ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 620 ข้อเสนอ(2)
ตอนที่ 620 ข้อเสนอ(2)
เนื่องจากหล่อนเป็นแขกที่เซี่ยเหยียนลั่วพามา ฉินมู่หลานจึงปฏิบัติต่อเธอด้วยความสุภาพ หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับเซี่ยเหยียนลั่วว่า “คุณปู่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันสิคะ ถือว่าเป็นการต้อนรับพวกคุณ แล้วก็ชวนอาฉางกู่กับคนอื่นๆ มากินด้วยกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยเหยียนลั่วก็แสดงความดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ได้ เรียกฉางกู่กับฉางซวนมาด้วยก็ดี เราจะได้กินข้าวกันอย่างอบอุ่นครื้นเครง” พูดจบเขาก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเอ็นดู เมื่อพูดถึงเรื่องความเอาใจใส่ ปัญหาเรื่องดูตัวก็ได้เธอช่วยเข้ามาจัดการให้อย่างเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เขาก็คิดว่าจะให้ชุยจวี๋และลูกชายของเขาเจอกันอย่างไร แต่พอมู่หลานเรียกมากินข้าวด้วยกัน มันก็ช่วยขจัดความกังวลของเขาไปได้
ตอนนี้สายมากแล้ว ฉินมู่หลานจึงพาพวกเขาทั้งหมดไปที่ภัตตาคารปักกิ่ง ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปแจ้งเรื่องนี้กับเซี่ยฉางกู่
รอจนทุกคนมาถึง ฉินมู่หลานก็สั่งให้คนนำอาหารเข้ามาตั้งโต๊ะ
เซี่ยฉางกู่ได้ยินเซี่ยปิงหรุ่ยพูดถึงชุยจวี๋มาตั้งแต่ตอนอยู่ระหว่างทางแล้ว เมื่อเห็นตัวจริงก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพียงแต่ว่าในใจได้วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะไม่หาภรรยาใหม่ ต่อให้บิดาของเขาโน้มน้าวอย่างไรเขาก็จะไม่ยินยอม
เซี่ยเหยียนลั่วไม่รู้ถึงความคิดของลูกชายตนเอง ในจังหวะนั้นเขาก็ลุกขึ้นพร้อมพูดกับเซี่ยฉางกู่ว่า “ฉางกู่ นี่คือชุยจวี๋ หล่อนเป็นหญิงที่ขยันหมั่นเพียรมาก นิสัยก็เรียบร้อย พ่อว่าเธอเหมาะสมกับแกมากเลยนะ”
เห็นว่าบิดากล่าวออกมาแล้ว เซี่ยฉางกู่ก็ได้แต่แสดงสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ได้กล่าวความคิดของตนเองออกมา
“พ่อ ผมไม่มีความคิดที่จะหาภรรยาใหม่”
“แก…”
ได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ สีหน้าของเซี่ยเหยียนลั่วก็เคร่งเครียด เขาเตรียมจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าฉินมู่หลานก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “คุณปู่คะ กินข้าวกันก่อนดีกว่าไหมคะ ค่อยว่าเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้”
ชุยจวี๋ที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดก็กล่าวเสริม “จริงด้วยค่ะ กินข้าวกันก่อนดีกว่านะคะ”
เซี่ยเหยียนลั่วจึงสูดลมหายใจลึก และยอมอ่อนข้อลง “อืม งั้นก็กินข้าวกันก่อน”
ฉินมู่หลานรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เป็นการถามเรื่องยาบำรุงสุขภาพ
เซี่ยปิงชิงกับคังอันเหอได้ยินคำถามก็แสดงความตื่นเต้นออกมาเต็มที่ “มู่หลาน ยาบำรุงสุขภาพในร้านขายหมดแล้ว มีลูกค้าจำนวนมากที่ซื้อไม่ทันและบอกว่าพรุ่งนี้จะมาร้านอีก ฉันก็อธิบายไปแล้วว่าพรุ่งนี้ไม่มี แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง บอกว่าอยากจะมาดูด้วยตา”
ได้ยินแบบนี้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ดูเหมือนว่าครั้งนี้กลยุทธ์จะได้ผล ชื่อเสียงของยาบำรุงร่างกายได้แพร่สะพัดออกไปแล้ว
พูดถึงการทำงาน เซี่ยฉางกู่จริงจังขึ้นมาทันที
“อย่างน้อยก็ต้องรออีกสามวัน เราจะเร่งผลิต แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ก็ไม่ไหวแล้ว เพราะพวกเราขาดคน”
มีเพียงเซี่ยเหยียนลั่วที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ยาบำรุงร่างกายจะมีปัญหาอะไรได้ เพราะอย่างไรก็มีคนแห่กันมาซื้อจนของหมด”
เมื่อก่อนที่เขาอยู่ซิ่งหลินถังยังไม่ค่อยมีใครมาซื้อเลย
เซี่ยปิงหรุ่ยยิ้มกริ่มแล้วเล่าเรื่องโฆษณาและเรื่องความสำเร็จของยาบำรุงร่างกายให้เซี่ยเหยียนลั่วฟัง
เซี่ยเหยียนลั่วได้ยินแล้วก็อดพยักหน้าไม่ได้ “ก็ต้องให้พวกคนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอแหละคิดหาวิธีเก่งๆ วิธีนี้ดีทีเดียว”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชุยจวี๋ฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินว่าขาดคนก็อดทำให้แววตาของหล่อนเป็นประกายไม่ได้ หล่อนรู้ว่าเซี่ยฉางกู่ไม่อยากหาคู่ แต่หล่อนก็อยากจะอยู่ต่อไม่อยากกลับซีอานเช่นกัน ดังนั้นหากการดูตัวไม่สำเร็จก็จะอยู่ทำงานแทน อย่างไรคงจะสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้
เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้ หล่อนเองก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามอะไร
เพราะมียาบำรุงร่างกายเป็นเรื่องให้พูดคุย ทุกคนจึงค่อนข้างอารมณ์ดี เพียงแต่พอกินข้าวเสร็จแล้ว เซี่ยเหยียนลั่วก็ยังกลับมาพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง เพราะเขาอยากให้เซี่ยฉางกู่ตัดสินใจตรงนั้น
คิ้วของเซี่ยฉางกู่ขมวดขึ้นทันที เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่บิดาของเขาก็ยังรั้น
ชุยจวี๋เม้มปาก หล่อนอยากจะพูดว่าจริงๆ แล้วตนเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเซี่ยฉางกู่ เพียงแต่รู้ว่านี่คือความปรารถนาดีของเซี่ยเหยียนลั่ว เขาอุตส่าห์พาหล่อนมายังปักกิ่งเพราะอยากช่วยให้หล่อนหลุดพ้นจากเรื่องยุ่งๆ ของบ้านเกิดเมืองนอนได้ ดังนั้นเรื่องบางอย่างหล่อนก็ไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะเกรงว่าจะทำร้ายจิตใจของเซี่ยเหยียนลั่ว
ฉินมู่หลานเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง เธอก็อดปวดหัวไม่ได้ เซี่ยฉางกู่ไม่อยากแต่งงาน แต่เซี่ยเหยียนลั่วกลับอยากให้ลูกชายแต่งงานอีกครั้ง เรื่องแบบนี้มันยากที่จะชี้แนะจริงๆ
ยังดีที่กู้วั่งหลานพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโส ลองให้คุณชุยไปทำงานที่ซิ่งหลินถังก่อนดีไหมครับ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉางกู่และคุณชุยได้เจอกัน พวกเขายังไม่รู้จักกันดี จะให้พวกเขามาตกลงปลงใจเลยมันคงยากเกินไปหน่อย อย่างน้อยก็ควรให้พวกเขาลองคุยกันดูก่อน”
ตอนแรกเซี่ยเหยียนลั่วกำลังโกรธลูกชายอยู่ แต่พอได้ยินกู้วั่งหลานพูดก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดี และวิธีนี้ก็ดูเข้าท่า ถ้าทั้งสองคนได้คุ้นเคยกันไปทีละน้อย ในอนาคตก็คงจะค่อยๆ ใจอ่อน
“ผู้จัดการกู้ช่างมีความคิดรอบคอบ งั้นให้ชุยจวี๋ไปทำงานที่ซิ่งหลินถังก่อนก็ได้”
เซี่ยฉางกู่ได้ยินดังนั้นเขาก็มองไปที่กู้วั่งหลาน คาดไม่ถึงว่ารองผู้จัดการโรงงานคนใหม่คนนี้จะช่วยเขาแก้ปัญหา แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ งั้นให้คุณชุยไปทำงานก่อนแล้วกัน”
ชุยจวี๋แทบไม่เชื่อในโชคชะตาของตนเอง เมื่อครู่ยังคิดอยู่เลยว่าหากหาคู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะตนอยู่ในปักกิ่งหารายได้เลี้ยงดูตนเองได้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้งานทำง่ายดายแบบนี้ “ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสฉันไปทำงานที่็ซิ่งหลินถัง”
เมื่อเซี่ยเหยียนลั่วเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองชุยจวี๋อีกครั้ง เห็นว่าหล่อนต้องการทำงานจริงๆ จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดี งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ไปทำงานที่ซิ่งหลินถังได้เลย”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่”
ชุยจวี๋ยิ้มอย่างตื่นเต้นและรู้สึกว่าชีวิตในอนาคตมีความหวัง
ตั้งแต่ที่สามีเสียไป สะใภ้ที่ไม่เคยมีลูกอย่างตนก็ถูกครอบครัวสามีเก่าไล่ออกมา โชคดีที่พี่น้องครอบครัวฝ่ายแม่ใจดี จึงให้ตนอยู่ด้วย ถึงอย่างไรตนก็ขยันทำงานและช่วยเหลือทุกอย่างภายในบ้าน แต่นั่นไม่ใช่วิธีการที่ดีในระยะยาว ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าครอบครัวเซี่ยกำลังหาผู้หญิงมาแต่งงานกับชายที่หย่าร้าง ตนจึงหาโอกาสสอบถามจากหลายๆ ทาง และในที่สุดก็พบโอกาส
โชคดีที่ความคิดของตนถูกต้อง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้แต่งงาน แต่ก็พึ่งพาตนเองได้
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็เบาใจลง เพราะเธอรู้ว่าช่วงนี้ซิ่งหลินถังงานยุ่งมาก สมควรที่ต้องหาคนมาทำงานเพิ่มอีกสักคน ถึงแม้จะไม่ใช่ชุยจวี๋ เธอก็ตั้งใจว่าจะหาคนมาเพิ่มอยู่แล้ว
“คุณปู่คะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
“อื้ม”
ทุกคนทยอยเดินออกไป กู้วั่งหลานเดินอยู่ท้ายสุด ฉินมู่หลานก็ค่อยๆ เดินไปข้างๆ เขาแล้วพูดว่า “ผู้จัดการกู้ ชุนเถาอยากจะเลี้ยงข้าวพวกเรา งั้นเดี๋ยวเราก็ไปด้วยกันเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผอ.กู้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว มู่หลานเลือกคนมาทำงานไม่ผิดคนแล้ว
ไหหม่า(海馬)