ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 627 ฉลองตรุษจีนของคนสองคน(2)
ตอนที่ 627 ฉลองตรุษจีนของคนสองคน(2)
…………….
ตอนที่ 627 ฉลองตรุษจีนของคนสองคน(2)
“มู่หลาน ผมคิดถึงคุณมากเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็กอดเซี่ยเจ๋อหลี่กลับด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ”
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึกได้ว่าช่วงเวลานี้ช่างหอมหวาน ก่อนหันอยู่เงียบ ๆ สักพัก จากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ปล่อยมือออก “เดี๋ยวผมมีเวลาว่าง จะกลับบ้านไปหาคุณกับพวกลูก ๆ นะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ดึงให้เซี่ยเจ๋อหลี่นั่งลงพลางกล่าว “ดูสิคะ ว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นของตรงหน้าเยอะมาก มีทั้งเกี๊ยว ขนมทอดน้ำมัน หมูแช่เย็น หมูตุ๋น นอกจากนี้ยังทำฮวาปั๋วปัวมาด้วย “น่ากินไปหมดเลย มู่หลาน ลำบากคุณแล้ว”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วส่ายหัว พลางบอกกล่าว “ที่เหลือนี่พวกแม่ทำหมดเลย ฉันทำแค่เกี๊ยว”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คีบเกี๊ยวขึ้นมากินเป็นชิ้นแรก จากนั้นก็เอ่ยชม “อร่อยมากเลย” พูดจบก็คีบอีกหนึ่งชิ้น แล้วยื่นไปทางฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานกินไปหนึ่งชิ้น จากนั้นก็บอกให้เซี่ยเจ๋อหลี่กินเยอะ ๆ “ฉันกินมาอิ่มแล้ว พวกนี้ฉันเอามาให้คุณหมดเลย คุณรีบกินเถอะ”
ถึงแม้ว่าของกินจะเยอะมาก แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยังกินจนหมด
“อร่อยจัง”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่วางตะเกียบลงก็รู้สึกอิ่มนิดหน่อย จากนั้นก็บอกเรื่องที่เตรียมการเอาไว้สำหรับค่ำคืนนี้ “คืนนี้ที่นี่จะมีงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ พวกเราลองไปดูกันเถอะ”
“ได้สิ”
ฉินมู่หลานก็อยากรู้มากเลยว่าจะมีการแสดงอะไรบ้าง “พวกพี่สะใภ้ได้ทำการแสดงหรือเปล่า?”
“แสดงสิ พวกหล่อนเตรียมตัวมานานแล้ว”
เมื่อถึงช่วงเย็น ฉินมู่หลานก็ตามเซี่ยเจ๋อหลี่ไปที่หอประชุม เป้ยไห่หงเห็นเธอก็รีบโบกมือให้ทันที ก่อนจะเอ่ยว่า “มู่หลาน เธอมากับพวกเราสิ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า เดินตรงไปหาเป้ยไห่หง อาหลี่ยังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการ คงดีกว่าหากเธอไปนั่งกับพวกพี่สะใภ้
เซี่ยเจ๋อหลี่ไปส่งฉินมู่หลานนั่งที่ก่อนจะเดินหันหลังจากไป
เป้ยไห่หงเห็นท่าทางของเซี่ยเจ๋อหลี่ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าว “มู่หลาน พวกเธอสองสามีภรรยาคงจะรักกันเสียน่าดู ทำเอาคนอื่นเขาอิจฉากันหมดแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกเราไม่ได้เจอกันนานค่ะ ก็เลยเป็นแบบนี้ ไม่เหมือนกับพวกพี่สะใภ้ที่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เป้ยไห่หงก็อดหัวเราะชึ้นมาเสียไม่ได้ พลางกล่าวว่า “ก็จริงนะ เจอกันทุกวัน คงจะเบื่อมากกว่า” พูดคำนี้ออกมาแล้วหล่อนก็หัวเราะขึ้นเสียเอง หลังจากนั้นก็เอ่ยถามฉินมู่หลานอีกครั้ง ว่าอยากจะขึ้นเวทีไปแสดงด้วยกันไหม “พวกเราแสดงโชว์ร้องประสานเสียงน่ะ ถ้าเธอร้องเพลงไม่ได้ แค่ขึ้นไปยืนบนนั้นก็พอ”
ฉินมู่หลานรีบโบกมือแล้วบอกกล่าว “ไม่ดีกว่าค่ะพี่สะใภ้ ฉันไม่ได้ซ้อมเลย คงไม่ขึ้นไปแสดงด้วยหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกล่าวแบบนี้ เป้ยไห่หงก็ไม่ได้ว่าอะไร
จนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่ม งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีคณะสันทนาการเป็นฝ่ายเริ่มการแสดงก่อน จากนั้นก็มีการแสดงอื่นต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงคิวของสมาชิกในหมู่บ้านครอบครัวทหาร เป้ยไห่หง โจวหมิ่น และคนอื่น ๆ ต่างก็ขึ้นไปบนเวที แม้แต่คังอันเหอก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีด้วยเช่นกัน
