ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 633 ซื้อบ้าน(2)
ตอนที่ 633 ซื้อบ้าน(2)
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ไปพาเด็กทั้งสี่คนออกมาจากหลังบ้าน
ชิงชิงกับเฉินเฉินกำลังเล่นกับจี๋เซียงน้อยอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นว่ามีเครื่องบินกระดาษ จึงพับเล่นด้วยกัน
กู้วั่งหลานเห็นแบบนี้ จึงยกยิ้มแล้วกล่าว “เดี๋ยวอาสอนวิธีพับให้นะ”
“ได้ค่ะ/ครับ ขอบคุณค่ะ/ครับคุณอา”
ชิงชิงและเฉินเฉินยกยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณ
กู้วั่งหลานมองเด็กหลายคนตรงหน้า ก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังละลาย พวกเด็ก ๆ น่ารักมากจริงๆ
แต่ถวนถวนและหยวนหยวนยังเล็ก ตอนนี้จึงยังทำได้เพียงส่งเสียงอ้อแอ้ พวกเด็กน้อยชอบที่จะได้มีส่วนร่วมในการเล่นเช่นกัน เมื่อเห็นพี่ชายและพี่สาวรวมตัวกันอยู่ตรงหน้า ก็ยังเดินกระแซะเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ
ฉินมู่หลานรีบหยุดพวกเขาแล้วกล่าวว่า “พวกลูกยังไม่รู้วิธีพับเครื่องบินกระดาษสินะ เดี๋ยวแม่จะพาทุกคนไปเล่นในสวน”
“ไม่…เป็น…”
ถึงแม้เด็กทั้งสองจะบอกว่าทำไม่เป็น แต่ฉินมู่หลานก็ทราบความหมายดีว่าไม่ใช่แค่อยากไปเล่นในสวนเท่านั้น แต่ยังอยากทำเครื่องบินกระดาษด้วย
เมื่อเห็นถวนถวนและหยวนหยวนยืนหยัดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้
“เจ้าเด็กน้อยทั้งสอง ไม่รู้ว่าได้ใครมานะเนี่ย ถึงได้หนักแน่นขนาดนี้”
ฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยนก็มองเด็กน้อยทั้งสองเหมือนกัน รู้สึกว่าน่ารักจนแทบต้านทานไม่ไหว จึงเข้ามาร่วมวงเล่นกับเด็กน้อยทั้งสอง สุดท้ายแล้วกู้วั่งหลานก็ตามไปสอนพวกเด็ก ๆ ทำเครื่องบินกระดาษ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเล่นเปลี่ยนไปอย่างอื่นกัน
ในตอนนั้นเองเหมาชุนเถาก็เดินออกมา เมื่อเห็นทุกคนกำลังจับกลุ่มเล่นด้วยกัน ก็ได้แต่รู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างอบอุ่น เมื่อเห็นลูกชายอยู่ในนั้น สีหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนสุข รู้สึกว่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ช่างมีความหมายเหลือเกิน
“กินข้าวกันเร็ว…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็หันไปมอง และฉินเคอวั่งก็กล่าวขึ้นทันที “เดี๋ยวผมไปตามคุณปู่คุณย่าแล้วก็พวกพ่อก่อนครับ”
หลังจากคุณปู่ฉินและคนอื่น ๆ เข้ามา ทุกคนก็นั่งลง พร้อมรับประทานอาหาร
กู้วั่งหลานค่อนข้างเกรงใจในตอนแรก แต่ทุกคนต่างต้อนรับดีมาก และจี๋เซียงน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ก็แอบตักอาหารใส่จานให้เขาด้วย
เมื่อเห็นแบบนี้ กู้วั่งหลานก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วค่อย ๆ กินอย่างช้า ๆ
