ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 640 เข้าใจผิด
ตอนที่ 640 เข้าใจผิด
ถูเฉิงเสียงมองภรรยาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “อันเหอ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ คุณออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ใช่เหรอ?”
คังอันเหอมองถูเฉิงเสียง ก่อนจะมองไปที่ฟู่โฮ่วหลิ่นและกัวอี่เชียน แล้วก็เอ่ยถามโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามสามี “เฉิงเสียง พวกเขาคือใครเหรอ?”
ถูเฉิงเสียงเพิ่งนึกได้ว่าภรรยาไม่รู้จักฟู่โฮ่วหลิ่นและกัวอี่เชียน จึงรีบแนะนำว่า “อันเหอ ทั้งสองคนนี้เป็นสหายที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว และในครั้งนี้ก็เป็นเพราะคุณนะ เมื่อผมรู้ว่าพวกเขากลับมาที่ปักกิ่ง ผมก็เลยติดต่อหาพวกเขา คนที่นั่งรถเข็นชื่อฟู่โฮ่วหลิ่นส่วนอีกคนคือกัวอี่เชียน”
เมื่อคังอันเหอได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปหาทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “สวัสดีค่ะ ฉันคังอันเหอเป็นภรรยาของเฉิงเสียงค่ะ”
ฟู่โฮ่วหลิ่นและกัวอี่เชียนต่างก็ทักทายหล่อนด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีพี่สะใภ้ พวกเราเคยได้ยินเฉิงเสียงพูดถึงคุณ แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกันในวันนี้”
ได้ยินดังนั้นคังอันเหอก็ยิ้มอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
เช้านี้หล่อนรู้ข่าวว่าสามีลาหยุดอีกแล้ว จึงคิดย้อนถึงตอนที่เขาพยายามหาเช่าห้อง และได้เตรียมการรับมือที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ บอกกับสามีว่าไปทำงานในเช้าวันนี้ จากนั้นก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ หาทางสืบหาข้อมูลที่อยู่ห้องที่สามีเช่า จนสืบทราบที่อยู่ ก่อนจะมาถึงที่นี่โดยตรง แล้วก็…
หล่อนเห็นสามีกำลังดูบ้านอยู่กับชายสองคน จึงคิดว่าสามีกำลังหาบ้านให้กับสหายเก่าของเขา
เมื่อคังอันเหอคิดเช่นนี้แล้ว หล่อนจึงตระหนักว่าตัวเองเข้าใจผิดอย่างมาก ก่อนหน้าเคยคิดว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อย อยากที่จะซ่อนภรรยาอีกคนเอาไว้ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าหล่อนเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง
เมื่อคังอันเหอรู้ความจริงแล้ว หล่อนก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่ตนมาที่นี่อย่างไรดี จึงรีบพูดว่า “เฉิงเสียง ฉันเพิ่งมาพบเพื่อนเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเจอพวกคุณ ยังไงแล้วฉันกลับไปทำงานก่อนนะ ขอตัว”
พูดจบหล่อนก็รีบวิ่งจากไปทันที
เมื่อมองตามร่างของคังอันเหอที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ถูเฉิงเสียงก็รู้สึกว่าหล่อนเดินออกไปอย่างรีบร้อน
เมื่อคังอันเหอกลับมาที่ร้านซิ่งหลิน หล่อนก็โล่งใจ หล่อนต้องไม่ให้สามีรู้ว่าตนสงสัยในตัวเขา ไม่เช่นนั้นเขาต้องโกรธเป็นแน่ ตอนนั้นเองหล่อนถึงสังเกตเห็นว่าฉินมู่หลานก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงพูดด้วยความประหลาดใจ “มู่หลาน วันนี้ว่างเข้ามาที่นี่ด้วยเหรอ?”
ฉินมู่หลานมองไปที่หล่อนอย่างขบขันแล้วพูดว่า “ไปจับชู้มาเป็นยังไงบ้าง?”
คังอันเหอได้ยินคำนั้นก็อดไม่ได้หน้าแดง รีบหันไปมองเซี่ยปิงชิงแล้วพูดว่า “ปิงชิง ทำไมถึงเอาเรื่องนี้ไปบอกมู่หลานล่ะ?”
