ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 606 คุ้นตา(2)
ตอนที่ 606 คุ้นตา(2)
ฉินมู่หลานอธิบายขั้นตอนการแต่งหน้าให้เฉาจิ้งฟัง นอกจากนี้ยังชี้ไปที่น้ำยาลบเครื่องสำอางที่อยู่ในกองเครื่องสำอางแล้วกล่าวว่า “ทุกวันก่อนเข้านอนอย่าลืมเช็ดเครื่องสำอางนะคะ ใช้ตัวนี้เป็นตัวเช็ดหน้าก่อน จากนั้นก็ตามด้วยคลีนเซอร์ ต่อไปก็ลองฝึกใช้ให้มาก ๆ นะคะ”
“วางใจค่ะสหายฉิน ฉันจะฝึกให้ดีเลยค่ะ”
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับไป เฉาจิ้งก็หยิบจับเครื่องสำอางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคนไร้เดียงสา
สวีก่วงซางเห็นก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ “ดูสิว่าเธอมีความสุขแค่ไหน นี่ดีใจมากเลยเหรอ”
“อื้ม ดีใจมากเลยค่ะ”
ตอนนี้เฉาจิ้งมีความสุขมาก ต่อจากนี้ไปหล่อนจะใช้เครื่องสำอางพวกนี้แต่งหน้าให้ตัวเอง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็แนะนำว่า “มู่หลาน จุดประสงค์ที่เรามาไห่เฉิงครั้งนี้ก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเราไปเดินช้อปปิ้งกันเถอะ มาครั้งนี้ พวกเรายังเดินชมไห่เฉิงไม่ทั่วเลย”
“ตกลงค่ะ พวกเราไปเดินกันตอนนี้เลย”
การเดินทางไปไห่เฉิงในครั้งนี้ของพวกเธอราบรื่นมาก ดังนั้นตอนนี้ก็ต้องเที่ยวพักผ่อนกันให้หนำใจเสียหน่อย
“ว้าว…มู่หลาน อันนี้ดูดีมากเลย”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนมองสร้อยคอทองคำที่อยู่ตรงหน้า ละสายตาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จี้ของสร้อยคอทองคำเส้นนี้เป็นรูปดอกไม้เสมือนจริง หล่อนไม่เคยเห็นสร้อยแบบนี้มาก่อนเลย
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันไปมอง ก่อนจะพบว่ามันสวยมาก จึงยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “พี่สะใภ้ ถ้าพี่คิดว่าสวยก็ซื้อสิคะ”
“แต่มันแพงมากเลยนะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็อยากซื้อเหมือนกัน แต่เมื่อเห็นราคาก็สะดุ้งนิดหน่อย ถึงตอนนี้ฐานะของพวกเขาจะดีมากแล้วก็ตาม หล่อนก็ยังประหยัดมาก จึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะจ่ายเงินซื้อของแพง
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เสวี่ยเยี่ยน เดี๋ยวฉันซื้อให้เธอเอง”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เหยาจิ้งจือก็สวมสร้อยคอเส้นนี้ให้ตนเสียแล้ว
“แม่คะ นี่มันแพงเกินไป”
เหยาจิ้งจือยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่แพงหรอก ตอนพวกเธอแต่งงานกัน ครอบครัวเราไม่ได้มีทองเตรียมไว้ให้เลย หลังจากนั้นฉันก็ยังไม่ได้ซื้อให้พวกเธอ วันนี้ก็ถือว่าได้สมใจอยากแล้ว”
พูดจบก็หันไปมองฉินมู่หลานอีกครั้งแล้วกล่าว “มู่หลาน เธอก็เลือกสักอันสิ ว่าถูกตาต้องใจอันไหน เดี๋ยวฉันซื้อให้”
ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธ บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่”
ฉินมู่หลานเลือกสร้อยข้อมือทองคำหนึ่งเส้น เป็นสไตล์ที่เรียบง่าย แต่ถึงจะเรียบง่ายก็สวยงามหรูหรามาก
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นว่าสร้อยทองคำที่ฉินมู่หลานเลือกมีขนาดเล็กมาก จึงรีบกล่าว “มู่หลาน ทำไมไม่เลือกเส้นที่ใหญ่กว่านี้ล่ะ”
“อันนี้ก็ดีแล้วค่ะ อันนี้สวยมาก”
เหยาจิ้งจือก็ทราบว่านี่คงเป็นเพราะลูกสะใภ้คนเล็กกลัวว่าลูกสะใภ้คนโตจะได้ไม่เท่าเทียมกัน แต่หล่อนคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ว่าจะไม่ซื้อให้แค่ชิ้นเดียว ต่อไปหล่อนจะซื้อทองหลายแบบให้กับสะใภ้ทั้งสองอีก ให้ทั้งสองได้รับเท่าเทียมกัน
ฉินมู่หลานก็ไม่ทันคาดคิดว่าออกมาเดินช้อปปิ้งหนึ่งรอบ เธอกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนจะได้รับของมากมาย
ซูหว่านอี๋ไม่ค่อยสนใจเครื่องประดับเงินทองมากนัก หล่อนมองดูสิ่งที่เด็กเล็กสามารถสวมใส่วิ่งเล่นได้ จึงวางแผนจะซื้อของขวัญให้พวกเด็ก ๆ
“มู่หลาน ลูกว่าอันนี้สวยไหม แม่ว่าถ้าชิงชิงใส่แล้วน่าจะดูดีนะ”
ฉินมู่หลานมองไปยังหมวกที่ซูหว่านอี๋ชี้ไป พลางยิ้มแล้วบอกกล่าว “สวยค่ะ”
ก่อนหน้านี้ไปซื้อเครื่องประดับ จากนั้นฉินมู่หลานและหลี่เสวี่ยเยี่ยนรวมถึงซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไปหาซื้อของให้เด็ก ๆ จนรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองปวดขาไปหมดแล้ว
