ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 594 สงสัย(1)
ตอนที่ 594 สงสัย(1)
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินคำพูดนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ค่ะอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอกลับก่อนนะคะ”
เพียงแต่พวกเธอทั้งสองไม่ได้กลับบ้านในทันที และไปที่ซิงหลินถังอีกครั้ง แม้ว่าเพิ่งจะมาดูเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังอยากมาดูอีกครั้ง “มู่หลาน ครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ก็เหมือนจะเหลือเรื่องต้องจัดการอีกไม่เยอะแล้ว ฉันรู้สึกว่าเดือนหน้าพวกเราน่าจะเปิดซิงหลินถังกันได้แล้ว”
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของเซี่ยปิงหรุ่ยดูรีบร้อนแบบนี้ ก็อดยิ้มแล้วกล่าวไม่ได้ “ทำไมเธอถึงใจร้อนจัง”
เซี่ยปิงหรุ่ยยกยิ้มพลางกล่าว “จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่ใจร้อนหรอก ปิงชิงก็ใจร้อนมากเหมือนกันนะ เอาแต่ถามฉันว่าตกแต่งไปถึงไหนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น อาฉางกู่และคนอื่น ๆ ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขากำลังสร้างห้องปรุงยาแบบง่าย ๆ ในบ้านพักของพวกเขา ตั้งใจว่าจะเริ่มทำยากันไปก่อนแล้ว”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าเซี่ยฉางกู่และคนอื่น ๆ จะเริ่มกันแล้ว
“ทำไมพวกเขาลงมือเร็วกันจัง จริง ๆ แล้วไม่ต้องรีบเร่งก็ได้นะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ว่าเซี่ยฉางกู่และคนอื่น ๆ เป็นคนที่ไม่ยอมปล่อยให้มีเวลาว่าง “ไม่เป็นไรหรอกมู่หลาน พวกคุณอาฉางกู่เขาอยู่นิ่งกันไม่ได้ ตอนนี้ก็ตัดสินใจมาปักกิ่งแล้ว พวกเขาจึงวางแผนจะเริ่มทำงานก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปหาพวกเขา แล้วจะลองถามดูว่าพวกเขาต้องการอะไรไหม”
“ตกลง”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้ารับทันที หลังจากทั้งสองไปซิงหลินถังแล้ว ก็พบว่าฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงเริ่มทำงานขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว
“คุณอาฉิน คุณอาเซี่ย ที่นี่อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงหัวเราะฮ่า ๆ แล้วกล่าวว่า “ใช่ อีกเจ็ดแปดวันก็ใกล้เสร็จแล้ว หลังจากที่นี่เสร็จแล้ว ก็จะไปเริ่มทำงานที่ชานเมืองตะวันออกต่อ”
เมื่อได้ยินว่าเหลือเวลาตกแต่งอีกเจ็ดถึงแปดวันก็จะเสร็จแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเดือนหน้าพวกเราก็เปิดได้แล้วจริง ๆ ช่วงนี้ฉันกับพวกคุณอาฉางกู่จะรีบผลิตยาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนออกมา”
“ได้เลย”
ฉินมู่หลานพยักหน้าตอบตกลง หลังจากนั้นก็หันไปมองแล้วพูดกับฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิง “พ่อคะ ช่วงที่ผ่านมานี้ขอบคุณมากที่ตั้งใจทำงานกันอย่างหนัก เดี๋ยวหนูกับปิงหรุ่ยขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ได้ ลูกรีบกลับไปเถอะ ที่นี่ยังไม่เสร็จดี จะทำต่ออีกหน่อย”
หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกลับไป พวกเธอก็ตรงไปที่บ้านของเซี่ยฉางกู่อีกครั้ง
“คุณอาฉางกู่ อยู่กันหรือเปล่าคะ?”
