ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 584 กระตือรือร้น(2)
ตอนที่ 584 กระตือรือร้น(2)
เมื่อเห็นท่าทางของเหยาจิ้งจือเป็นแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ทราบว่าแม่สามีหายดีแล้ว แต่เธอคิดว่าจะรอให้สามีกลับมาก่อนแล้วจึงถามเขา ว่าคิดเห็นอย่างไร “แม่คะ เดี๋ยวรอเจ๋อเหว่ยกลับมา แล้วหนูจะคุยกับเขานะคะ”
หลังจากเซี่ยเจ๋อเหว่ยกลับมาในตอนเย็น หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เซี่ยเจ๋อเหว่ยจึงคิดว่าจะอยู่ต่ออีกสักสองวันแล้วค่อยกลับ
หลังจากเหยาจิ้งจือทราบ ก็หันมองลูกชายคนโตแล้วกล่าวว่า “เจ๋อเหว่ย พวกเราไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ พวกแกกลับไปบ้านตระกูลเหยากันเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณตาคุณยายของพวกแกคงเหงามากเหมือนกัน”
เซี่ยเหวินปิงก็กลับมาแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดของภรรยา ก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว พวกเรายุ่งมาก จะไปมัวคิดเรื่องอะไรได้ ครอบครัวพวกแกอยู่กินข้าวเย็นแล้วก้กลับไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นพ่อกับแม่กล่าวแบบนี้ สุดท้ายเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ยอมตกลง
หลังจากกินข้าวเสร็จ ครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยก้กลับไปที่บ้านตระกูลเหยา แต่ก่อนจะกลับ เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้กำชับกับเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่สักพัก บอกให้เขาใส่ใจพ่อกับแม่มากหน่อย
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมดูแลพ่อกับแม่เอง”
“ดี ถ้าอย่างนั้นฝากนายด้วยล่ะ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยตบบ่าน้องชาย จากนั้นก็กลับไปพร้อมภรรยาและลูกชาย
จนกระทั่งถึงวันรุ่งขึ้น ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็อยากจะไปส่งชิงชิงและเฉินเฉินที่โรงเรียนอนุบาล คงจะดีไม่น้อยหากรู้ว่าโรงเรียนอนุบาลของเด็กทั้งสองอยู่แถวไหน ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่ก็จะไปที่นั่นด้วย แต่เหยาจิ้งจือเหลือบมองก่อนจะกล่าวว่า “อาหลี่ แกเคยไปที่โรงเรียนอนุบาลนั่นมาแล้วไม่ใช่เหรอ เช้านี้ไม่ต้องไปหรอก แกรีบไปทำงานเถอะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ครับ ถ้าอย่างนั้นเช้านี้ผมไม่ไปก็ได้”
หลังจากฉินมู่หลานซูหว่านอี๋ และเหยาจิ้งจือพาเด็กทั้งสองมาโรงเรียนแล้ว ก็กล่าวสอน “ชิงชิง เฉินเฉิน อยู่โรงเรียนเชื่อฟังคุณครูให้ดีนะ เดี๋ยวช่วงบ่ายย่ากับยายจะมารับ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว เดี๋ยวช่วงบ่ายพวกย่าจะมารับเร็ว ๆ พวกหลานออกมาจากโรงเรียนแล้วจะเห็นย่ากับยายทันทีเลย ”
“ค่ะ/ครับ~~”
ชิงชิงและเฉินเฉินตอบเสียงเจื้อยแจ้วอย่างมีความสุข
หลิวหยิงเห็นคุณย่าคุณยายของเด็กทั้งสองมา ก็จดจำคนเอาไว้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจกับความอ่อนเยาว์ของคุณย่าและคุณยายด้วย
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือดีใจที่โดนชมว่าหน้าเด็ก ขณะเดียวกันก็คิดจะมอบเครื่องสำอางหนึ่งชุดให้หลิวหยิง เรื่องนี้พวกหล่อนคิดกันมาก่อนแล้ว ว่าจะมอบของขวัญชิ้นนี้เพื่อฝากฝังอีกฝ่ายให้ช่วยดูแลพวกเด็ก ๆ มากขึ้น
หลิวหยิงก็ตระหนักได้เหมือนกัน เมื่อมองแวบแรกก็มองออกทันทีว่าเป็นเครื่องสำอางของมู่เสวี่ย แล้วก็ทราบมูลค่าของเครื่องสำอางชุดนี้ด้วย หล่อนจึงรีบปฏิเสธแล้วกล่าวว่า “ไม่เป้นไรค่ะ พวกเราในฐานะคุณครู การดูแลเด็กถือเป็นหน้าที่อยู่แล้ว พวกคุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอกค่ะ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็เดินจากไปพร้อมกับเด็กทั้งสอง กลัวว่าซูหว่านอี๋และเหยบาจิ้งจือจะยัดเยียดของขวัญให้
เฝ้ามองแผ่นหลังของหลิวหยิงและเด็กทั้งสองเดินจากไป ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็รู้สึกลังเลนิดหน่อย “พวกเราทำอะไรไป มันจะทำให้คุณครูรู้สึกแย่ไหมนะ”
ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองดูกังวลแบบนี้ ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่หรอกค่ะ หนูเคยได้ยินมาว่าถึงคุณครูหลิวจะยังเด็ก แต่ก็เป็นคุณครูที่ดีคนหนึ่งเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจืออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นก็รีบเร่งให้ฉินมู่หลานรีบไปทำงาน “เอาล่ะมู่หลาน พวกแม่สองคนจะไปโรงงาน ลูกก็ไปจัดการธุระเถอะ”
