ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 634 เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ตอนที่ 634 เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
…………….
ตอนที่ 634 เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
เหมาชุนเถาได้ยินฉินมู่หลานพูดแบบนี้ จึงถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ขึ้นราคาไปตั้งพันนึง เจ้าของบ้านมองออกว่าฉันอยากได้ก็เลยขึ้นราคา”
ช่วงนี้เหมาชุนเถากำลังจะซื้อบ้าน ฉินมู่หลานจึงได้หาข้อมูลเรื่องราคาบ้านในปัจจุบันมาบ้างแล้ว หากบ้านหลังนั้นขึ้นราคาไปหนึ่งพันหยวนจริงๆ ก็ไม่คุ้มเลย “ชุนเถา จริงๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านหลังนั้นก็ได้นะ เราลองดูหลังอื่นๆ ก็ได้”
เหมาชุนเถาชอบที่พักปัจจุบันของตนมาก แต่ราคาคือปัญหาใหญ่ที่สุด ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน จึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีเลย ฉันจะลองดูที่อื่นๆ แล้วถือโอกาสขอให้เซี่ยวอวิ๋นมาช่วย ให้หล่อนช่วยหาข้อมูลให้ด้วย”
เดิมทีเฉินเซี่ยวอวิ๋นก็เป็นคนช่วยเช่าบ้านให้ ดังนั้นตอนนี้จึงขอให้หล่อนช่วยอีกครั้ง
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า “ดีเหมือนกัน ทุกคนช่วยกันหา อาจจะเจอบ้านที่เหมาะก็ได้นะ”
เดิมทีเหมาชุนเถามีอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากได้พูดคุยกับฉินมู่หลานแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง
“มู่หลาน ขอบคุณมากจริงๆ นะ”
ฉินมู่หลานรีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณเลย วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ ให้ชิงชิงกับเฉินเฉินได้เล่นกับจี๋เสียงนานอีกหน่อย”
เหมาชุนเถาก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้ ฉันอยู่กินข้าวก่อนก็ได้”
หลังจากเหมาชุนเถาและจี๋เสียงกลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ออกไปข้างนอก โรงงานผลิตยากำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ วันนี้เธอจึงตั้งใจจะเข้าไปดู เมื่อมาถึงก็พบว่าคนอื่นๆ อยู่กันครบแล้ว
“มู่หลาน เธอบอกว่าจะเข้ามาดูงานตอนเช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมเพิ่งมาล่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงยิ้มและกล่าวว่า “พอดีว่าชุนเถามีเรื่องให้ฉันช่วยนิดหน่อย เลยมาช้าไปหน่อย เป็นยังไงบ้าง จัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “วางใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือคนงาน เราจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว พอเปิดร้านหลังมะรืนนี้ โรงงานผลิตของเราจะเริ่มดำเนินงานได้เลย”
“อย่างนั้นก็ดีมากเลย พวกเธอเก่งมากจริงๆ”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ใช่พวกเราเก่ง แต่เป็นผู้อำนวยการกู้ต่างหากที่เก่งกว่า เพราะเขาเป็นคนวางแผนจัดการทุกอย่าง”
ตอนแรกเซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกไม่ค่อยดีนักหากให้กู้วั่งหลานขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการ แต่หลังจากได้พูดคุยกันก็พบว่ามู่หลานพูดถูกต้อง กู้วั่งหลานมีความสามารถมากจริงๆ เขาเป็นรองผู้จัดการที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ จัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหตุผลที่ไม่มีงานทำมาก่อนก็เพราะไม่ต้องการจะทำ แต่เมื่อใดที่เขาต้องการทำ ไม่ว่างานอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันมายิ้มให้กับกู้วั่งหลานและกล่าวว่า “ผู้จัดการกู้ ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะคะ”
กู้วั่งหลานยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนและกล่าวว่า “ไม่หรอกครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
ในขณะที่พูด เขาก็พาฉินมู่หลานเดินไปรอบๆ และกล่าวว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอเวลาเปิดเท่านั้น”
ฉินมู่หลานพยักหน้าและกล่าวว่า “ค่ะ ในที่สุดโรงงานผลิตยาซิ่งหลินของเราก็จะเปิดทำการแล้ว”
หลังจากที่กู้วั่งหลานพูดคุยเรื่องโรงงานกับฉินมู่หลานเสร็จ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนร่วมชั้นของคุณเหรอครับ”
ในตอนแรกฉินมู่หลานยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังพูดถึงเหมาชุนเถา เมื่อนึกถึงว่าทั้งสองได้พบกันหลายครั้งแล้ว ฉินมู่หลานจึงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่เหมาชุนเถาต้องการซื้อบ้าน แต่ราคากลับสูงขึ้น “ชุนเถาอยากซื้อบ้าน แต่เจ้าของบ้านขึ้นราคา หล่อนจึงต้องหาบ้านหลังอื่นที่เหมาะสมน่ะค่ะ”
เมื่อกู้วั่งหลานฟังจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉินมู่หลานคิดว่าเขาแค่สงสัย จึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ได้ยินผ่านๆ มา แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ วันรุ่งขึ้นเขาก็มาพูดเรื่องบ้าน
“อะไรนะคะ…คุณหาบ้านที่เหมาะสมเจอแล้วเหรอ”
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้วั่งหลาน ฉินมู่หลานก็ประหลาดใจสุดขีด “ผู้จัดการกู้ คุณหาบ้านใหม่ให้กับชุนเถาเหรอคะ”
“ใช่ เมื่อวานหลังจากที่ได้ยินเรื่องของคุณ ผมก็เลยให้คนไปสืบถามดู ได้ความว่ามีบ้านหลังเล็กๆ ที่เหมาะมากหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและโรงเรียนของเสี่ยวจี๋เสียง ราคาถูกกว่าบ้านที่เพื่อนร่วมชั้นของคุณอาศัยอยู่ตอนนี้ สามารถไปดูก่อนได้ครับ”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น เธอจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ดีเลย งั้นเราไปหาชุนเถาด้วยกันนะคะ”
เมื่อเหมาชุนเถาได้ทราบว่ามีบ้านหลังเล็กๆ ราคาถูกและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม จึงกล่าวด้วยความยินดีว่า “เยี่ยมเลย งั้นเราไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย ฉันตั้งใจว่าจะไปหาเซี่ยวอวิ๋นวันนี้พอดี ถ้ามันดี ฉันจะไม่ต้องรบกวนให้หล่อนช่วยหา”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันไปมองเสี่ยวจี๋เสียงและกล่าวว่า “เสี่ยวจี๋เสียง มานี่มา”
“ครับ”
จี๋เสียงชอบกู้วั่งหลานมาก พอได้ยินเขาเรียกก็รีบยื่นมือไปจับมือใหญ่ของเขาทันที โดยมีฉินมู่หลานและเหมาชุนเถาเดินตามหลังตรงไปยังบ้านหลังเล็ก
เหมาชุนเถามองบ้านหลังเล็กๆ ตรงหน้า ก็รู้สึกชื่นชอบในทันที แม้บริเวณจะไม่ใหญ่นัก แต่ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งหรือราคาก็ล้วนเหมาะสมเป็นที่สุด “ผู้จัดการกู้ บ้านหลังนี้แค่ 3,500 หยวนจริงๆ เหรอคะ ฉันว่าทำเลดีมากเลย”
