มู่หลาน ได้ยินมาว่าช่วงนี้เธองานยุ่งมาก พวกป้าแก่แทบทุกคนในเมืองหลวง พาลูกสาวหลานสาวแห่ไปหาเธอกันหมด”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น ก็ถามด้วยความเหนื่อยใจ: “เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“นั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไกลไปทั่วแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าเธอช่วยรักษาผู้หญิงเก่ง โดยเฉพาะช่วยให้คนเตรียมตัวตั้งครรภ์” เซี่ยปิงหรุ่ยเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ และหล่อนก็ไม่แปลกใจนักเมื่อได้ยินข่าว เพราะรู้เรื่องทักษะทางการแพทย์ของมู่หลานดีอยู่แล้ว
แต่ก็มีคำถามที่อยากจะถามเช่นกัน
“มู่หลาน ถ้าร้านซิ่งหลินของเราเปิดแล้ว จำเป็นต้องหาหมอมาประจำไหม?”
ฉินมู่หลานพยักหน้า แล้วตอบว่า “จำเป็นสิ”
“ถ้าอย่างนั้นนอกเหนือจากยาที่เราคิดค้นขึ้นมาแล้ว ก็ยังต้องเตรียมวัตถุดิบยาจีนต่าง ๆ ด้วยหรือเปล่า?”
“ใช่ ต้องเตรียมไว้ด้วย ถ้ามีคนไข้มาที่ร้าน หลังจากที่หมอเขียนใบสั่งยาให้แล้ว ก็สามารถนำยากลับไปกินได้เลย” เดิมทีฉินมู่หลานไม่มีแผนดังกล่าว แต่เมื่อคิดว่าในช่วงแรก ร้านซิ่งหลินจะยังไม่มียาที่จดสิทธิบัตรมากนัก เธอจึงตัดสินใจว่าจะนำยาจีนที่รักษาโรคต่าง ๆ มาขายที่ร้านด้วย
“ก็ดี พวกเรามาเริ่มเตรียมตัวกันเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยมีความหวังเรื่องอนาคตอยู่เต็มเปี่ยม หลังจากที่ฉินมู่หลานหารือเรื่องนี้กับหล่อนเสร็จแล้ว ก็วางแผนว่าจะไปเยี่ยมเซี่ยปิงชิงกับลูกน้อยทั้งสอง
“ไปสิ มู่หลาน ฉันจะไปกับเธอด้วย ฉันเองก็ไม่ได้เจอเด็กสองคนนั้นมาสักพักแล้ว”
หลังจากที่เซี่ยปิงชิงคลอดลูก ถ้าเซี่ยปิงหรุ่ยมีเวลาว่าง ก็จะแวะกลับไปที่บ้านเดิม เพื่อไปเยี่ยมหลานชายทั้งสอง
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ได้สิ”
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านเก่าของตระกูลเจี่ยง เซี่ยปิงชิงก็ต้อนรับพวกเธออย่างอบอุ่น “ฉันดีใจมากที่พวกพี่มา ช่วงนี้ฉันอยู่แต่บ้านจนเบื่อแทบตายแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า: “จะน่าเบื่อได้ยังไง มีลูกตั้งสองคน บ้านก็ต้องคึกคักมากสิ”
เมื่อพูดถึงเด็ก ๆ เซี่ยปิงชิงก็รู้สึกปวดหัวกว่าเดิม
“เจ้าตัวเล็กสองคนนั่นส่งเสียงดังมาก บางครั้งฉันก็ดูแลพวกเขาคนเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ฉินมู่หลานรู้ดีว่าเจี่ยงสือเหิง พ่อบุญธรรมของเธอยุ่งมาก และมีเวลาอยู่บ้านแค่ช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น เซี่ยปิงชิงจึงจำเป็นต้องเลี้ยงลูกเองทั้งวัน “เธอขอให้ลุงเจี่ยงมาช่วยได้นี่นา”
“เพราะมีลุงเจี่ยงกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวช่วยไว้นี่แหละ ไม่อย่างนั้นฉันเลี้ยงคนเดียวไม่ไหวแน่นอน”
ตอนแรกเชิ่งลี่ผู้เป็นแม่ของหล่อนมาช่วยเลี้ยง แต่หลังจากที่เด็กน้อยอายุได้ครึ่งขวบ เชิ่งลี่กับเซี่ยฉางเจวี๋ยก็กลับไปที่ซีอาน เซี่ยปิงชิงจึงรู้สึกสับสนวุ่นวายทันที แต่โชคดีที่เมื่อผ่านไปได้สักระยะหนึ่งก็ค่อย ๆ ชินกับการเลี้ยงลูก แต่กระนั้นหล่อนยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่ดูแลลูก ๆ ที่บ้านคนเดียวทุกวัน
ฉินมู่หลานสังเกตเห็นว่าเซี่ยปิงชิงหงุดหงิด และค่อนข้างกระวนกระวาย จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ปิงชิง คุณป้าจะกลับมาช่วยดูแลเด็ก ๆ อีกหรือเปล่า?”
