ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 569 สำเร็จ(2)
ตอนที่ 569 สำเร็จ(2)
หลังจากที่คังอันเหอไปที่ห้องครัว ถูไคหัวก็เตือนถูเฉิงเสียงอีกครั้ง
“อันเหอตัดสินใจติดตามภรรยาของเจ๋อหลี่ ดังนั้นหลานก็อย่าลืมติดตามเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างใกล้ชิดด้วย”
ถูเฉิงเสียงได้ฟังดังนั้นก็เหลือบมองถูไคหัว แล้วถามว่า “คุณอารอง เจ๋อหลี่กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเหรอครับ?”
ถูไคหัวไม่คาดคิดว่าหลานชายของเขาจะเดาได้ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ กำหนดการจะมาเร็ว ๆ นี้ ผู้บังคับบัญชามองเซี่ยเจ๋อหลี่ในแง่ดีมาก ดังนั้นหลานต้องฉลาด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถูเฉิงเสียงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “เมื่อก่อนฟู่ซวี่ตงคนนั้นก็ย้ายมาที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ เขามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่ความสัมพันธ์ของผมกับเขาไม่ดีเลยจริง ๆ ครับ”
“ล่าสุดที่พวกหลานไปทำภารกิจด้วยกัน ก็ถือว่าได้กระชับความสัมพันธ์กันแล้ว ดังนั้นหลานไม่ต้องคิดมากหรอก แค่ติดตามเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พอแล้ว”
“ได้ครับคุณอารอง ผมเข้าใจแล้วครับ”
หลังจากที่ลุงกับหลานชายพูดเรื่องนี้กันเสร็จแล้ว คังอันเหอก็ชงชาเสร็จแล้วยกมาให้พอดี ถูไคหัวจิบไปเล็กน้อยแล้วกลับไป
วันรุ่งขึ้น คังอันเหอก็ไปหาฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคังอันเหอมาหา “คุณมาที่นี่ทำไม รีบเข้ามาก่อนเถอะค่ะ”
คังอันเหอไม่เคยมาบ้านของฉินมู่หลานมาก่อน หลังจากเดินเข้าประตูไปก็มองด้วยความแปลกใจ แล้วพูดว่า “มู่หลาน บ้านของพวกคุณสวยจริง ๆ ค่ะ”
“คนในครอบครัวตกแต่งเองทั้งหมดเลยค่ะ”
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคนในครอบครัวของคุณก็น่าทึ่งจริง ๆ ค่ะ”
คังอันเหอเดินตามฉินมู่หลานไปที่ห้องนั่งเล่น จากนั้นอธิบายจุดประสงค์ของตนตามตรง
“อะไรนะ… คุณจะขายบ้านหลังนั้นเหรอคะ?”
ฉินมู่หลานไม่คาดคิดว่าคังอันเหอจะมาบอกว่าจะขายบ้าน “คุณตัดสินใจแล้วจริงเหรอคะ?”
ต้องรู้ว่าในอนาคต ราคาบ้านในเมืองหลวงจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว เธอจึงกลัวว่าคังอันเหอจะเสียใจภายหลัง
“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าจะขายไปเลยดีกว่า ถ้าคุณซื้อ คุณจะได้มีสิทธิ์ใช้บ้านอย่างเต็มที่ และจะไม่มีข้อจำกัดในการทำสิ่งต่าง ๆ ดังนั้น… คุณอยากจะซื้อมันหรือเปล่าคะ?”