เซี่ยฉางกู่และเซี่ยฉางซวนกำลังแปรรูปวัตถุดิบยาอยู่ในลานบ้านพอดี เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยและฉินมู่หลานมา ก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกเธอมาทำไมกันเหรอ”
ฉินมู่หลานยิ้มและตอบกลับ “คุณอาฉางกู่คะ ได้ยินปิงหรุ่ยบอกว่าพวกคุณเริ่มทำยากันแล้ว เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากมาดูค่ะว่าพวกคุณอาต้องการอะไรที่จำเป็นกันไหม”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เซี่ยฉางกู่ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่จำเป็นแล้วล่ะ พวกเรามีครบกันหมดแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ตอบรับ “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหากพวกคุณอาต้องการอะไร ก็แจ้งมาทางปิงหรุ่ยได้เลยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงมู่หลาน พวกเราเข้าใจแล้ว”
หลังจากฉินมู่หลานคุยกับเซี่ยฉางกู่อยู่อีกหลายคำแล้ว เธอก็วางแผนที่จะกลับไป เรื่องทางนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล และเซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดถึงเรื่องการเปิดซิงหลินถังขึ้นมา เธอยกยิ้มแล้วหันมองเซี่ยฉางกู่และคนอื่น ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “คุณอาฉางกู่คะ ช่วงนี้รบกวนคุณอาช่วยผลิตยาพวกนั้นเยอะหน่อยนะคะ หลังจากเปิดร้านแล้วพวกเราจะได้วางขายได้เลย”
เซี่ยฉางกู่ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้ พวกเราเข้าใจแล้ว”
หลังออกจากที่นี่แล้ว ฉินมู่หลานก็ตรงกลับบ้านทันที ทันทีที่เดินเข้าประตูมา ก็พบตู้เยว่เอ๋อร์นั่งรออยู่ตรงห้องโถง
ตู้เยว่เอ๋อร์ก็เห็นฉินมู่หลานเหมือนกัน จึงยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “หมอฉิน คุณกลับมาแล้ว”
ถึงจะเป็นเรื่องฉุกละหุกนิดหน่อย แต่ก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ สีหน้าของฉินมู่หลานไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผู้จัดการตู้ มาหามีธุระอะไรเหรอคะ”
“หมอฉิน เมื่อวานนี้ฉันได้หารือเรื่องคำสั่งซื้อจาก ผอ.หลิวแล้วค่ะ วันนี้ก็เลยอยากจะมาคุยกับคุณ แล้วก็อยากให้คุณช่วยลองตรวจชีพจรให้ฉันด้วยค่ะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยขณะก้าวเดิน “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันช่วยตรวจให้ผู้จัดการตู้นะคะ”
หลังจากทั้งสองนั่งลงแล้ว ฉินมู่หลานก็ตรวจชีพจรให้ตู้เยว่เอ๋อร์อย่างละเอียด ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผู้จัดการตู้วางใจได้ค่ะ คุณดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทารกในครรภ์ก็สมบูรณ์ดีค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ใบหน้าของตู้เยว่เอ๋อร์ก็มีรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานอีกครั้งแล้วกล่าวขอบคุณ “ยังไงก็ต้องขอบคุณหมอฉินมากเลยนะคะ ไม่เช่นนั้นฉันคงตั้งครรภ์ไม่ได้”
แต่หลังจากนั้น ตู้เยว่เอ๋อร์ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หมอฉินคะ คุณกับจงจีสนิทกันมากไหมคะ วันนั้นฉันเห็นพวกคุณไปกินเป็ดย่างด้วยกัน ถึงจะมีนักศึกษาอีกหลายคน แต่ก็ไม่ได้ไปที่นั่นกันทุกคนใช่ไหมคะ”
หลังจากวันนั้น หล่อนได้ลองตรวจสอบเรื่องการประชุมแลกเปลี่ยน ก่อนจะทราบว่ามีนักศึกษาแลกเปลี่ยนกันหลายคน แต่วันนั้นคนที่ไปกินเป็ดย่างกลับมีเพียงสี่คนเท่านั้น ส่วนอีกสี่คนไม่อยู่ที่นั่น จึงเป็นเหตุผลให้หล่อนเอ่ยถามคำถามนี้
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้ก็เหลือบมองตู้เยว่เอ๋อร์ ก่อนจะกล่าวอย่างเป็นกลาง “ก็ไม่ได้สนิทกันมากค่ะ ตอนแรกวันนั้นฉันจะเลี้ยงข้าวนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากอังกฤษ หลังจากหลี่หมิงฮุ่ยทราบ เขาก็ลากเยวี่ยจงจีมาด้วยกันค่ะ”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจผิด คิดว่าพวกคุณสนิทกัน”
ตู้เยว่เอ๋อร์ยกยิ้มแล้วอธิบายเพิ่ม แต่ดูไม่ค่อยแน่ใจนัก จึงลองถามอ้อม ๆ ว่าฉินมู่หลานได้บอกเยวี่ยจงจีเรื่องที่หล่อนตั้งครรภ์หรือไม่
ฉินมู่หลานเอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย “ผู้จัดการตู้ ฉันจะเอาเรื่องของคุณไปบอกคนอื่นทำไมกันคะ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ถึงอยากจะบอกก็ควรจะให้คุณบอกคนอื่นด้วยตัวเอง ไม่ใช่บอกผ่านปากฉันค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของตู้เยว่เอ๋อร์ก็เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “หมอฉินยังเชื่อถือได้ไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ยังไงก็อย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะคะ”
ฉินมู่หลานมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่กลับส่งไปไม่ถึงดวงตา
ตู้เยว่เอ๋อร์คนนี้กลัวว่าตัวเองจะบอกเรื่องของเธอกับเยวี่ยจงจี จึงลองมาถาม หากหล่อนพูดออกมาอย่างเปิดเผย เธอก็คงจะไม่นึกรังเกียจ แต่หล่อนกลับพูดอ้อมค้อมเหมือนในใจลึกๆ แล้วไม่เชื่อในตัวเธอ
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็จ้องมองตู้เยว่เอ๋อร์ด้วยสายตาเป็นประกาย แล้วเอ่ยถาม “ผู้จัดการตู้ อยากใหฉันจ่ายยาให้เพิ่มไหมคะ?”
