ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 589 ไม่คิดจะกลับไป(2)
ตอนที่ 589 ไม่คิดจะกลับไป(2)
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่หมิงฮุ่ยก็อดพูดไม่ได้ “นักศึกษาเซี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีน้องสาวอีกคนด้วย แล้วก็เป็นน้องสาวที่สวยมากด้วย”
ตอนแรกเซี่ยปิงหรุ่ยยังคิดไม่ได้ แต่สุดท้ายก็มองออก จึงหันไปมองหลี่หมิงฮุ่ยแล้วกล่าวว่า “น้องสาวฉันแต่งงานมีลูกแล้ว นายหยุดพล่ามได้แล้ว”
“อะไรนะ…น้องสาวเธอก็แต่งงานมีลูกแล้วเหรอ?”
หลี่หมิงฮุ่ยมองไปที่เซี่ยปิงชิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกเพียงว่าในยามท้องฟ้ามืดมิด เซี่ยปิงชิงก็ได้ปรากฎตัวขึ้น ทำให้ทัศนียภาพของเขาเปลี่ยนไป สาวงามที่หาผู้ใดเปรียบได้เช่นนี้กลับแต่งงานมีลูกแล้ว ช่างน่าเสียดาย
“พวกเธอที่นี่ทำไมถึงแต่งงานกันเร็วจัง”
หลังจากพูดจบ หลี่หมิงฮุ่ยก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
เยวี่ยจงจีรีบยื่นมือมาสะกิดให้เขาทราบสถานการณ์ ว่าที่นี่ไม่เหมือนกับทางฝั่งฮ่องกง หลี่หมิงฮุ่ยจะพูดทุกอย่างตามใจตัวเองไม่ได้
หลี่หมิงฮุ่ยก็ทราบเรื่องนี้เหมือนกัน จึงรีบหุบปากแล้วไม่เอ่ยถามอีกต่อไป
และในที่สุดฉินมู่หลานก็ได้มีโอกาสมองดูผู้คนที่อยู่รอบข้างเซี่ยปิงชิง ก่อนจะเอ่ยถาม “ปิงชิง คนพวกนี้เป็นใครเหรอ?”
เซี่ยปิงชิงรีบเอ่ยแนะนำ “มู่หลาน นี่คือคุณลุงพ่อบ้านเซี่ยฉางกู่ ส่วนนั่นลุงเซี่ยฉางซวน แล้วก็คุณอาเซี่ยฉางฮั่ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็รีบกล่าวทักทายทุกคน
เซี่ยฉางกู่และคนอื่นก็ยิ้มแล้วกล่าวทักทายฉินมู่หลานเช่นกัน “คุณหนูมู่หลาน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ก่อนหน้านี้ที่มู่หลานไปที่บ้านซีอานมา พวกเขาเคยเห้นเธอจากที่ไกล ๆ เพียงแต่ฉินมู่หลานไม่รู้จักพวกเขา
ฉินมู่หลานไม่ได้มีภาพจำติดตาเลยจริง ๆ ตระกูลเซี่ยที่ซีอานมีคนเยอะมาก เธอจำทุกคนไม่ได้จริง ๆ “ไม่เจอกันนานเลยค่ะ คุณอาคุณลุงที่รักทุกท่าน จากนี้ไปต้องขอพึ่งทุกคนแล้วค่ะ”
เซี่ยฉางกู่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูมู่หลาน เกรงใจเกินไปแล้วครับ พวกเราหลายคนมาที่นี่ ก็เพราะอยากจะเรียนรู้จากคุณนะครับ” ตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่าฉินมู่หลานเก่งกาจขนาดไหน เมื่อมาครั้งนี้จึงมีความคิดอยากจะเรียนรู้
“คุณลุงยกย่องเกินไปแล้วค่ะ หนูก็ไม่ได้เก่งกาจเท่าที่พวกคุณลุงคิดหรอกค่ะ”
ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกัน ก็เริ่มพูดถึงเรื่องการแพทย์แผนจีนกันขึ้นมา เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยฟังด้วยความสับสน บางอย่างมันก็นอกเหนือขอบเขตความรู้ พวกเขาจึงฟังไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ เพราะพวกเขาสองคนเรียนแพทย์แผนตะวันตกมา
ฉินมู่หลานพูดคุยกับเซี่ยฉางกู่อยู่สักพัก จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้ว เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยทั้งสองคนยังอยู่ที่นี่ จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะคุยกันอย่างยืดยาว “คุณลุงที่รักทั้งหลายคะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณลุงตามปิงชิงไปดูนะคะ พวกหนูขอตัวกลับไปกันก่อนค่ะ”
“ได้ พวกเธอรีบไปจัดการธุระเถอะ”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกล่าวทักทายเหลียงถงอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปบอกลาเซี่ยปิงชิง “ปิงชิง ถ้าอย่างนั้นพวกฉันขอกลับก่อนนะ เดี๋ยวอีกสักพักเธอก็พาพวกคุณลุงกลับไปได้แล้วนะ”
“ได้ ฉันรู้แล้วล่ะ”
หลังจากหลายคนกลับไปแล้ว เซี่ยปิงชิงก็พาเซี่ยฉางกู่และคนอื่น ๆ พูดคุยเรื่องแผนของโรงงาน จนกระทั่งหล่อนพูดเสร็จ เหลียงถงก็วัดพื้นที่เสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นคนกลุ่มหนึ่งจึงกลับไปจากที่ตรงนี้
ส่วนพวกฉินมู่หลานก็กลับเขาไปในเมืองกันแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเพิ่งบอกไปว่าให้เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยกลับกันเอง แต่สุดท้ายก็ยังต้องกลับไปส่งถึงที่พักอยู่ดี “เอาล่ะ วันนี้เที่ยวเล่นกันทั้งวันแล้ว พวกนายก็รีบพักผ่อนกันละนะ ฉันกับมู่หลานจะกลับกันแล้ว”
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยพูดกับทั้งสองคนอีกไม่กี่คำก็บอกลา
เยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณทั้งสองคน “วันนี้รบกวนพวกเธอมากแล้ว พวกเธอรีบกลับไปเถอะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองพวกเขา ในใจอยากจะบอกว่า ในเมื่อรู้แล้วว่ารบกวนพวกเธอมากแค่ไหน ต่อไปก็อย่าตามไปอีกล่ะ แต่เมื่อพิจารณาว่าพวกเขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนแล้ว จึงไม่พูดอะไร ได้แต่โบกมือลา หลังจากออกจากที่พัก เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดเสียไม่ได้ “หลี่หมิงฮุ่ยกับเยวี่ยจงจีนี่ตื๊อจังเลย อยากจะตามพวกเราไปตลอดทุกที่ รำคาญพวกเขาจะตายอยู่แล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ต้องคิด พยักหน้าแล้วกล่าวทันที “ใช่ ต่อไปปฏิเสธไปดีกว่า พวกเราจะได้ไม่เหนื่อย”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุ่ยกลับมาถึงที่พักแล้ว ก็ยังไม่ได้ตรงกลับเข้าห้อง แต่ออกไปข้างนอกอีกครั้ง
“จงจี นายคิดจะติดต่อครอบครัวเหรอ?”
