ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 616 ยาลูกกลอนบำรุงร่างกาย
ตอนที่ 616 ยาลูกกลอนบำรุงร่างกาย
ฉินมู่หลานรีบลงมือรวดเร็ว แน่นอนว่าเมื่อนึกถึงกลยุทธ์นี้แล้วต้องดำเนินการอย่างดี เธอจึงได้เรียกทุกคนมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องความเป็นไปได้ของเรื่องนี้
เซี่ยปิงชิงได้รับฟังเซี่ยปิงหรุ่ยพูดถึงเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว และหล่อนเห็นด้วยอย่างมากกับการตัดสินใจของฉินมู่หลาน
“มู่หลาน ฉันคิดว่าได้นะ ถึงเวลานั้นก็หาคนมาถ่ายโฆษณาเหมือนกับร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ย ผลลัพธ์ออกมาจะต้องดีแน่ ๆ”
เมื่อได้ยินเซี่ยปิงชิงพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงหันไปมองด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ปิงชิง เธอคิดเหมือนฉันเลย ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คราวนี้ซิ่งหลินถังจะติดต่อนักแสดงจากบริษัทภาพยนตร์ปักกิ่งมาถ่ายโฆษณาชิ้นนี้”
ทั้งเซี่ยฉางกู่และเซี่ยฉางซวนไม่มีความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะซิ่งหลินถังมีพวกของฉินมู่หลานเป็นผู้รับผิดชอบดูแลร้านอยู่แล้ว ทั้งสองแค่ต้องผลิตยาดีๆออกมาเท่านั้น
คังอันเหอมองไปที่ฉินมู่หลานอย่างใคร่รู้และเอ่ยถามว่า “มู่หลาน ซิ่งหลินถังมียามากมาย เราจะแนะนำยาตัวไหนดี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงก็เงี่ยหูรอฟังความคิดเห็นของฉินมู่หลานเช่นกัน
ฉินมู่หลานคิดถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว จึงตอบทันที “ฉันตั้งใจจะแนะนำยาลูกกลอนบำรุงร่างกาย ยาลูกกลอนบำรุงร่างกายตัวนี้ทุกคนกินได้หมดไม่จำเป็นว่าต้องตรงตามอาการ ดังนั้นเราจึงควรเลือกยาลูกกลอนตัวนี้ พวกเธอคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
นั่นคือความคิดของเธอ แต่ความคิดเห็นของคนอื่นๆ ก็มีความสำคัญ ฉินมู่หลานจึงต้องปรึกษาหารือกับพวกเขาก่อน
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็มองมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “มู่หลาน เราสองคนใจตรงกันเลย ฉันก็คิดถึงยาลูกกลอนบำรุงร่างกายเหมือนกัน ยาลูกกลอนตัวอื่นๆ ไม่ค่อยเหมาะสมเพราะมีสรรพคุณจำเพาะเจาะจง มีแค่ยาลูกกลอนบำรุงร่างกายที่ไม่มีปัญหานี้ ทุกคนกินบำรุงร่างกายได้หมด”
ฉินมู่หลานไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงหรุ่ยก็คิดเหมือนกัน
“จริงเหรอ งั้นดีเลย”
เซี่ยปิงชิงและคังอันเหอไม่มีความเห็นต่าง ทางด้านเซี่ยฉางกู่และเซี่ยฉางซวนก็เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงได้ตัดสินใจเลือกยาที่จะทำการโปรโมทได้อย่างรวดเร็ว
“ต่อไปเราจะมาคุยกันเรื่องโฆษณา ฉันมีแนวคิดคร่าวๆ อยู่ อยากให้ทุกคนดูว่าใช้ได้ไหม”
นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ฉินมู่หลานจึงอดคิดถึงโฆษณาอาหารเสริมชิ้นหนึ่งที่ค่อนข้างติดหูไม่ได้ และคิดว่าจะนำมาปรับใช้กับงานของเธอ “ทุกคนคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
เซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงไม่เคยได้ยินคำโฆษณาเช่นนี้มาก่อน และคิดว่ามันแปลกใหม่มาก “ทำได้นะมู่หลาน ลองใช้คำโฆษณาแบบนี้ดูก็ได้ นี่ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว เราก็นำยาบำรุงร่างกายมาบรรจุหีบห่อให้สวยงามมอบเป็นของขวัญได้”
คังอันเหอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นแล้วกล่าวว่า “ถูกแล้ว เราเอามาห่อบรรจุให้ดูดีได้”
ก่อนหน้านี้หล่อนได้นำยาบำรุงร่างกายนี้ไปให้พ่อและและอารอง ซึ่งทั้งสองท่านต่างมีปฏิกิริยาตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นหล่อนจึงคิดว่าสามารถนำยาบำรุงร่างกายนี้ไปมอบเป็นของขวัญในเทศกาลได้
เมื่อเห็นว่าผู้อื่นเห็นด้วย ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดีมาก คำโฆษณาเอาประมานนี้แล้วกัน ติดที่เราจะเขียนโฆษณาประกาศนี้ออกไปยังไงดี ฉันว่าจะจ้างคนมาเขียนให้เรียบร้อยอยู่”
ช่วงนี้เธอเตรียมที่จะวิจัยยาใหม่ ดังนั้นจึงไม่คิดจะเสียเวลากับเรื่องนี้ การหาผู้อื่นมาทำงานแทนย่อมสะดวกกว่า ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอาจจำเป็นต้องถ่ายทำโฆษณาอีกมากมาย หากให้เธอเป็นผู้เขียนทุกโฆษณาคงต้องใช้เวลามากมายมหาศาล
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้นจึงเสนอแนะขึ้นข้างๆ “มู่หลาน ให้ชุนเถาช่วยเขียนได้ไหม หล่อนเขียนบทความเก่งไม่ใช่เหรอ?”