สุดท้ายกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โต หล่อนจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
แต่เซี่ยปิงชิงกลับหัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “มู่หลานถามถึงเธอพอดี ฉันก็เลยเล่าให้ฟังตามจริง แถมเมื่อเช้ามู่หลานก็เพิ่งจะพบกับสามีของเธอ มู่หลานก็เลยอยากรู้ว่าวันนี้เธอจะจับผิดสามีได้ไหม”
พอทราบว่าฉินมู่หลานเพิ่งจะได้พบกับเฉิงเสียงเมื่อเช้านี้ คังอันเหอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นก็กล่าวในตอนท้ายว่า “เรื่องนี้พวกเธอต้องเก็บเป็นความลับให้ฉันนะ อย่าให้เฉิงเสียงรับรู้ ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะโกรธแน่ ๆ ที่ฉันไม่เชื่อในตัวเขา”
ในตอนท้ายหล่อนก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถึงได้ไวต่อความรู้สึก อะไรนิดอะไรหน่อยก็กระทบจิตใจของฉันไปหมด”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองคังอันเหออยู่นาน จากนั้นก็กล่าวว่า “อันเหอ ฉันขอจับชีพจรเธอหน่อย อยากรู้ว่าช่วงนี้เลือดลมเธอเป็นยังไงบ้าง”
คังอันเหอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน จึงรีบพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็วว่า “ได้เลยมู่หลาน งั้นฉันรบกวนด้วยนะ”
พูดจบก็รีบยื่นมือออกไป
เซี่ยปิงชิงกลับมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ พร้อมกับมองคังอันเหอและเริ่มคาดเดาบางอย่างในใจ
แน่นอนว่าหลังจากที่ฉินมู่หลานจับชีพจรคังอันเหอเสร็จ เธอก็กล่าวขึ้นมาทันที “อันเหอ เธอตั้งครรภ์แล้ว”
“อะ…อะไรนะ…”
คังอันเหอสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือไม่ จึงหันไปมองฉินมู่หลานด้วยอาการไม่เชื่อ หล่อนเพิ่งสูญเสียลูกไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วตอนนี้ฉินมู่หลานกลับบอกว่าหล่อนตั้งครรภ์อีกครั้ง
เซี่ยปิงชิงเห็นอาการแปลกใจของคังอันเหอ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมาว่า “อันเหอ เธอยังไม่เชื่อใจฝีมือหมอมู่หลานอีกเหรอ มู่หลานบอกว่าเธอท้องแล้วก็แปลว่าเธอท้องแน่ ๆ ถ้าเธอยังไม่สบายใจก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลได้นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คังอันเหอก็รู้สึกตัวในที่สุด จากนั้นใบหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เชื่อสิ ฉันเชื่ออยู่แล้ว”
พูดจบ หล่อนก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นจนแทบจะนั่งไม่ติด ตั้งแต่ที่แท้งลูกไป หล่อนก็อยากจะมีลูกอีกครั้งมาโดยตลอด กระนั้นก็ยังไม่มีลูกเสียทีจนกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่หลังจากที่หล่อนไปทำงานที่ร้านซิ่งหลิน หล่อนก็ยุ่งตลอดจนความกังวลเรื่องลูกเริ่มเบาบางลงไปบ้าง และอยู่ๆ ก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาเฉยๆ
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของคังอันเหอ ก็รีบกล่าวขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่งตื่นเต้นมากเกินไป ตอนนี้เธอเพิ่งตั้งท้องได้ไม่นาน ช่วงนี้ห้ามประมาทเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินดังนั้น คังอันเหอก็รีบตบอกตัวเองแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันไม่ควรจะตื่นเต้นมากจนเกินไป”
พูดจบก็รีบนั่งลงโดยทันที
ในเวลานั้นชุยจวี๋เดินเข้ามาพอดีและได้ยินเรื่องราวนี้ หล่อนก็ดีใจเป็นอย่างมาก “อันเหอ นี่เป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยนะ เที่ยงนี้ฉันจะทำอาหารอร่อยๆให้กับคุณ แล้วเรามาฉลองกันเถอะ”
นับตั้งแต่ที่มาทำงานในร้านซิ่งหลิน หล่อนก็ทำความสะอาดและทำอาหารไปด้วย มันทำให้หล่อนรู้สึกมีความสุขมาก