เธอรู้ดีว่าการดูแลเด็กเล็กนั้นยากแค่ไหน ถ้าไม่มีคนช่วยก็จะเหนื่อยมาก แม้ว่าจะมีคนมากมายจากฝั่งพ่อบุญธรรมคอยช่วยเหลือ แต่เซี่ยปิงชิงก็ยังอยากให้พวกเชิ่งลี่เข้ามาหามาก
เซี่ยปิงชิงได้ยินดังนั้น ก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ช่วงนี้พ่อแม่ของฉันไม่ได้ติดต่อมาเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้มาที่นี่สักพักแล้ว เมื่อเธอมาครั้งนี้ ก็พบว่าเซี่ยปิงชิงค่อนข้างซีดเซียว
“ปิงชิง ถ้าเธอเหนื่อยมากก็บอกพ่อกับแม่เถอะ พวกเขาจะมาช่วยแน่นอน”
“ได้ อีกสองวันข้างหน้า ฉันจะติดต่อพ่อแม่ไป แต่ฉันไม่ได้หงุดหงิดเพราะลูกหรอกนะ แค่ทุกวันนี้ฉันไม่มีอะไรทำที่บ้านเลย นอกจากเลี้ยงลูก ทำให้ฉันมักจะรู้สึกว่างเปล่าในใจเสมอ” เซี่ยปิงชิงรู้ว่าไม่มีอะไรให้ทำ และยังปราศจากที่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้วย หล่อนจึงรู้สึกไม่สบายใจเลย
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็อดหยอกไม่ได้: “ถ้าเธอไม่มีอะไรทำ ก็มาเริ่มต้นทำธุรกิจกับเราได้นะ เรากำลังจะก่อตั้งร้านซิ่งหลินของเราแล้ว เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ปิงหรุ่ยกับฉันจะออกไปหาสถานที่ตั้งที่เหมาะสม”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเซี่ยปิงชิงก็เป็นประกายขึ้นทันที แล้วถามว่า “ฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม?”