“ได้สิ ไว้ตอนไปเรียนวันจันทร์ พวกเราไปถามชุนเถากัน”
หลังจากพูดคุยเรื่องนี้จบ ฉินมู่หลานก็กล่าวถึงเรื่องยาใหม่ที่ตนกำลังวิจัยอยู่ “เมื่อชื่อเสียงของยาบำรุงร่างกายเป็นที่รู้จักแล้ว ยาลูกกลอนอื่นๆ ของซิ่งหลินถังของพวกเราจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากยาลูกกลอนที่มีอยู่เดิมแล้ว เรายังต้องมุมานะวิจัยยาอื่นๆ อีกด้วย จะได้ทำให้ซิ่งหลินถังของเราเติบโตยิ่งใหญ่”
“ดีมาก พวกเราจะต้องตั้งใจพัฒนา”
เดิมทีเป้าหมายของเซี่ยปิงหรุ่ยคือแบบนี้ หล่อนจึงตะโกนออกมาเสียงดังที่สุด ส่วนเซี่ยปิงชิงและคังอันเหอต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ใครเล่าจะไม่ต้องการทำให้ธุรกิจของตนประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยปิงชิงก็ได้คิดค้นตำรับยาใหม่ขึ้นมา
“มู่หลาน ฉันได้พัฒนายาตัวใหม่ขึ้นมาเหมือนกัน เป็นยาแก้พิษ โดยเฉพาะยาเม็ดที่ใช้แก้พิษงูทุกชนิด ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
“จริงเหรอปิงชิง หากมียาแก้พิษแบบนี้ คงจะดีไม่น้อย หากผู้ที่ถูกงูกัดพกยาแก้พิษเม็ดนี้ไว้ อาจจะเป็นยาเม็ดที่รักษาชีวิตได้ เธอพัฒนาขึ้นมาได้แล้วเหรอ?
