ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 635 มาเชิญ
ตอนที่ 635 มาเชิญ
…………….
ตอนที่ 635 มาเชิญ
ฉินมู่หลานเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ผอ.กู้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ครับ คุณรีบกลับไปเถอะ ทางนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ผมเอง”
ฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับไปแล้ว แต่กู้วั่งหลาน เซี่ยฉางกู่และคนอื่นๆ ยังอยู่ต่อ เซี่ยฉางกู่จึงหันไปมองกู้วั่งหลานแล้วกล่าวว่า “ผอ.กู้ ผมขอพาคนอื่นไปชมอุปกรณ์ก่อนนะครับ พวกเราจะได้เริ่มงานกันพรุ่งนี้เลย”
“ครับ”
กู้วั่งหลานทราบดีในเรื่องความสามารถของเซี่ยฉางกู่ ดังนั้นในส่วนงานเภสัชกรรม เขาจึงไม่เข้าไปก้าวก่าย
และเซี่ยฉางกู่ก็พอใจในตัวกู้วั่งหลานมากเช่นกัน หลังจากพูดกับกู้วั่งหลานต่ออีกไม่กี่คำก็จากไป
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับถึงบ้านแล้ว เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงก็กลับมาจากบ้านตระกูลเหยาแล้วเหมือนกัน
ซูหว่านอี๋เห็นเหยาจิ้งจือกลับมาแล้ว ก็ได้แต่รู้สึกดีใจ “จิ้งจือ ในที่สุดพวกเธอก็กลับมาสักที ช่วงที่เธอไม่อยู่บ้าน ฉันรู้สึกเคว้งมากเลย”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกฉันกลับมาแล้วนี่ไง โรงงานก็จะเปิดทำการหลังปีใหม่ด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราต้องกลับมาอยู่แล้ว”
เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่แล้ว พวกเราจะกลับไปกว่างโจวแล้วนะ เตรียมรับโครงการต่อไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยังพูดว่าลูกชายคนโตจะไปกว่างโจวกับพวกเขาด้วย
ฉินเจี้ยนเซ่อแปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนี้
“งานของเจ๋อเหว่ยก็กำลังไปได้ดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยากจะไปกว่างโจวกับพวกเราล่ะ”
“เขาอยากจะลองไปกว่างโจว ว่ามีโอกาสอื่นที่เหมาะกับเขาอีกไหม”
เซี่ยเหวินปิงเห็นด้วยกับความคิดของลูกชายคนโต ตอนนี้กว่างโจวกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีวิธีหารายได้หลากหลายช่องทาง หากอยู่เมืองหลวงต่อไป แต่รายได้ต่อเดือนได้เพียงไม่กี่ร้อยหยวน มันแตกต่างกันมากจิง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ลูกชายคนโตก็ยังหนุ่ม การกล้าลองเสี่ยงเพื่อให้หน้าที่การงานดีขึ้นนับเป็นเรื่องดี
ในตอนนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวว่า “อาฉิน ถึงเวลาผมจะไปด้วยครับ รบกวนพวกอาด้วยนะครับ”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มพลางโบกมือแล้วกล่าวว่า “รบกวนอะไรกัน ถ้าเธอไปด้วยกันก็คงสนุกขึ้น”
ดังนั้นการไปกว่างโจวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ได้รับการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็จะออกเดินทางในวันที่เก้าเดือนหนึ่ง
ตอนแรกเหยาจิ้งจือเป็นกังวลเรื่องลูกชายคนโต แต่ก็ต้องกลับมาทำงานที่โรงงานเครื่องสำอางอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างกำลังยุ่งวุ่นวาย จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องลูกชายคนโตแล้ว นอกจากนี้สินค้าที่วางขายในไห่เฉิงก็เริ่มไม่พอ และยังขาดตำแหน่งช่างแต่งหน้าอีกหนึ่งคน หล่อนจึงตัดสินใจว่าจะพาลูกสะใภ้คนโตกับเยว่เจินจูไปที่นั่น
“จิ้งจือ พวกเธอไปที่นั่น ก็อย่าลืมใส่ใจเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะ”
ฉินมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวเหมือนกัน “ใช่ค่ะแม่ พวกแม่ต้องใส่ใจกันให้มาก ๆ หน่อยนะคะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “วางใจเถอะ พวกเราจะใส่ใจให้มาก”
หลังจากเหยาจิ้งจือและคนอื่น ๆ ออกเดินทางแล้ว ที่บ้านก็เงียบเหงาลง ฉินมู่หลานลองคำนวณเวลาก่อนจะพบว่าอีกไม่นานก็ใกล้จะเปิดเรียนแล้ว แต่ก่อนที่จะเปิดเรียน เช่าเจิ้งเฟิงก็มาหาเสียก่อน
“หมอฉินครับ ทางโรงพยาบาลของเรามีการผ่าตัดเคสหนึ่งอยากให้คุณไปช่วยครับ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดถามไม่ได้ “การผ่าตัดอะไรเหรอคะ?”
