ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 588 ไม่คิดจะกลับไป(1)
ตอนที่ 588 ไม่คิดจะกลับไป(1)
หลี่หมิงฮุ่ยมองเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราอยากรู้เรื่องซินหลิงถังที่พวกเธอเพิ่งพูดถึงก่อนหน้านี้ ก้เลยอยากจะไปดูด้วย”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้ว แต่เรื่องบางเรื่องฉินมู่หลานก็มีหน้าที่ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด หล่อนจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่กลับหันไปมองฉินมู่หลานด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถามแทน
ฉินมู่หลานเห็นสีหน้าของทั้งสองคนดูอยากรู้อยากเห็น จึงพยักหน้า “ถ้าพวกนายจะไปดู งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ แต่ไปแล้วพวกนายกลับที่พักกันเองนะ พวกเราไม่มีเวลาไปส่งพวกนายหรอก”
หลี่หมิงฮุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าวอย่างรวดเร็ว “ตกลง ไม่มีปัญหา”
หลังจากทั้งสี่คนมาถึงซินหลิงถัง ฉินเจี้ยนเซ่อ เซี่ยเหวินปิงและคนอื่น ๆ ก็กำลังตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นพวกเขามา จึงรีบยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกลูกมากันแล้วเหรอ”
พูดจบก็มองไปทางหลี่หมิงฮุ่ยและเยวี่ยจงจีด้วยความสงสัย
“พ่อคะ สองคนนี้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากฮ่องกง เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุยค่ะ”
ฉินมู่หลานแนะนำทั้งสอง จากนั้นก็แนะนำฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงด้วย
เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุยคาดไม่ถึง ว่าคนที่ทำงานอยู่นี้จะเป็นคุณพ่อและพ่อสามีของฉินมู่หลาน ทั้งสองจึงรีบทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีครับคุณอา”
“อ๋อ…สวัสดี”
ก่อนหน้านี้เคยรู้จักเผยเจิ้งผู่กับลูกชายมาก่อน เมื่อเห้นว่าคนพวกนี้มาจากฮ่องกง จึงไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรขนาดนั้น
หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็เดินเข้า ๆ ออก ๆ
“พ่อคะ พวกพ่อทำงานเร็วมากเลยค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อกล่าวพร้อมทั้งหัวเราะ “ต้องขอบคุณพวกลูกพี่ลูกน้องของลูกด้วย เป็นเพราะเขาทำงานล่วงเวลากับพวกพ่อ งานก็เลยเดินเร็วขนาดนี้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาหนูจะให้โบนัสพวกลูกพี่ลูกน้องอย่างงามเลยค่ะ”
“ดีเลย ลูกใจดีขนาดนนี้ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ขอบคุณแทนพวกเขาด้วยแล้วกันนะ” ฉินเจี้ยนเซ่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็แอบถามอีกครั้ง “ทำไมนักเรียนแลกเปลี่ยนจากฮ่องกงสองคนถึงได้มาที่นี่ หรือว่าลูกกับปิงหรุ่ยรับหน้าที่พาเขาชมรอบ ๆ?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่ค่ะ พวกเขาจะมากันเอง หนูกับปิงหรุ่ยไม่ได้อยู่กับพวกเขา อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะกลับไปกันแล้วค่ะ กลับกันเอง”
“อย่างนี้นี่เอง พวกลูกค่อย ๆ ดูไปก็ได้ พวกพ่อก็จะทำงานต่อเหมือนกัน”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเริ่มพาเดินวนรอบหนึ่งแล้วจึงจะพาออกไป เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยก็ตามพวกเธอไปเหมือนกัน
หลังจากหลายคนไปกันแล้ว ฉินเจี้ยนเซ่อก็อดหันมองเซี่ยเหวินปิงเสียไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อไม่นานมานี้ มู่หลานกับปิงหรุ่ยก็ทำงานหนักมากเหมือนกันนะ แต่ละวันก้ยังต้องคอยดูนักเรียนแลกเปลี่ยนพวกนั้นอีก อยากจะมาดูความคืบหน้าที่นี่ ยังต้องพาพวกเขาติดสอยห้อยตามมาด้วย”
เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าแล้วตอบรับ “จริง”
ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันไม่กี่คำแล้วทำงานต่อ
และหลังจากที่หลี่หมิงฮุ่ยออกจากซิงหลินถัง ก็อดหันไปมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานสียไม่ได้ “ที่แท้พวกเธอสองคนก้จะเปิดร้านขายยากันที่นี่เองสินะ พวกเธอมีความคิดกันนะเนี่ย เรียนไปด้วย แล้วยังวางแผนจะเปิดร้านขายยาเพื่อหารายได้อีก”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองหลี่หมิงฮุ่ยครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “นายจะไปรู้อะไร ซินหลิงถังจะเป็นอาชีพของเราหลังจากเรียนจบ พวกเราไม่ได้ต้องการเงินไม่จำเป็นต้องหาเงินหรอก พวกเราแค่หวังว่าจะสามารถพัฒนายาที่มีประโยชน์มากขึ้นในอนาคตได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่หมิงฮุ่ยก็มีสีหน้าแปลกใจ
“พวกเธอไม่ได้วางแผนจะไปทำงานที่โรงพยาบาลหลังเรียนจบ แล้วมาเปิดร้านขายยาแบบนี้เอาเหรอ?”