“แม่คะ พวกเรานั่งพักกันสักหน่อยเถอะ”
“ได้ พักกันก่อน”
หลังจากหลายคนนั่งลงกันแล้ว ฉินมู่หลานก็วางแผนจะไปซื้อเครื่องดื่มให้พวกเธอ เพียงแต่เธอเพิ่งลุกขึ้นยืน ก็เห็นร่างคุ้นตาปรากฎขึ้นอยู่ตรงหน้า ขณะที่เธอต้องการมองดูให้ชัดเจนกว่าเดิมอีกหน่อย ก็พบว่าร่างคุ้นตานั้นหายไปเสียแล้ว ทันใดนั้นเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองอาจตาฝาด
“มู่หลาน เธอกำลังมองอะไรอยู่เหรอ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลานยืนนิ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะถามเพิ่ม
“ฉันเหมือนจะเจอคนรู้จักค่ะ”
“เจอใครเหรอ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความอยากรู้ แม้แต่ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็พากันมองมา
“ฉันรู้สึกเหมือนจะเห็นตู้เยว่เอ๋อร์ค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ หลายคนก็พากันตกกใจ ซูหว่านอี๋อดไม่ได้ที่จะพูด “เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ตู้เยว่เอ๋อร์กำลังซ่อนตัวเลี้ยงลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ หล่อนจะมาปรากฏตัวในไห่เฉิงได้ยังไง”
เหยาจิ้งจือก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้อย่างมาก
“ใช่แล้ว ตอนนี้หล่อนต้องซ่อนตัว ไม่ควรมาปรากฎตัวในไห่เฉิงที่คนพลุกพล่านขนาดนี้สิ และนี่ก็อยู่บนท้องถนนด้วย หล่อนไม่กลัวโดนตามตัวพบหรอกหรือ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ ฉันอาจจะตาฝาดไป”
หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็ไม่ได้พยายามดิ้นรนหาอีกแล้ว และเดินไปซื้อเครื่องดื่มแทน
แต่แล้ว ในมุมที่ฉินมู่หลานมองไม่เห็น ตู้เยว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วมองไปที่ฉินมู่หลานและซูหว่านอี๋ “พวกหล่อนมาทำอะไรที่ไห่เฉิง?”
ในใจของหล่อนรู้สึกสงสัย อยากรู้เหลือเกินว่าฉินมู่หลานเห็นตัวเองหรือเปล่า
ตู้เยว่เอ่อร์ซ่อนตัวอยู่ตรงหลืบมุมแล้วจ้องมองพวกฉินมู่หลาน เพียงแต่ฉินมู่หลานว่องไวมาก มองไปเพียงสักพักก็หันมามองทางนี้ ตู้เยว่เอ๋อร์เห็นแบบนี้ก็รีบหันกลับไปทางอื่นทันที หลังจากนั้นก็เดินไปจากตรงนี้ปะปนไปกับฝูงชน
“ทำไมเหรอมู่หลาน”
“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองเราอยู่ค่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือไม่รู้สึกอะไรเลย พวกหล่อนคิดว่าฉินมู่หลานรู้สึกไปเอง “มู่หลาน หรือว่าหลายวันมานี้เหนื่อยเกินไป พวกเรากลับที่พักกันเลยไหม จะได้พักผ่อนกันให้เต็มที่”
“ก็ดีค่ะ”
หลังจากทุกคนกลับถึงที่พักก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ไปที่โรงถ่ายทำอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้พวกเธอไม่ทันคาดคิดก็คือ หลังจากที่พวกไปถึง สวีก่วงซางและคนอื่นเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
มีเพียงเฉาจิ้งเท่านั้นที่กำลังมองฉินมู่หลานด้วยท่าทีประหม่า “สหายฉินคะ เมื่อวานนี้คุณตั้งใจสอนฉันจริงจังมากเลย แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ”
ฉินมู่หลานทราบดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นเร็วขนาดนั้น เธอจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ต้องใช้เวลาฝึกฝน ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยววันนี้ฉันจะแต่งให้คุณก่อน คุณก็ตั้งใจดูนะคะ”
“ค่ะ”
หลังจากเฉาจิ้งเตรียมตัวพร้อมแล้ว การถ่ายทำโฆษณาก็เริ่มต้นขึ้น
ความหมายที่โฆษณาตัวนี้ต้องการสื่อนั้นเรียบง่ายมาก เพียงแค่เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งที่แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางนี้เหมือนกัน ก็จะกลายเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์คนหนึ่ง
“ความสวย ไม่เคยง่ายเท่านี้มาก่อน”
หลังจากเฉาจิ้งพูดประโยคสุดท้ายจบ การถ่ายทำโฆษณาทั้งหมดก็สิ้นสุดลง
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตู้เยว่เอ๋อร์มาทำอะไรที่นี่กันน้า มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ที่นี่หรือเปล่า