ตอนแรกเหมาชุนเถาคิดว่าลูกชายทำเกินไป แต่เมื่อเห็นกู้วั่งหลานไม่ได้ใส่ใจจึงโล่งใจ ซูหว่านอี๋ก็เชิญชวนให้เกาเชี่ยนเชี่ยนกินเยอะ ๆ “เชี่ยนเชี่ยน เธอกินเยอะ ๆ เลยนะ ดูสิเธอผอมขนาดไหน”
“น้าซูไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะกินเยอะ ๆ เลย”
เกาเชี่ยนเชี่ยนกำลังกินผัดเผ็ดไก่ที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกได้ว่าทั้งกรอบและสดใหม่ อร่อยมาก
อาหารจานนี้เหมาชุนเถาเป็นคนทำ หล่อนจึงยิ้มอยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ถ้าเชี่ยนเชี่ยนชอบ ต่อไปพี่จะทำให้อีก”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ชุนเถา”
เหมาชุนเถาและฉินมู่หลานเป็นเพื่อนร่วมห้องของลูกพี่ลูกน้องหล่อน หล่อนจึงเรียกว่าพี่ทั้งหมด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉินมู่หลานก็พูดคุยกับกู้วั่งหลานเรื่องโรงงานผลิตยาซิ่งหลินถัง “ผอ.กู้คะ พอถึงช่วงที่ฉันเรียนปีสี่เทอมสอง โรงงานผลิตยาจะเปิดอย่างเป็นทางการค่ะ ถึงตอนนั้นคุณฉางกู่และคนอื่น ๆ ก็จะย้ายเข้าไปอยู่ที่โรงงานผลิตยา ในส่วนพนักงานคนอื่นก็จะทำการหาเพิ่มด้วย ถึงตอนนั้นก็จะสามารถเปิดโรงงานได้เลยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้วั่งหลานก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ก็ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมย้ายเข้าไปอยู่ด้วย เวลามีเรื่องต้องจัดการที่โรงงานผลิตยาจะได้สะดวกด้วยครับ”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่ากู้วั่งหลานอยากจะไปอยู่ที่โรงงานผลิตยาด้วย
“ผอ.กู้ ถึงแม้ว่าจะมีหอพักอยู่ข้างหลังโรงงานผลิตยา แต่คุณไม่ต้องอยู่ที่นั่นก็ได้นะคะ คุณเดินทางไปกลับได้สะดวกอยู่แล้ว”
กู้วั่งหลานตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ปกติผมก็อยู่คนเดียว อยู่ที่โรงงานคงจะดีกว่า”
เห็นกู้วั่งหลานพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ว่าอะไร และเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นกับเขาแทน จนกระทั่งคุยทุกอย่างเสร็จแล้ว กู้วั่งหลานก็กลับไป
หลังจากกู้วั่งหลานกลับไป เหมชุนเถาก็กล่าวลาฉินมู่หลานเหมือนกัน
“มู่หลาน หลายวันมานี้ที่อยู่บ้านพวกเธอฉันมีความสุขมาก แต่ที่บ้านนั้นไม่มีคนอยู่นานแล้ว ต้องไปทำความสะอาด ฉันก็เลยคิดว่าจะพาจี๋เซียงน้อยกลับแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็เอ่ยชักชวนให้อยู่ต่อ “ชุนเถา ไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะ”