“ราคาเท่านี้จริงๆ ครับ เจ้าของบ้านอยากขายออกอย่างเร่งด่วน ราคาเลยถูกไม่น้อย ถ้าพอใจก็ซื้อไปได้เลย”
“ดี งั้นฉันคงทำเรื่องซื้อเลย”
ระยะหลังๆ เหมาชุนเถารู้สึกขุ่นเคืองกับเจ้าของบ้านเช่า หล่อนจึงอยากจะรีบซื้อบ้านให้เรียบร้อยแล้วก็ย้ายออกจากที่ที่อยู่ตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นบ้านหลังนี้ยังดีมากๆ และหล่อนก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น
พอเห็นเหมาชุนเถาตัดสินใจซื้อเลย กู้วั่งหลานก็เลยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ เดี๋ยวผมพาคุณไปจัดการเรื่องเอกสารและทำเรื่องโอนโดยเร็วที่สุด”
ทว่าฉินมู่หลานกลับมองกู้วั่งหลานอย่างครุ่นคิด บ้านหลังนี้ดีกว่าที่เหมาชุนเถาอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่ราคากลับถูกมากๆ จนเธอรู้สึกว่าแปลกพิกลอยู่เล็กน้อย กระนั้นเหมาชุนเถาก็ไปจ่ายเงินพร้อมจัดการเรื่องเอกสาร จนกระทั่งขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ทำให้บ้านหลังน้อยนี้กลายเป็นของเหมาชุนเถาอย่างแท้จริง
“มู่หลาน ผู้จัดการกู้ ขอบคุณพวกคุณทั้งสองจริงๆ นะ ถ้าไม่มีพวกคุณ ฉันก็คงไม่ได้บ้านไวแบบนี้ ขอบคุณมากจริงๆ” ตอนนี้เหมาชุนเถาทั้งตื่นเต้นและดีใจ ในที่สุดหล่อนกับลูกชายก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในปักกิ่งสักที ต่อไปนี้พวกเขาก็ไม่ใช่คนเร่ร่อนอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมเงินที่ฉินมู่หลานให้ยืมมา
“มู่หลาน พอฉันมีเงินฉันจะรีบใช้คืนนะ”
ฉินมู่หลานโบกมือแล้วพูดว่า “ชุนเถา ไม่ต้องรีบหรอก ไว้มีก็ค่อยใช้ อย่าเขียนงานหาเงินจนดึกดื่นเพราะเรื่องแบบนี้นะ”
เมื่อก่อนฉินมู่หลานก็เคยพูดแบบนี้ เหมาชุนเถาก็รู้ว่าเธอหวังดีกับตัวเอง เลยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ ฉันรู้แล้ว”
พูดจบหลอ่นก็พูดต่ออีกว่า “มู่หลาน ก่อนเปิดเทอมพวกเธอมากินข้าวที่บ้านฉันสิ ถือว้่เป็นการฉลองบ้านใหม่ให้กับเราไง”
“ได้เลย”
แน่นอนว่าฉินมู่หลานตอบตกลงพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากนั้น เหมาชุนเถาก็หันไปมองกู้วั่งหลาน
กู้วั่งหลานก็ไม่ได้ปฏิเสธ พลางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ครับ ผมจะไป”
“ดีเลยค่ะ ไว้ฉันจะชวนพวกปิงหรุ่ยมาด้วย”
ตอนนี้เหมาชุนเถามีความสุขมาก เสี่ยวจี้เสียงที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้เช่นกันว่าผู้ใหญ่พูดเรื่องการซื้อบ้าน เขาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน “แม่ พวกเราจะมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่ พวกเราจะย้ายเข้ามาเร็วๆนี้ ไว้เก็บข้าวของเสร็จพวกเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เลย” ฉินมู่หลานคิดไปว่าแม่ลูกคู่นี้คงไม่สามารถขนของหนักอึ้งได้ จึงกล่าวขึ้นตรงๆว่า “ชุนเถา ไว้ถึงตอนนั้นเรียกพวกเรามาช่วยขนก็ได้นะ”
แต่เหมาชุนเถากลับส่ายหน้ากล่าวว่า “มู่หลาน เธอต้องดูแลเรื่องโรงงานยาไม่ใช่เหรอ ไม่เป็นไรหรอก พวกเราแม่ลูกค่อยๆขนย้ายก้ได้”
กู้วั่งหลานที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ไม่ต้องลำบากหรอกครับ จ้างคนมาขนย้ายก็เป็นอันเสร็จ”