แม้แต่ผู้อาวุโสลั่วที่ไม่เคยพูดอะไรก็ยังกล่าวว่า “ถูกต้อง ควรเฉลิมฉลองสักหน่อย”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าชุยจวี๋จะยังทำอาหารให้ทุกคนกิน แต่อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เที่ยงนี้ต้องเพิ่มกับข้าวเสียแล้ว”
“ถูกต้อง ฉันจะเพิ่มกับให้ทุกคน ค่าซื้อกับข้าววันนี้ฉันเป็นคนออกเอง”
แต่ฉินมู่หลานจะยอมให้คังอันเหอจ่ายเงินได้อย่างไร เธอยังยืนกรานว่าสุดท้ายเธอเป็นคนเลี้ยง แต่เรื่องซื้อกับข้าวและทำอาหารเป็นหน้าที่ของชุยจวี๋
ขณะที่ฉินมู่หลานมองไปที่เซี่ยปิงชิง เธอก็พูดว่า “เนื่องจากอาชุยรับต้องรับหน้าที่ทำอาหาร ก็ควรได้ค่าแรงเพิ่มเล็กน้อย”
“ดีๆ ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย”
ชุยจวี๋ทำงานได้รวดเร็วมาก หลังจากซื้อกับข้าวเสร็จก็รีบทำให้มื้อเที่ยงแสนอร่อย เมื่อฉินมู่หลานกินเสร็จ เธอก็อดที่จะชมไม่ได้ “อาชุย อาหารที่อาทำอร่อยมากค่ะ”
เมื่อได้ยินคำชม ชุยจวี๋ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
คังอันเหอได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้น “ตั้งแต่มีอาชุยมาคอยทำอาหารให้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ”
“อันเหอ เมื่อเธอมีลูกแล้ว เธอก็ต้องกินเยอะ ๆ นะ” ตั้งแต่ชุยจวี๋มาที่ร้านซิ่งหลิน หล่อนก็ชื่นชอบทุกอย่างที่นี่ ทั้งงานที่สบาย ค่าแรงที่ได้เยอะ และผู้คนใจดี
หล่อนชอบที่นี่จริงๆ และยังรู้สึกว่าทุกคนเป็นเหมือนญาติ
คังอันเหอหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ค่ะ ฉันจะกินให้เยอะขึ้น”
ฉินมู่หลานพูดคุยกับทุกคนอีกสักพักก็กลับออกไป เพราะใกล้เปิดเทอมเข้ามาทุกที เธออาจไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่กับเด็กๆ จึงตั้งใจที่จะใช้เวลาช่วงนี้ในการอยู่กับเด็กๆ ให้เต็มที่
ส่วนเซี่ยปิงชิงก็มองคังอันเหอที่นั่งยิ้มเงียบๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอาล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ อย่ามานั่งยิ้มเงียบๆ อยู่อย่างนี้เลย”
เมื่อคังอันเหอได้ยินดังนั้น หล่อนจึงเผลอเอามือไปลูบหน้าตัวเองแล้วพูดว่า “ฉันยิ้มเหรอ?”
เห็นคังอันเหอเป็นแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาแล้วพูดว่า “ฉันเห็นเธอนั่งยิ้มไม่หยุดเลย มีเรื่องอะไรดีๆ งั้นเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่ติดธุระในช่วงเช้าเพิ่งจะมีเวลาว่างเข้ามาที่นี่
เมื่อคังอันเหอเห็นเซี่ยปิงหรุ่ย ก็เลยเล่าข่าวดีนี้ให้หล่อนฟังด้วย
“จริงเหรอ ดีมากเลยนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ดีใจแทนคังอันเหอด้วยพร้อมบอกกับหล่อนว่า “งั้นช่วงบ่ายเธอก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่ยังมีฉัน ถ้ามีคนมาซื้อยาฉันก็จ่ายยาให้ได้”
ได้ยินอย่างนั้น คังอันเหอก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
พอมาถึงบ้าน ก็เห็นสามีอย่างถูเฉิงเสียงกลับมาแล้ว
ในฝั่งของถูเฉิงเสียง พอกลับถึงบ้านแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขารู้จักเพื่อนสนิทของภรรยาตัวเองแทบหมดแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้จักเพื่อนสนิทที่อยู่แถวนั้นของหล่อนเลย “อันเหอ ทำไมวันนี้คุณถึงได้ไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ?”
คังอันเหอไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดด้วยความดีใจสุดๆ ว่า “เฉิงเสียง ฉันท้องแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เข้าใจผิดเรื่องหนึ่ง แต่ก็มีเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งมาแทนล่ะนะ
ไหหม่า(海馬)