เซี่ยปิงชิงหยิบขวดกระเบื้องใบเล็กใบหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “เดิมทีฉันตั้งใจจะบอกเรื่องนี้เธอแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะพอดี นี่คือยาแก้พิษที่ฉันได้ทำขึ้น เธอส่งไปตรวจสอบได้ หากใช้ได้จริง ซิ่งหลินถังของเราก็เริ่มผลิตได้แล้ว”
หลังจากฉินมู่หลานรับไปแล้ว เธอก็พยักหน้ารับปากว่า “ดี ฉันจะเอาเม็ดยาไปตรวจสอบ ว่าแต่ยานี้สามารถถอนพิษงูได้กี่ชนิด?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ถอนพิษงูส่วนใหญ่ได้นะ”
“ได้ ฉันจะเอาไปตรวจสอบให้แน่ใจ”
คังอันเหอมองฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงด้วยความอิจฉา ทั้งสามคนนี้เก่งมาก มีแต่หล่อนที่ไร้ความสามารถ ทำได้แต่เรื่องง่ายๆ
ฉินมู่หลานหันไปพอดี เมื่อเห็นท่าทางเศร้าหมองของคังอันเหอ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “อันเหอ เธอปรับตัวกับซิ่งหลินถังได้หรือยัง ก่อนนี้ฉันได้คุยกับคุณปู่ลั่วแล้วนะ หากเธอมีปัญหาอะไรก็ซักถามท่านได้ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์มาก เธอจะได้เล่าเรียนสิ่งต่างๆ มาไม่น้อย แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่ รอท่านกลับจากซีอานก่อน แล้วเธอจะเรียนรู้อะไรกับท่านเยอะแยะมากมายเลยล่ะ”
คังอันเหอได้ฟังเช่นนั้น เธอก็รีบพยักหน้าและรับปากว่า “อื้ม ฉันจะตั้งใจเรียน”
ที่ก่อนหน้านี้คุณปู่ลั่วตั้งคำถามกับหล่อนสารพัดก็เพราะจะสอนนั่นเอง เพียงแต่ตอนนั้นหล่อนนึกว่าท่านรู้สึกเบื่อหน่ายอยากคุยกับตนเท่านั้น จึงโง่เขลาเกินกว่าจะสังเกตเห็น
เซี่ยฉางกู่ก็อดที่จะส่ายศีรษะเมื่อนึกถึงผู้เป็นบิดาไม่ได้ พ่อของเขากระตือรือร้นที่จะหาคู่ครองให้เขาถึงขั้นเดินทางไปไกลขนาดนั้น
ส่วนเซี่ยฉางซวนและพวกพากันแอบหัวเราะล้อเลียนเซี่ยฉางกู่ เพียงว่ามีฉินมู่หลานและพวกน้องๆ อยู่ด้วย พวกเขาก็เลยไม่ได้พูดอะไรมากมาย
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ฉินมู่หลานก็ให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงานของตน
“การประชุมในวันนี้จบลงเท่านี้ หลังจากปรับปรุงโรงงานแถวชานเมืองเสร็จ พวกเราจะมาประชุมกันอีกครั้ง จากนั้นก็เดินทางไปสำรวจโรงงานนั้นด้วยกัน”
“ได้”
หลังจากทั้งสามคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาก็แยกย้ายกันไป
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือโรงงานแถบชานเมืองจวนจะบูรณะเสร็จแล้ว
“พ่อ ไหนบอกว่าต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนไม่ใช่เหรอคะ ทำไมเสร็จเร็วอย่างนี้ล่ะ?”
เมื่อฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินดังนี้ จึงหัวเราะพลางกล่าวว่า “เดิมทีก็ต้องอีกครึ่งเดือน แต่ช่วงนี้มีคนมาช่วยงาน จึงเสร็จเร็วกว่ากำหนด”
“มีคนมาช่วยเหรอคะ?”
เมื่อเห็นท่าทางสับสนของบุตรสาว ฉินเจี้ยนเซ่อจึงหัวเราะพลางอธิบายว่า “ลูกยังจำที่พ่อเคยเล่าให้ฟังถึงอาเหอซิ่งหมินได้ไหม ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้นำคนงานมาช่วยพวกเรา เราเลยสร้างโรงงานแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว”
เซี่ยเหวินปิงซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ กล่าวเสริมว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ใกล้ปีใหม่พอดี ช่างก่อสร้างของเขากลับมาก่อนกำหนด พอพวกเขารู้ว่าพวกเรายังคงทำงานอยู่เลยมาช่วยงานพวกเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานจึงรีบกล่าวว่า “หากเป็นแบบนั้น พวกเราก็ต้องจ่ายค่าแรงให้พวกเขาอย่างงามแล้วค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อโบกมือปฏิเสธพลางกล่าวว่า “อาของเธอไม่รับเงินหรอก เพราะว่าพวกเราเคยช่วยเหลือพวกเขาตอนที่อยู่เซินเจิ้น พวกเขาจึงจดจำบุญคุณไว้เสมอ ครั้งนี้จึงมาช่วยเหลือพวกเรา”
ฉินมู่หลานเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องขอบคุณพวกเขาให้ดี”