หล่อนย่อมรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยปิงหรุ่ยพี่สาวของหล่อน กับฉินมู่หลานกำลังร่วมมือกันเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน หล่อนก็หวังว่าจะได้เข้าร่วมจริง ๆ ไม่เช่นนั้นการต้องอยู่แต่บ้านทุกวัน จะทำให้สุขภาพจิตของหล่อนแย่ลงจริง ๆ
ฉินมู่หลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า: “ได้แน่นอน แม้ว่าทิศทางการวิจัยของเธอจะแตกต่างจากของเรา แต่สูตรยาบางอย่าง ก็จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญในการคิดค้นขึ้น ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้ว ว่าจะต้องผสมสูตรยาพวกนั้นยังไงถึงจะถูกต้อง แถมยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอสามารถทำได้ พวกเราต้องการคนมีความสามารถอย่างเธอมาร่วมด้วยแน่นอน”
“ได้เลย ฉันจะเข้าร่วมด้วย”
แต่เซี่ยปิงชิงก็วางแผนไว้ว่าจะถามเจี่ยงสือเหิงด้วย “ถ้าสือเหิงกลับมาตอนเย็นแล้ว ฉันจะถามความคิดเห็นของเขา”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ถ้าเขาไม่เห็นด้วย เธอก็จะไม่เข้าร่วมแล้วเหรอ”
“ฮึ่ม… สือเหิงจะต้องเห็นด้วยแน่นอน”
เซี่ยปิงชิงยังคงมั่นใจในเรื่องนี้มาก เหตุผลที่หล่อนบอกว่าจะถามเจี่ยงสือเหิง ก็เพราะระหว่างสามีภรรยา จะต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกเรื่อง
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยคิดว่าเจี่ยงสือเหิงรักเซี่ยปิงชิงขนาดไหน หล่อนก็รู้ว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า แล้วพูดว่า “เรากำลังคุยกันอยู่ดี ๆ ทำไมจู่ ๆ เธอถึงอวดเรื่องความรักเฉยเลยล่ะ”
“ฉันไม่ได้อวดซะหน่อย”
เซี่ยปิงชิงเหลือบมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความหมั่นไส้ แล้วหยุดคุยกับหล่อน จากนั้นกันไปมองฉินมู่หลาน แล้วถามด้วยความสนใจ: “มู่หลาน ขั้นแรกต้องทำอะไรก่อนเหรอ?”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของเซี่ยปิงชิง ที่อยากจะเริ่มลงมือทำทันที ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เธอต้องออกไปข้างนอกกับพวกเรา เพื่อดูว่าที่ไหนจะเหมาะสำหรับร้านซิ่งหลินของเรา”
“ได้เลย ได้เลย”
ทั้งสามคนคุยกันต่อสักพัก เมื่อเด็กน้อยทั้งสองตื่นขึ้นมา ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็อุ้มเด็ก ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขอตัวกลับไป
เมื่อเจี่ยงสือเหิงกลับมาในตอนเย็น เซี่ยปิงชิงก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
“คุณวางแผนที่จะร่วมเปิดร้านซิ่งหลินกับพวกมู่หลานเหรอ นี่เป็นเรื่องดีเลน ถ้าคุณอยากทำก็ทำเลยนะ” เจี่ยงสือเหิงย่อมไม่คัดค้าน เขารู้ว่าเซี่ยปิงชิงต้องเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกทุกวัน ตอนนี้เมื่อหล่อนมีสิ่งอื่นที่ต้องทำแล้ว เขาก็ย่อมสนับสนุนทุกเรื่องแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงตอบตกลงโดยตรงโดยไม่ต้องคิด เซี่ยปิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แล้วพูดว่า: “ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะสนับสนุนฉัน พรุ่งนี้ฉันจะออกไปหาที่กับพวกมู่หลานนะคะ ส่วนลูกทั้งสองจะถูกพาไปฝากไว้กับพวกลุงเจี่ยงก่อน ถึงตอนนั้นฉันจะติดต่อแม่ให้มาช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วยค่ะ”
“ถ้าแม่ของคุณไม่ว่าง พวกเราก็จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูก ๆ ที่นี่ก็ได้นะ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกทั้งสอง”
แม้ว่าการจ้างพี่เลี้ยงเด็กจะสะดวก แต่เซี่ยปิงชิงก็ยังคงเชื่อใจคนที่เป็นญาติทางสายเลือดมากกว่า
“ฉันลองติดต่อแม่ก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อว่าแม่ก็อยากจะมาเองด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ คุณลองติดต่อดูก่อน”
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ร้านยามีแววว่าจะปังคูณสามเลยแฮะ ดูแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย
ไหหม่า(海馬)