แม้แต่เยวี่ยจงจีก็มองดูฉินมู่หลานด้วยความประหลาดใจ หลายวันมานี้ที่ได้เห็นฝีมือการผ่าตัดของฉินมู่หลาน เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์มาก หากคนแบบนี้ไม่ทำงานในโรงพยาบาล นั่นคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
เซี่ยปิงหรุ่ยมองทั้งสองด้วยสายตาเหยียดหยันแล้วเอ่ยว่า “พวกนายจะไปรู้อะไร ทำไมพวกเราจะผลิตยากันไม่ได้ เป้าหมายของพวกเราก็คือ พัฒนายาสำหรับรักษาโรคเฉพาะทาง ถ้าเป็นแบบนั้น ก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สุดท้าหลี่หมิงฮุ่ยและเยวี่ยจงจีก็เหมือนจะเข้าใจนิดหน่อย ที่แท้ทั้งสองไม่ได้จะเปิดร้านขายยาธรรมดาเท่านั้น แต่พวกเขามองรูปลักษณ์แสนอ่อนเยาว์ของฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย จึงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อเท่าใดว่าพวกเธอจะสามารถพัฒนายาพิเศษออกมาได้
เซี่ยปิงหรุ่ยสังเกตสีหน้าของทั้งสองได้อยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมพวกนายถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น ไม่ต้องพูดว่าต่อไปในอนาคตหรอก แค่ตอนนี้ มู่หลานก็พัฒนายาพิเศษออกมาได้หลายชนิดแล้ว ยาต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพที่ใช้ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนาจากหล่อน”
“ปิงหรุ่ย…”
ฉินมู่หลานเพิ่งเอ่ยปากเตือน แต่เซี่ยปิงหรุ่ยได้พูดไปแล้ว
แต่เยวี่ยจงจีและหลินหมิงฮุ่ยมองดูเซี่ยปิงรุ่ยด้วยความไม่เชื่อ พลางเอ่ยถาม “จริงเหรอ? ยาพิเศษพวกนั้นพัฒนาโดยฉินมู่หลานจริงเหรอ?”
หากพวกเขาคาดเดาได้ถูกต้อง ยาต้านการอักเสบชนิดพิเศษที่เซี่ยปิงรุ่ยพูดถึงจะต้องเป็นยาตัวใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลที่จีนแผ่นดินใหญ่อยู่หลายแห่ง
ตอนที่พวกเขาเรียน อาจารย์พูดถึงยาพวกนี้อยู่หลายครั้ง นอกจากนี้ยังให้คนลองหาวิธีนำมันมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ายาต้านการอักเสบชนิดพิเศษนี้มีประสิทธิภาพเพียงใด แต่ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะพัฒนาโดยนักศึกษาฉินที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า หล่อนมีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง?
ในตอนนี้ พวกเขาทั้งสองจึงไม่มีความคิดที่จะดูถูกซิงหลินถังอีกต่อไป แต่พวกเขากลับสงสัยว่าต่อไปพวกเธอจะสามารถพัฒนายาแบบไหนได้อีก “ในเมื่อตอนนี้พวกเธอมีแนวทางแล้ว ต่อไปจะวิจัยยาชนิดไหนเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว จึงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
จากนั้น ไม่ว่าหลี่หมิงฮุ่ยจะถามอีกสักกี่คำถาม เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่พูดอะไรอีก แต่กลับหันมองพวกเขาแล้วเร่งเร้า “เอาล่ะ เดี๋ยวพวกเราจะไปทางชานเมืองด้านตะวันออก พวกนายก็กลับไปกันได้แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยก็ไม่ยอมไป แต่เอ่ยถามด้วยความสงสัยแทน “พวกเธอจะไปทำอะไรที่ชานเมืองด้านตะวันออกเหรอ?”
“จะสร้างโรงงานตรงชานเมืองด้านตะวันออก วันนี้อาจารย์เหลียงจะมารังวัดพื้นที่ที่นั่น เตรียมช่วยพวกเราออกแบบ ก็เลยว่าจะไปดูสักหน่อย” วันนี้พวกเธอสองคนตารางงานค่อนข้างยุ่ง
เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยได้ฟังแล้วก็ตัดสินใจจะไปที่นั่นด้วย
“พวกนายสองคนอยากจะไปดูอะไรกัน?”
หลี่หมิงฮุยเดินตรงไปหาเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดว่า “พวกเราก็อยากเห็นว่าพวกเธอเริ่มต้นธุรกิจกันยังไง จะได้เรียรู้เอาไว้สักหน่อย เผื่อจะนำไปใช้เป็นแนวทางในอนาคตได้”
สุดท้ายเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยก็ตามไปด้วย
ฉินมู่หลานก็ไม่ได้คัดค้าน ตอนนี้อย่าเรียกมันว่าโรงงานเลย ยังไม่มีแม้แต่เงาด้วยซ้ำ ถึงเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยจะไปดูก็ไม่เป็นไร
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็มาถึง ก่อนจะพบว่าเหลียงถงกำลังพาคนวัดพื้นที่อยู่ ถัดจากเขายังมีเซี่ยปิงชิงและชายวัยกลางคนอีกสามคน
เซี่ยปิงชิงเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยมา ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “มู่หลาน ปิงหรุ่ย มาแล้วเหรอ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็พบว่าข้างหลังมีเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยตามมาด้วย
ยังไม่ทันให้เซี่ยปิงชิงได้เอ่ยถาม หลี่หมิงฮุ่ยก็ก่าวมาข้างหน้าทันที ก่อนจะมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสีหน้าจริงจังแล้วเอ่ยถาม “นักศึกษาเซี่ย คนนี้คือ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองหลี่หมิงฮุ่ยด้วยสายตาแปลก ๆ จากนั้นจึงพูดตอบ “นี่คือน้องสาวของฉัน เซี่ยปิงชิง เป็นหุ้นส่วนของพวกเราเหมือนกัน พวกเราสามคนทำงานด้วยกัน เพื่อเปิดซิงหลินถัง”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะมาล้วงความลับทางการค้าเหรอ ถึงตามติดขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)