“อย่ากังวลเลยมู่หลาน พวกเราได้ขอบคุณพวกเขาไปแล้ว และโรงงานก็จวนเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้พวกหนูไปดูที่โรงงานแล้วกัน หากเป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือมีส่วนใดไม่พึงพอใจก็มาแจ้ง จะได้แก้ไข”
“ได้ค่ะพ่อ พรุ่งนี้พวกเราจะไปดู”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็เรียกทุกคนไปที่โรงงานในเขตชานเมือง
“โห… ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ เมื่อตกแต่งใหม่แล้วก็ไม่เหมือนเดิมจริง ๆ” เซี่ยปิงหรุ่ยมองโรงงานตรงหน้าพลางพยักหน้า จากนั้นจึงหันไปมองฉินมู่หลาน “มู่หลาน พวกเราขนย้ายอุปกรณ์เข้ามาเลยได้หรือเปล่า”
หลังจากที่โรงงานแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงตกแต่งใหม่ หล่อนก็ได้พูดคุยกับทางคุณปู่ และได้จัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้องรีบขนาดนั้น เปิดระบายกลิ่นอีกสักหน่อยค่อยขนเข้ามา”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกล่าวเช่นนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม และเตรียมรอขนย้ายของเข้ามา ทว่าสิ่งที่หล่อนกำลังหนักใจตอนนี้คือการรับสมัครงาน “มู่หลาน พวกเราจำเป็นต้องรับสมัครคนงานเพิ่มหรือเปล่า ตอนนี้ซิ่งหลินถังยังไม่ได้ขายยาลูกกลอนออกไปมากนัก ดูเหมือนว่าเราคงยังไม่ต้องการคนมากขนาดนั้น”
“ไม่เป็นไร ลองรับสมัครดูก่อนแล้วกัน เพราะยังไงในอนาคตก็ยังต้องรับ ลำพังพวกอาฉางกู่กับพวกเขาคงผลิตกันไม่ไหวหรอก”
เมื่อเซี่ยฉางกู่และคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ และรู้ว่าจะต้องรับคน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน ยังมีคนของพวกเราที่อยากมาทำงานในปักกิ่งอีกหลายคนเลย ไม่รู้ว่าโรงงานจะรับพวกเขาได้ไหม?”
“อาฉางกู่ ตราบใดที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ฉันจะรับสมัครเขาแน่นอนค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซี่ยฉางกู่ก็รู้สึกโล่งใจ “ได้ งั้นหลังปีใหม่อาจะแจ้งพวกเขาทันทีเลย พวกเขามีฝีมือผลิตยาไม่เลว ตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกโล่งใจ
ส่วนเซี่ยฉางกู่และคนอื่นๆ เห็นว่าด้านหลังมีบ้านสำหรับพักอาศัย จึงคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่
“อาฉางกู่ พวกอารออีกสักพักแล้วค่อยย้ายมาอยู่ที่นี่นะคะ เพราะบ้านต้องเปิดระบายอากาศก่อน” ฉินมู่หลานยังรู้สึกว่าบ้านที่เพิ่งจะตกแต่งเสร็จควรต้องเปิดระบายกลิ่นต่ออีกสักหน่อย
“ได้สิ เราค่อยย้ายมาหลังปีใหม่แล้วกัน”
“ค่ะ”
หลังปีใหม่ก็คงจะใช้ได้แล้ว
หลังจากที่ทุกคนได้เดินชมกันไปทั่วทั้งบริเวณและไม่พบปัญหาใดๆ จึงได้ชำระเงินค่าใช้จ่ายให้กับพวกของฉินเจี้ยนเซ่อ
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงและคนอื่นๆ ได้รับเงินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะรู้สึกเหมือนได้รับเงินจากคนรุ่นหลัง แต่ถึงจะเป็นญาติก็ต้องคิดค่าใช้จ่ายเก็บค่าจ้าง
ตั้งแต่นี้ไปโรงงานผลิตยาแห่งนี้ก็จะเปิดดำเนินการแล้วสินะ
หลิวเสวียข่ายได้รับข่าวแล้วก็เดินทางมาที่นี่ “มู่หลาน โรงงานยาของคุณจะรับคนเพิ่มหรือเปล่าครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าพลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ใช่ค่ะ ต้องรับคนเพิ่มอย่างแน่นอน หากหัวหน้าหลิวมีผู้สมัครที่เหมาะสมก็แนะนำให้ฉันได้เลยนะคะ”
คนงานจำนวนมากในโรงงานผลิตเครื่องสำอางเมื่อก่อนก็เป็นหลิวเสวียข่ายแนะนำมาเหมือนกัน และก็ทำงานได้ดีมาก
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวเสวียข่ายก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม “เช่นนั้นก็ดีเลย ผมมีคนฝีมือดีอยู่หลายคน คุณต้องการรับสมัครตำแหน่งอะไรบ้างเหรอ?”
ฉินมู่หลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “หัวหน้าหลิว ฉันมีตำแหน่งที่สำคัญมากตำแหน่งหนึ่งซึ่งต้องการผู้มีประสบการณ์ค่ะ”
“ตำแหน่งอะไรเหรอ?”