เยวี่ยจงจีพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ฉันว่าจะติดต่อกลับไปหาที่บ้านสักหน่อย ถามไถ่เรื่องทางบ้าน”
“ว่าแต่พวกเราจะติดต่อกันยังไง?”
เยวี่ยจงจีเดินตรงไปข้างหน้า แล้วกล่าวว่า “ตามฉันมาก่อนเถอะ”
หลังจากทั้งสองคนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เยวี่ยจงจีก็ต่อสายโทรศัพท์ แต่ไม่ได้โทรไปที่ฮ่องกง เพราะที่นี่ยังโทรไปทางฮ่องกงตรง ๆ ไม่ได้ เขาจึงต้องต่อสายมาถึงหยางเฉิงก่อน
หลี่หมิงฮุ่ยตระหนักได้ในทันที “ที่แท้นายจะติดต่อไปที่หยางเฉิงนี่เอง แบบนี้คงเรียบง่ายกว่าเยอะ”
“ใช่แล้ว ที่หยางเฉิงมีญาติของพวกเราอยู่เหมือนกัน ฉันติดต่อไปที่นั่นสะดวกกว่าเยอะ”
จนกระทั่งเยวี่ยจงจีวางโทรศัพท์ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก
“ทำไมเหรอจงจี?”
เยวี่ยจงจีกล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจนัก “ไม่นานมานี้ ตู้เยว่เอ๋อร์ไม่ได้กลับไปที่ฮ่องกง นี่แสดงว่าหล่อนอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าหล่อนไปอยู่ที่ไหน”
“อะไรนะ…”
หลี่หมิงฮุ่ยและเยวี่ยจงจีเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ เยวี่ยจงจีจึงเล่าให้ฟังตามตรง
“ตอนนี้ฉันอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าตู้เยว่เอ๋อร์อยู่ที่ไหน และทำไมหล่อนจึงไม่ยอมกลับไปฮ่องกง”
หลี่หมิงฮุ่ยได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “หรือว่าพ่อนายมอบหมายงานอื่นให้ตู้เยว่เอ๋อร์ไปทำหรือเปล่า หล่อนก็เลยยังไม่กลับฮ่องกง แต่ว่านะจงจี นายใส่ใจตู้เยว่เอ๋อร์เกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าหล่อนจะทำงานได้ดี แต่ก็เป็นเมียน้อยคนโปรดของพ่อนาย แต่นายเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเยว่ หล่อนเทียบกับนายไม่ได้หรอก”
“เรื่องนั้นเป็นเพราะตู้เยว่เอ๋อร์ไม่มีลูกน่ะสิ ถ้าหล่อนมีลูก ก็ยังไม่รู้ว่าคุณพ่อจะแบ่งสมบัติอย่างไร”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ หลี่หมิงฮุ่ยก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จงจี นายก็คิดมากเกินไปแล้ว ตู้เยว่เอ๋อร์คนนั้นอายุมากแล้ว ถึงหล่อนอยากจะมีลูกก็คงไม่ได้แล้วล่ะ”
แต่แล้วเยวี่ยจงจีก็นึกถึงฉินมู่หลาน คิดไปถึงทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเธอ “ตู้เยว่เอ๋อร์ร่วมธุรกิจกับฉินมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นทั้งคู่คงเคยเจอกันมาก่อน นายว่า…ตู้เยว่เอ๋อร์จะรู้ไหมว่าฉินมู่หลานมีทักษะทางการแพทย์ดีขนาดนี้?”
หลี่หมิงฮุ่ยก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ จึงทราบว่าเพื่อนสนิทกำลังคิดอะไร
“ไม่หรอกมั้ง? นายคงไม่คิดว่าตู้เยว่เอ๋อร์อยากมีลูกแล้วมาขอคำแนะนำทางการแพทย์จากฉินมู่หลานหรอกใช่ไหม?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตระกูลเยวี่ยจะเกิดศึกสายเลือดหรือเปล่านะ ในเมื่อตู้เยว่เอ๋อร์ดันท้องแล้ว
ไหหม่า(海馬)