ฉินมู่หลานยังคงกังวลเรื่องนั้น จึงถามอีกครั้ง: “คุณได้ตัดสินใจแล้วเหรอคะ บางทีราคาของบ้านหลังนั้นอาจจะเพิ่มสูงขึ้นมากในอนาคต คงจะน่าเสียดายถ้าคุณจะขายมันตอนนี้นะคะ”
คังอันเหอตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจ: “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่เสียใจหรอกค่ะ ฉันยังมีบ้านอีกสองหลังอยู่แถวนั้นอีก จึงไม่สำคัญว่าฉันจะขายหลังไหนค่ะ”
ในที่สุดฉินมู่หลานก็รู้ว่า นี่คือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวย
ส่วนคังอันเหอก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เล่าเรื่องที่ถูไคหัวบอกหล่อนไปตามตรง ในที่สุดก็พูดว่า: “คุณอารองของฉันบอกให้ฉันตั้งใจเรียนรู้จากคุณในอนาคตค่ะ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ฉินมู่หลานก็ตระหนักได้ทันทีว่า หากในอนาคตเธอไม่ดูแลคังอันเหอให้ดี ก็คงไม่เป็นธรรมนัก เพราะตระกูลถูได้แสดงจิตใจอันตั้งมั่นชัดเจนมาก ว่าต้องการให้เธอดูแลคังอันเหอเป็นอย่างดี
ฉินมู่หลานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบรับ
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะซื้อค่ะ”
เมื่อคังอันเหอเห็นฉินมู่หลานเงียบในตอนแรก ก็คิดว่าเธอคงไม่ยอมซื้อ ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกด้วยว่าเธอคงไม่อยากให้ตนเรียนรู้ด้วย แต่ในที่สุดก็เห็นฉินมู่หลานตอบตกลง คังอันเหอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากที่ฉินมู่หลานตอบตกลง ขั้นตอนต่อไปก็ง่ายมาก หลังจากที่ทั้งสองไปที่ยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำตามขั้นตอนการโอนบ้านให้เสร็จสิ้น บ้านก็กลายเป็นของฉินมู่หลาน
“เอาล่ะมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาขอตัวกลับแล้วล่ะค่ะ”
คังอันเหอยิ้มและโบกมือให้ฉินมู่หลาน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ฉินมู่หลานมองร่างที่จากไปของคังอันเหอ แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นก็บอกข่าวนี้ให้เซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิง
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว เราควรจับตาดูคังอันเหอคนนั้นกันดีไหม เรื่องนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าหล่อนกำลังวางแผนอยู่”
เซี่ยปิงชิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “นั่นน่ะสิ อยากให้เราจดจำความมีน้ำใจของหล่อน แล้วให้สอนทักษะทางการแพทย์ให้หล่อนงั้นเหรอ”
“หล่อนตั้งใจทำอย่างนั้นแหละ แต่หลังจากที่มาแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของหล่อนแล้วล่ะนะ”
“ใช่ ถ้าหล่อนเรียนรู้ไม่ได้จริง ๆ เราก็ช่วยไม่ได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดเสริม แล้วถามเรื่องการตกแต่งบ้านว่า “จริงสิมู่หลาน ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณอาไปเซินเจิ้นอีกแล้ว แล้วการตกแต่งร้านซิ่งหลินล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก่อนที่พวกพ่อจะกลับไป ก็ได้วัดขนาดของบ้านไว้แล้ว ฉันขอให้เคอวั่งช่วยวาดแผนผังบ้านให้แล้ว เมื่อพวกเขาไปเซินเจิ้น ก็จะขอให้อาจารย์เหลียงช่วยวาดแบบให้เรา พอเขียนแบบออกมาได้แล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
“ถูกต้อง บางทีตอนนั้นพวกคุณอาฉินก็อาจจะกลับมาจากงานแล้วก็ได้ เราจะได้เชิญพวกเขาให้มาตกแต่ง”
ทั้งสามมารวมตัวกันและพูดคุยกันมากมาย ฉินมู่หลานรอเล่นกับลูกสองคนของเซี่ยปิงชิงก่อน จึงจะกลับไป
หลังจากที่ฉินมู่หลานกลับมาถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็ออกมาจากห้องครัว หลังจากเพิ่งหั่นผลไม้เสร็จ เมื่อเห็นลูกสาวกลับมาแล้ว ก็รีบบอกว่า: “มู่หลาน มีคนมาหาลูกจ้ะ”
ฉินมู่หลานพบว่าทุกครั้งที่เธอออกไปข้างนอก มักจะมีคนมาหาเธอเสมอ
“ใครเหรอคะ?”