เหมาชุนเถาส่ายหัวแล้วกล่าว “ไม่แล้วล่ะ ฉันกับจี๋เซียงน้อยอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปแล้วล่ะ ฉันจะไม่ลืมช่วงเวลานี้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ พวกเธอเก็บของพร้อมแล้วค่อยกลับ ฉันไม่เซ้าซี้เธอแล้วล่ะ”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามถึงเรื่องบ้านหลังนั้นที่เหมาชุนเถากำลังเช่า “ชุนเถา บ้านที่เธออยู่ตอนนี้ เจ้าของบ้านมีแผนจะขายไหม?”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็แปลกใจ แต่ก็ยงบอกกล่าวตามตรง “มีแผนขายอยู่นะ ฉันเคยถามเจ้าของบ้านแล้ว แต่ว่าฉันยังมีเงินไม่เยอะพอที่จะซื้อเลย รอฉันทำงานเก็บเงินเพิ่มอีกสักพักก็ใกล้จะซื้อได้แล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานก็ทราบดีว่าเหมาชุนเถามีแผนจะซื้อบ้านในปักกิ่ง เธอจึงเอ่ยข้อเสนอตามตรง “ชุนเถา ฉันให้เธอยืมเงินก่อนได้นะ เธอค่อยมาคืนหลังจากที่เก็บเงินได้มากพอแล้ว”
แต่เหมาชุนเถาส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกมู่หลาน เดี๋ยวฉันจะรีบเก็บเงินให้พอ”
“ชุนเถา ยิ่งซื้อเร็วก็จะยิ่งได้ราคาถูกนะ เพราะฉะนั้นอาศัยจังหวะตอนนี้ เธอก็ซื้อมันเลย เอาไว้เธอมีเงินแล้วค่อยทยอยคืนฉันทีหลังก็ยังไม่สาย”
ช่วงที่เหมาชุนเถามาพักอยู่ที่นี่ ฉินมู่หลานเห็นว่าหล่อนเขียนบทความจนดึกดื่นมาตั้งหลายวัน ถึงแม้ว่าเหมาชุนเถาจะอายุยังน้อย การนอนดึกคงไม่ส่งผลอะไรนัก แต่หากเป็นแบบนี้ตลอดไปคงไม่ได้ อย่างไรก็ควรจะซื้อบ้านก่อน เหมาชุนเถาจะได้ไม่ต้องหักโหมมากนัก
เหมาชุนเถากำลังจะปฏิเสธ แต่ฉินมู่หลานกลับเปิดปากพูดก่อน ก่อนจะบอกเรื่องผลดีผลเสียของการซื้อบ้านเร็วหรือช้าให้ฟัง
“ชุนเถา เธอคงไม่อยากให้เงินที่หามาอย่างยากลำบาก ต้องสูญค่าไปกับการขึ้นราคาของบ้านหรอก เพราะฉะนั้นเธออย่าลังเลเลย”
หลังจากเหมาชุนเถาฟังข้อชี้แนะของฉินมู่หลานแล้ว สุดท้ายหล่อนก็เห็นด้วย
“มู่หลาน ก่อนหน้านี้ฉันเก็บได้แค่หนึ่งพันหยวนเอง ยังขาดอีกตั้งสี่พันหยวน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็โบกมือแล้วกล่าวว่า “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันให้เธอยืมเลย เอาไว้เธอเป็นเจ้าของบ้านแล้ว ก็อย่าลืมจัดงานเลี้ยงฉลองด้วยล่ะ”
เมื่อฉินมู่หลานเดินเข้ามาพร้อมกับเงิน เหมาชุนเถาก็เอ่ยขอบคุณเธอด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“มู่หลาน ขอบคุณเธอมากเลยนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
หลังจากนั้นเหมาชุนเถาและจี๋เซียงน้อยสองแม่ลูกก็กลับไปเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉินมู่หลานประหลาดใจก็คือ เจ้าของบ้านหลังนั้นกับเหมาชุนเถาเจรจากันไม่ลงตัว
“ทำเกินไปแล้ว เจ้าของบ้านหลังนั้นรู้ว่าฉันอยากจะซื้อมัน ก็เลยขึ้นราคา เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกันนะ”
ฉินมู่หลานก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ จึงเอ่ยถาม “ตอนนี้ราคาบ้านของพวกเธอเพิ่มเป็นเท่าไหร่?”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าของบ้านดันโลภมากอีก ระวังจะลาภหายนะ ใช่ว่าลูกค้าจะมีตัวเลือกที่เดียวเสียเมื่อไหร่
ไหหม่า(海馬)