เหมาชุนเถารู้ดีว่าการจ้างคนย่อมต้องใช้เงิน หล่อนจึงกำลังจะปฏิเสธ แต่กลับได้ยินกู้สั่งหลานกล่าวต่อว่า “ไว้ผมจะช่วยจัดการจ้างคนมาช่วย คุณแค่บอกผมมาว่าจะย้ายวันไหนก็พอ”
“ผู้จัดการกู้…”
แต่ก่อนที่เหมาชุนเถาจะกล่าวจบ หล่อนก็เห็นกู้วั่งหลานหันไปหาฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน โรงงานยาจะเปิดทำการพรุ่งนี้แล้ว พวกเราควรจะกลับไปหารือรายละเอียดต่างๆให้เรียบร้อย”
เมื่อได้ยินคำนี้ เหมาชุนเถาก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เกรงว่าจะเป็นการรบกวนทั้งสอง
ในขณะที่ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ค่ะ งั้นเดี๋ยวเรากลับไปคุยกันนะคะ”
หลังจากที่ไปส่งเหมาชุนเถาและเสี่ยวจี้เสียงถึงห้องเช่า ฉินมู่หลานก็หันไปหากู้วั่งหลานพร้อมกล่าวว่า “ผู้จัดการกู้ จะไปนั่งพักที่บ้านฉันสักครู่ไหมคะ พวกเราจะได้พูดคุยกันให้เต็มที่”
แต่กู้วั่งหลานกลับกล่าวว่า “มู่หลาน จริงๆ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ผมแค่ต้องการจะถามว่าพรุ่งนี้จะมีใครมาที่โรงงานบ้าง”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองกู้วั่งหลาน “ผู้จัดการกู้ แต่เรื่องนี้ฉันเคยแจ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมจำไม่ค่อยได้ คุณบอกผมอีกทีได้ไหม”
ฉินมู่หลานไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดเหล่านี้ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ค่ะ ฉันจะบอกคุณอีกครั้งแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็อดทนไม่ไหวแล้วถามว่า “ผู้จัดการกู้ บ้านหลังนั้นทำไมมันถูกจัง คุณไปลงทุนอะไรในนั้นหรือเปล่า”
บ้านหลังนั้นกับที่อยู่ปัจจุบันของเหมาชุนเถาล้วนเป็นบ้านที่ผู้อยู่อาศัยสร้างเอง จึงค่อนข้างถูก แต่ถึงจะถูกอย่างไรก็ไม่น่าจะถูกขนาดนี้ เธอจึงเอะใจสงสัยว่ากู้วั่งหลานไปทำอะไรมา
พอได้ยินคำถามของฉินมู่หลาน กู้วั่งหลานกลับหัวเราะแล้วพูดว่า “เปล่า ผมไม่ได้ลงทุนอะไรในนั้นเลย”
“แล้วทำไมมันถึงถูกนัก หรือบ้านนั้นมีปัญหาอะไรคะ”
พอเห็นฉินมู่หลาน ขมวดคิ้ว กู้วั่งหลานจึงอธิบายว่า “ไม่ต้องกังวล บ้านหลังนั้นไม่มีปัญหาอะไร แค่เจ้าของบ้านเขาติดหนี้บุญคุณผมอยู่ ถึงได้ขายให้ในราคาถูก แต่คุณอย่าไปบอกเพื่อนร่วมชั้นของคุณนะ เดี๋ยวหล่อนจะคิดมาก”
กู้วั่งหลาน มองไกลออกไปข้างหน้าพร้อมกับพูดว่า “อาจเป็นเพราะประสบการณ์บางอย่างของเหมาชุนเถามันคล้ายกับผม ผมถึงได้ให้ความสนใจแม่ลูกคู่นี้มากเป็นพิเศษ อีกอย่างจี๋เสียงก็น่ารักมาก”
ฉินมู่หลานเห็นกู้วั่งหลานเป็นแบบนี้จึงไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะเกรงว่าจะไปสะกิดความหลังอันน่าเศร้าของเขา โชคดีที่มาถึงบ้านของฉินมู่หลานพอดี เธอจึงรีบบอกลากู้วั่งหลาน
พรุ่งนี้เป็นวันที่แปด เป็นวันที่โรงงานผลิตยาเปิดกิจการ ฉินมู่หลานจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ตื่นแต่เช้า แต่พอเดินมาที่ห้องอาหาร กลับพบว่าทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันแล้ว
“พ่อ แม่ ทำไมตื่นเช้าจังคะ”
ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นจึงพูดพร้อมกับหัวเราะว่า “โรงงานยาของลูกกำลังจะเปิดแล้ว เราก็ต้องไปร่วมงานแสดงความยินดีสิ แล้วพ่อแม่สามีของลูกก็จะไปด้วย คนจะได้เยอะๆ จะได้คึกคัก”