“ตู้เยว่เอ๋อร์”
ฉินมู่หลานได้ยินคำตอบแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว จากนั้นเดินตามซูหว่านอี๋ไปที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อตู้เยว่เอ๋อร์เห็นฉินมู่หลานกลับมาแล้ว หล่อนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหมอฉิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะผู้จัดการตู้”
หลังจากที่ซูหว่านอี๋วางจานผลไม้ลง เธอก็บอกให้ฉินมู่หลานคุยกับตู้เยว่เอ๋อร์ แล้วเธอก็ออกไปก่อน
วันนี้ตู้เยว่เอ๋อร์ดูมีความสุขมาก ใบหน้ามีรอยยิ้มอยู่เสมอ หลังจากเห็นซูหว่านอี๋ออกไปแล้วก็รีบมองฉินมู่หลาน ก่อนจะพูดว่า “คุณหมอฉิน ฉันมีข่าวดีจะบอกค่ะ”
เมื่อเห็นตู้เยว่เอ๋อร์ดูตื่นเต้นมาก ฉินมู่หลานก็คาดเดาได้ทันใด
“ผู้จัดการตู้ คุณ… ตั้งครรภ์แล้วเหรอคะ?”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเดาได้ทันที ตู้เยว่เอ๋อร์ก็แปลกใจเล็กน้อย แต่แล้วก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “สมแล้วที่เป็นหมอฉินค่ะ คุณเดาได้ทันที คุณเก่งมากเลยค่ะ”
พูดจบ หล่อนก็รีบเอื้อมมือออกไป แล้วถามว่า “หมอฉิน คุณช่วยตรวจชีพจรให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ฉินมู่หลานไม่ปฏิเสธ พยักหน้าแล้วตอบว่า “แน่นอนค่ะ”
หลังจากที่ฉินมู่หลานตรวจชีพจรของตู้เยว่เอ๋อร์แล้ว ก็พบว่าหล่อนตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ แต่น่าจะเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นานนี้ “ผู้จัดการตู้ คุณเพิ่งตั้งครรภ์ ควรพักผ่อนที่บ้านให้เต็มที่นะคะ”
อายุของตู้เยว่เอ๋อร์ไม่น้อยแล้ว ตอนนี้หล่อนตั้งครรภ์ได้เพราะดูแลตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด ด้วยความที่ค่อนข้างอายุมากแล้ว เมื่อตั้งครรภ์จึงต้องเอาใจใส่มากกว่าคนทั่วไป
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน ตู้เยว่เอ๋อร์ก็ถามอย่างกังวลใจ: “หมอฉิน การตั้งครรภ์ของฉันมีปัญหาหรือเปล่าคะ?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนั้นก็รีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่มีค่ะ ไม่ต้องกังวล คุณแค่ต้องเอาใจใส่มากกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นช่วงนี้ไม่ออกไปข้างนอก และพักผ่อนอยู่ที่บ้านจะดีกว่าค่ะ”
ได้ฟังดังนั้น ในที่สุดตู้เยว่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจ เอ่ยทันที: “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะดูแลลูกอย่างดี แต่ว่าฉันอยู่ที่บ้านไม่ได้ เลยวางแผนไว้ว่าจะไปดูแลลูกที่เซินเจิ้นในอีกไม่กี่วันค่ะ”
เมื่อฉินมู่หลานได้ฟังดังนั้น เธอก็รู้สึกว่าตู้เยว่เอ๋อร์ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าหล่อนตั้งครรภ์
อย่างที่คาดไว้…
ตู้เยว่เอ๋อร์พูดต่อ: “หมอฉิน โปรดอย่าบอกใครเรื่องฉันตั้งครรภ์เลยนะคะ”
ฉินมู่หลานฟังแล้วก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ผู้จัดการตู้ ฉันจะไม่บอกใครแน่นอน ความจริงฉันไม่มีใครให้บอกอยู่แล้วด้วยค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ฟังดังนั้น แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “คราวนี้ฉันตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงมากจริง ๆ แต่ฉันจะต้องคลอดลูกคนนี้อย่างปลอดภัยให้ได้ค่ะ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมือนจะมีคนนำเผือกร้อนมาให้ยังไงก็ไม่รู้แฮะ มู่หลานตั้งสติดีๆ นะคะ
ไหหม่า(海馬)