“ค่ะ”
เมื่อฉินมู่หลานมาถึงที่พัก หลัวซงผิงและหลินไคจงก็อยู่ที่นั่นกันแล้ว แต่เซี่ยปิงหรุ่ยมาถึงช้ากว่าเธอนิดหน่อย “มู่หลาน เธอมาแล้วเหรอ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลาน ก็ตรงเข้ามาหาเธอทันที ก่อนจะกระซิบ
“มู่หลาน ทางด้านคุณอาตกแต่งเป็นยังไงแล้วบ้าง เดี๋ยวรอเสร็จตรงนี้ พวกเราไปซิงหลินถังกันเถอะ”
“ได้เลย”
ฉินมู่หลานก็อยากจะไปดู จึงพยักหน้าแล้วตอบรับ จากนั้นเธอก็ถามเกี่ยวกับเซี่ยปิงชิงอีกครั้ง “ล่าสุดปิงชิงทำอะไรอยู่เหรอ”
“ทางฝั่งพวกเราสองคนกำลังยุ่ง ปิงชิงก็ยุ่งอยู่กับการหาคนมาช่วยที่ซิงหลินถัง พวกคุณอาเดินทางมาใกล้ถึงกันแล้ว ปิงชิงก็เลยต้องไปทำความสะอาดบ้าน พอคุณอาพวกนั้นมาถึงจะได้เข้าพักได้เลย”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดกล่าวไม่ได้ “นั่นเป็นงานหนักมากเลย”
ขระทั้งสองพูดคุยกัน นักศึกษาแลกเปลี่ยนก็มารวมตัวกันที่นี่เรียบร้อยแล้ว
หลินไคจงเห็นว่าทุกคนมากันแล้ว จึงบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้มทันที “วันนี้พวกเราจะไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนกันครับ ออกเดินทางกันเลย”
หลัวซงผิงและหลินไคจงเป็นผู้เดินนำ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเดินตามอยู่ข้างหลัง เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยก็เดินอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่ “นักศึกษาฉิน นักศึกษาเซี่ย ต่อไปมีเวลาก็ไปเที่ยวฮ่องกงสิ พวกเราจะพาพวกเธอเที่ยวชมเอง”
เซี่ยปิงหรุ่ยยังไม่เคยไปฮ่องกงมาก่อน จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เอาสิ ไว้มีโอกาสจะไปเดินเที่ยวที่ฮ่องกง” แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าฉินมู่หลานเคยไป จึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน ครั้งหน้าเธอจะไปอีกไหม?”
“ขอดูก่อนนะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ หลี่หมิงฮุ่ยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฟังจากที่นักศึกษาฉินสื่อแล้ว เธอเคยไปฮ่องกงมาแล้วเหรอ?”
“ใช่ เคยไปมาหนึ่งครั้ง”
หลี่หมิงฮุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองเยวี่ยจงจีอีกครั้ง “นักศึกษาฉิน ได้ยินว่าตอนนี้เธอกำลังทำธุรกิจร่วมกับเยว่หรงกรุ๊ป ได้คุยกับผู้จัดการตู้เยว่เอ๋อร์บ้างไหม ผู้จัดการตู้เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากนะ จากเลขาตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งไต่เต้ามาเป็นผู้จัดการของเยว่หรงกรุ๊ปในปัจจุบันนี้ได้”
ตอนแรกฉินมู่หลานไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่เมื่อเห็นสายตาของหลี่หมิงฮุ่ยและเยวี่ยจงจีที่ส่งถึงกัน และยิ่งเป็นคนจีน แซ่ก็ยิ่งเป็นพื้นฐานความข้องเกี่ยวทางเครือญาติ แซ่เยว่นี้ก็พบเจอได้ยากมาก
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันไปมองเยวี่ยจงจีแล้วกล่าวว่า “ที่แท้นักศึกษาเยว่ก็เป็นสมาชิกของตระกูลเยว่จากฮ่องกงนี่เอง แต่มู่เสวี่ยของเราเพิ่งจับมือทำธุรกิจกับทางเยว่หรงกรุ๊ป เรื่องของที่บ้านพวกนาย ฉันไม่ได้อยากจะรู้ พวกนายไม่จำเป็นต้องมาถามเรื่องของตู้เยว่เอ๋อร์กับฉันหรอก”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ จู่ๆ เยวี่ยจงจีก็มองไปที่ฉินมู่หลาน แล้วกล่าวว่า “เธอรู้ไหมว่าตู้เยว่เอ๋อร์เป็นเมียน้อยคนที่สามของพ่อฉัน?”
เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางฮ่องกง คนจึงรู้ไม่มากนัก แต่ฉินมู่หลานกลับทราบจริง ๆ
แม้แต่หลี่หมิงฮุยก็มองด้วยความประหลาดใจ ตอนแรกเขาอยากจะถามเรื่องการร่วมธุรกิจของฉินมู่หลานและตู้เยว่เอ๋อร์ ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่เพียงแค่คาดเดาตัวตนของเยวี่ยจงจีได้ แต่เหมือนหล่อนจะทราบเรื่องอะไรอีกเยอะแยะเลย
“ใช่ ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่ได้สนว่าตัวตนของตู้เยว่เอ๋อร์จะเป็นยังไง ฉันหวังแค่ว่าการร่วมธุรกิจของเราจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเท่านั้น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้แค่ส่วนที่เขาให้รู้พอ ไม่ต้องไปเจาะลึกข้อมูลส่วนตัวของเขามาก เดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่าๆ
ไหหม่า(海馬)