“ดีเลย กินข้าวเสร็จแล้วเราจะรีบออกเดินทางกันค่ะ”
หลังจากที่ฉินมู่หลานมาถึงโรงงานยาแล้ว กู้วั่งหลานและคุณปู่เซี่ยเหยียนลั่วและเซี่ยฉางกู้ก็มาถึงแล้ว สองพี่น้องอย่างเซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิง รวมไปถึงเจี่ยงสือเหิงก็มาด้วยเช่นกัน
“พ่อคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
ฉินมู่หลานพบว่าในช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ จนไม่ค่อยได้เจอเจี่ยงสือเหิงเลย
เมื่อเจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าตามแล้วกล่าวว่า “ใช่ ไม่ได้เจอกันนานเลย” เขาพูดพลางหันไปมองเด็กทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังฉินมู่หลานด้วยรอยยิ้ม และคิดในใจว่าแต่ละคนน่ารักน่าชัง
ทางฝั่งฉินมู่หลานกลับสังเกตเห็นว่าลูกๆ ของเจี่ยงสือเหิงและเซี่ยปิงชิงไม่ได้มาด้วย
“พ่อคะ เด็กๆ ไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“ไม่ได้มา เจี่ยงป๋อหลิวคอยดูแลอยู่ที่บ้าน วันนี้คนเยอะกลัวว่าจะดูแลได้ไม่ดี”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้คนก็ทยอยเดินทางมาเพิ่มขึ้น
สองผู้เฒ่าตระกูลเหยาพร้อมด้วยเซี่ยเหวินปิง เหยาจิ้งจือ เมื่อมาถึงก็ตรงมายังกลุ่มเด็กๆ
“ถวนถวน หยวนหยวน คิดถึงพวกเราไหมจ๊ะ”
เมื่อคุณนายเหยาเห็นเหล่าเด็กๆ ต่างก็ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คิดถึงมาก~~”
เหล่าเด็กๆ ต่างก็ตอบด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู ทำให้คุณนายเหยาพลอยมีความสุขไปด้วย
ในวันนี้ที่โรงงานซิ่งหลินเปิดตัว ผู้คนมากมายที่มาร่วมงานล้วนเป็นญาติมิตรจากหลายตระกูล อีกทั้งยังมีบุคลากรจากโรงพยาบาลปักกิ่งและโรงพยาบาลเขตทหารก็เดินทางมาร่วมงานด้วยเช่นกัน เพราะว่าเป็นกิจการของฉินมู่หลาน ทางโรงพยาบาลก็ต้องให้เกียรติอยู่แล้ว
“คุณหมอฉิน ขอแสดงความยินดีด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้พบเส้าเจิ้งเฟิง และหลี่ปิ่งเฉวียน ฉินมู่หลานก็กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นก็มีผู้คนมามากมาย รวมทั้งเสิ่นหรูฮวนก็พาลูกๆ มาร่วมงานด้วย ฉินมู่หลานและกู้วั่งหลานจึงต้องรับมืออย่างวุ่นวาย แต่โชคดีที่ใกล้เวลาแล้ว ทั้งสองจึงบอกกล่าวผู้คนแล้วเริ่มพิธีเปิดโรงงานยา
จนกระทั่งพิธีการทั้งหมดสิ้นสุดลง เซี่ยเหวินปิง ฉินเจี้ยนเซ่อ และฉินเคอวั่งก็ได้จึงช่วยกันจุดประทัดเพื่อเป็นสัญญาณเปิดโรงงานยาซิ่งหลินอย่างเป็นทางการ
“ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ซึ่งผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้จะได้รับยาบำรุงร่างกายคนละหนึ่งขวด”
“เยี่ยมไปเลย สมกับเป็นประธานโรงงานฉินจริงๆ”
คังอันเหอเตรียมการมาเป็นอย่างดี จึงแจกยาบำรุงร่างกายให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกคน รวมถึงยังได้โปรโมทร้านซิ่งหลินไปในตัวด้วย บรรยากาศจึงครึกครื้นเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งทุกคนรับยาบำรุงร่างกายไปแล้ว บรรยากาศจึงเริ่มสงบลง และกู้วั่งหลานก็หันไปทางฉินมู่หลานแล้วพูดว่า “มู่หลาน ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผู้จัดการกู้สนใจอะไรชุนเถาอยู่หรือเปลา ทุ่มเทมากเลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)