ตู้เยว่เอ๋อร์ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มและปฏิเสธ
“หมอฉิน คุณก็เพิ่งพูดบอกไม่ใช่เหรอคะว่าทารกในครรภ์สมบูรณ์ดี ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องกินยาหรอกค่ะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าตู้เยว่เอ๋อร์ปฏิเสธ จึงอธิบายขึ้นตามตรง “ไม่ใช่ยาที่ทำให้แท้งหรอกค่ะ เป็นยาที่ดีต่อตัวคุณและลูก”
ถึงจะอย่างนั้น ตู้เยว่เอ๋อร์ก็ยังคงปฏิเสธ หลังจากคุยเรื่องคำสั่งซื้อกับฉินมู่หลานแล้ว สุดท้ายก็รีบลุกขึ้นแล้วกล่าวว่ “หมอฉิน ในเมื่อคุยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ค่ะ เดินทางะมัดระวังนะคะ”
เฝ้ามองแผ่นหลังของตู้เยว่เอ๋อร์ที่กำลังเดินจากไป สีหน้าของฉินมู่หลานก็ค่อย ๆ จางลง
เหอะ…นี่เป็นการปกป้องตัวเองโดยสมบูรณ์ เธอบอกไปแล้วว่าระหว่างเธอกับเยวี่ยจงจีไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่ตู้เยว่เอ๋อร์กลับทำตัวแบบนี้ ราวกับเป็นการข้ามแม่น้ำแล้วเผาสะพานทิ้ง* แต่มาคิดดูแล้ว ตู้เยว่เอ๋อร์เหมือนจะให้ความสำคัญกับเด็กในท้องอย่างมาก
*ตัดขาดความสัมพันธ์หลังได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการแล้ว
หลังจากซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือกลับมาในตอนเย็น ก็บอกเรื่องคำสั่งซื้อกับฉินมู่หลานด้วยสีหน้ามีความสุข
“มู่หลาน ดูเหมือนว่าธุรกิจทางฝั่งอ่องกงจะไปได้สวยจริง ๆ กลับมาสั่งซื้อรอบนี้เยอะมาก กลับกันทางฝั่งเราเหมือนจะไม่ดีเท่าฝั่งนั้นเลย” หลังจากพูดถึงตอนท้าย หล่อนก็อดหันมองฉินมู่หลานไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “มู่หลาน ก่อนหน้านี้ลูกบอกไม่ใช่เหรอว่าสถานีโทรทัศน์ที่ไห่เฉิงมีโฆษณา แม่คิดว่าพวกเราก็ลองทำที่นี่สักตัวได้เหมือนกันนะ นอกจากนี้พวกเราก็มีเคาน์เตอร์สินค้าอยู่ที่ห้างสองแห่งในไห่เฉิงด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ยุ่งมากจนลืมเรื่องนี้ไปเสียหมด
“แม่คะ ความคิดของแม่ดีมากเลยค่ะ ถ้างั้นเราไปลองดูก็ได้”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็มีแรงใจขึ้นมา “จริงเหรอ?”
“จริงแน่นอนค่ะ หนูรู้สึกว่าแม่กับแม่สามีกำลังจะรุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
ได้ยินลูกสาวชม ซูหว่านอี๋ก็มีความสุขอย่างยิ่ง “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกแม่เอง ตอนนี้ลูกกำลังยุ่งกับกิจการของทางซิงหลินถัง ไม่ต้องมากังวลเรื่องพวกนี้หรอก”
“ค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้มู่หลานไม่รับเผือกร้อนมาไว้กับมือนะคะ เห็นเค้าลางความวุ่นวายของตระกูลเยวี่ยอยู่ไกลๆ
แม่กับแม่สามีจะนั่งแท่นซีอีโอแทนมู่หลานแล้ว
ไหหม่า(海馬)