ฉินมู่หลานไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคังอันเหอจะร้องเพลงได้ ระหว่างที่รับชมการแสดง ก็จ้องมองหล่อนด้วยความสงสัย
คังอันเหอก็เห็นฉินมู่หลานเหมือนกัน จึงรีบเดินมาหาตรงนี้หลังจากจบการแสดง
“มู่หลาน ที่แท้เธอก็มาฉลองปีใหม่ที่นี่ด้วย”
คังอันเหอได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ฉันน่ะ หลังจากกลับมาทุกวัน ก็หาเวลาไปฝึกซ้อมกับพวกพี่สะใภ้ด้วย ก็เลยได้ขึ้นไปแสดงน่ะ” พูดจบก็เอ่ยถามฉินมู่หลานอีกว่าจะอยู่ที่นี่กี่วัน
“พรุ่งนี้เช้าฉันก็กลับแล้วล่ะ”
“ทำไมเร็วจัง”
คังอันเหออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นก็เริ่มพูดถึงโรงพยาบาลทหารอีกครั้ง “มู่หลาน ก่อนหน้านี้ฉันเคยทำงานที่โรงพยาบาลมาช่วงหนึ่งใช่ไหมล่ะ ตอนนี้ทางฝั่งนั้นเจอฉัน ก็บอกให้ฉันมาบอกเธอ ว่าถ้าเธอมีเวลาก็ให้ไปช่วยผ่าตัดให้หน่อย”
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินหมอเช่าบอกเลย? แล้วการผ่าตัดที่ฉันต้องไปทำคือการผ่าตัดอะไรเหรอ?”
“ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดนัก อีกไม่นานเดี๋ยวหมอเช่าคงจะมาหาเธอ”
เป้ยไห่หงเห็นว่าทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอ รีบไปดูการแสดงกันเถอะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ทั้งสองจึงไม่พูดอะไรกันอีก
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปจัดการธุระเสร็จแล้ว เขาก็อยากจะรีบมาหาฉินมู่หลาน แต่ทางด้านนี้พี่สะใภ้อยู่กันเยอะ เขาจึงไม่ได้เดินเข้ามา แล้วเดินไปนั่งที่ของตัวเองแทน
จนกระทั่งงานเลี้ยงจบลง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบเดินเข้ามาหา เขาพาภรรยาตัวเองไปที่บ้านพักครอบครัว ระหว่างทางที่ทั้งสองยังเดินไปไม่ถึง ทันใดนั้นก็มีเสียงประทัดดังขึ้น ฉินมู่หลานจึงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ จึงพบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
“มู่หลาน สวัสดีปีใหม่”
“สวัสดีปีใหม่”
ฉินมู่หลานมองเซี่ยเจ๋อหลี่พร้อมรอยยิ้มแสนอ่อนหวาน
รอยยิ้มนี้ ทำให้เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกว่าจิตใจของเขาสั่นรัวกว่าปกติ ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันได้โต้ตอบอะไร ก็โดนพาดึงเข้าประตูบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“อาหลี่ ทำไมเดินเร็วจัง…”
ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันได้พูดจบ เธอก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป หลังจากนั้น ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดอีกต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปทำงานแล้ว เธอเห็นข้อความเขียนวางเอาไว้อยู่ข้างเตียงจึงหยิบมาอ่าน หลังจากอ่านก็รีบวางมันลงด้วยสีหน้าแดงก่ำนิดหน่อย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะเชี่ยวชาญขนาดนี้
หลังจากจัดของบางส่วนเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็วางแผนจะกลับไป
เป้ยไห่หงเห็นฉินมู่หลานออกมาจากประตูบ้าน ก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน นี่จะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะพี่สะใภ้ เดี๋ยวว่างจะมาใหม่ค่ะ”
เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงรออยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อเห็นฉินมู่หลานเดินมา ก็ไปรับเธอกลับ
วันนี้เป็นวันที่หนึ่งของปฏิทินจีน ที่บ้านมีคนอยู่ ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานกลับมา ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “มู่หลาน สวัสดีปีใหม่ ลูกกลับมาได้ทันพอดี พวกแม่กำลังจะออกไปอวยพรปีใหม่กันเลยเนี่ย”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ลูกสี่แล้วยังหวานอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยน้า
ไหหม่า(海馬)