ก่อนหน้านี้ก็ได้ฟังมาจากคังอันเหอตอนที่ไปร่วมงานฉลองส่งท้ายปีเก่าแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าโรงพยาบาลทหารจะมาตามตัวเธอทันที แต่ก็ไม่เห็นจะมา เธอจึงคิดว่าคังอันเหออาจเข้าใจผิด นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีหมอจากโรงพยาบาลทหารมาหา
“เป็นการผ่าตัดซ่อมเส้นเอ็นน่ะครับ”
เช่าเจิ้งเฟิงรีบอธิบายอาการของผู้ป่วยให้ฟังอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม “หมอฉินครับ ไม่ทราบว่าคุณมั่นใจมากแค่ไหนว่าคนไข้จะสามารถกลับมาเดินได้?”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถึงขั้นมาเชิญไปผ่าตัดเลย มู่หลานปังมาก
ไหหม่า(海馬)
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
0
…………….
เมื่อเข้าสู่หน้านิยายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
• …………….จะเป็นการตั้งค่ารายเรื่อง และปิดโหมด อัตโนมัติเมื่อออกจากหน้าการอ่านนิยายเรื่องนั้น
อ่านน้อยลง
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ตอนที่ 636 พอมีชื่อเสียงนิดหน่อย
…………….
ตอนที่ 636 พอมีชื่อเสียงนิดหน่อย
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งที่เช่าเจิ้งเฟิงกล่าว ก็บอกตามตรง “เรื่องนี้จะบอกได้หลังจากไปเจอคนไข้ค่ะ ตอนนี้ฉันไม่ได้เจอเขา ยังบอกไม่ได้หรอก”
“ใช่ ผมรีบร้อนไปหน่อย”
เช่าเจิ้งเฟิงอดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถาม “หมอฉินครับ ถ้าอย่างนั้น…พวกเราไปกันเลยไหมครับ?”
วันนี้ฉินมู่หลานไม่มีธุระอะไร จึงกล่าวตามตรง “ไปกันเลยก็ได้ค่ะ”
“ตกลงครับ พวกเราไปกันเลย”
ระหว่างที่ทั้งสองเดินทางไปโรงพยาบาล ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามเพิ่มเติม “ก่อนหน้านี้อันเหอก็บอกแล้วค่ะว่าทางโรงพยาบาลทหารจะมาหา แต่ก็ไม่เห็นมาสักที ฉันก็เลยคิดว่าหล่อนเข้าใจผิดไป การผ่าตัดครั้งนี้เป็นเคสเดียวกันกับที่บอกอันเหอหรือเปล่าคะ”
เช่าเจิ้งเฟิงกล่าวด้วยความลำบากใจ “เป็นเคสเดียวกันครับ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบสิบกว่าวันแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาบอกฉันเอาตอนนี้ล่ะคะ?”
สำหรับเรื่องนี้ เช่าเจิ้งเฟิงก็ไม่ได้ปิดบัง
“คนไข้รายนี้ถูกส่งตัวมาจากที่อื่นครับ ก็เลยไม่รู้จักคุณ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยพูดถึงคุณ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ต่อมาขาของเขาดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลย และอาจจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของเขาด้วย ก็เลยนึกไปถึงตอนที่ผมเล่าเกี่ยวกับคุณให้ฟังขึ้นมาครับ”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
“อีกฝ่ายมาจากที่ไหนเหรอคะ?”
“มาจากทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ครับ ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นคนที่ทำงานได้ดีมาก ถ้าหากมีผลข้างเคียงหลงเหลือ ก็คงจะทำงานต่อไปไม่ได้แล้ว ก็เลยยอมทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามันให้หายขาดครับ”
ฉินมู่หลานถามไปไม่น้อย จึงพอจะทราบเรื่องของผู้ป่วยบ้างแล้ว เมื่อทั้งสองไปถึงโรงพยาบาล เช่าเจิ้งเฟิงก็พาฉินมู่หลานตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยทันที
“หมอฉิน นี่คือสหายฟู่โฮ่วหลิ่นครับ”
หลังจากฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินสิ่งที่เช่าเจิ้งเฟิงเอ่ย ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าแปลกใจ พลางหันมองเช่าเจิ้งเฟิงอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม “หมอเช่า นี่คือหมอที่คุณบอกว่าช่วยผ่าตัดให้ผมได้เหรอครับ?”
“ใช่ครับ นี่คือหมอฉิน ทักษะทางการแพทย์ดีมาก”
ถึงแม้จะทราบว่าหมอฉินอายุยังน้อยและยังเป็นนักศึกษาอยู่ แต่เมื่อได้มาเจอตัวเป็น ๆ ฟู่โฮ่วหลิ่นก็ยังมีข้อกังขาอยู่ในใจ ทว่าเขาไม่ได้แสดงสีหน้าออกจนเด่นชัดนัก พลางกล่าวทักทายฉินมู่หลานด้วยท่าทางสุภาพ
และฉินมู่หลานก็ไม่มัวพูดพร่ำ เข้าไปตรวจชีพจรให้ฟู่โฮ่วหลิ่นทันที จากนั้นจึงกล่าวว่า “ควรจะผ่าตัดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้อาจจะใช้เวลานานหน่อยค่ะ”
เช่าเจิ้งเฟิงได้ยินแบบนี้ก็กล่าวขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ผมบอกแล้วว่าจะให้คุณผ่าตัดให้ แต่น่าเสียดายที่สหายฟู่และคนอื่น ๆ ไม่ยอมตกลง”
ฟู่โฮ่วหลิ่นปรายตามองฉินมู่หลานนิดหน่อย หลังจากที่พวกเขาทราบว่าหมอฉินยังเป็นหมอสาวที่อายุยังน้อย พวกเขาก็รู้สึกไม่มั่นใจนิดหน่อย จึงเป็นหตุผลให้ไม่ยอมตอบตกลง แต่ครั้งนี้ไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ แต่ก็ยังคิดหาความหวังอย่างเลือนราง
ถึงแม้ว่าฟู่โฮ่วหลิ่นจะไม่ได้พูดอะไร ฉินมู่หลานก็พอจะเดาเหตุผลได้ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้คนส่งฟู่โฮ่วหลิ่นไปทำการตรวจร่างกายทันที ถ้าหากเป็นไปได้ จะได้ทำการผ่าตัดในวันนี้เลย
หลังจากตรวจร่างกายแล้วไม่พบความผิดปกติอื่น ฉินมู่หลานจึงหันไปมองแล้วกล่าวกับเช่าเจิ้งเฟิงว่า “หมอเช่าคะ เดี๋ยวทำการผ่าตัดเลยก็ได้ค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนไปเตรียมห้องผ่าตัด”
ฟู่โฮ่วหลิ่นนึกไม่ถึงว่าหมอคนใหม่จะมีท่าทีมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขากำลังขอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น จึงไม่พูดอะไรมาก ทำได้เพียงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉินมู่หลานก็ทำการผ่าตัดให้ฟู่โฮ่วหลิ่นทันที
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ ฉินมู่หลานก็หันมองเช่าเจิ้งเฟิงแล้วเอ่ยว่า “เอาล่ะค่ะ การผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเขาค่ะ”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนไข้มีแซ่ฟู่ จะมีความเกี่ยวข้องกับฟู่ซวี่ตงสหายของพี่หลี่หรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)