ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 652 บังเอิญ(1)
ตอนที่ 652 บังเอิญ(1)
…………….
ตอนที่ 652 บังเอิญ(1)
ระหว่างทางที่เซี่ยปิงหรุ่ยและฉินมู่หลานเดินทางไปที่ร้านซิ่งหลิน ทั้งสองก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องของเล่อฉยงเยี่ยน
“ผู้หญิงคนนั้นกล้าทำจริง ๆ นะ ถ้าสามีคนปัจจุบันของหล่อนรู้ว่าลูกสาวไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง” พอพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า “ผู้หญิงคนนั้นอาจจะทำแท้งลูกของผู้จัดการกู้จนร่างกายได้รับความเสียหายและไม่สามารถตั้งท้องได้อีก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานพยักหน้าและกล่าวว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะตอนนั้นหล่อนเอาเด็กออกโดยที่ไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี”
ไม่เช่นนั้นไม่กี่ปีผ่านไป หล่อนก็คงจะตั้งท้องได้อีก
อย่างไรก็ตาม เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเรื่องอื่นมากกว่า
“มู่หลาน เธอว่าผู้จัดการกู้จะปล่อยเรื่องนี้ไปแบบนี้เลยเหรอ เขาจะบอกเรื่องนี้กับสามีคนปัจจุบันของเล่อฉยงเยี่ยนหรือเปล่า?”
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าผู้จัดการกู้จะทำอย่างไร ก็ล้วนมีเหตุผลของเขา”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ใช่ ฉันเชื่อในการจัดการของผู้จัดการกู้ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงจะแฉเรื่องนี้ออกไปนานแล้ว และจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงอย่างเล่อฉยงเยี่ยนได้มีความสุข”
“หมอฉิน หมอเซี่ย พวกคุณกลับมาแล้วเหรอครับ?”
เมื่อเห็นพวกเธอกลับมา ฟู่โฮ่วหลินก็ยิ้มทักทายฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฟู่โฮ่วหลินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมคุณกลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้มู่หลานสั่งจ่ายยาให้คุณแล้วไม่ใช่เหรอ ยาที่สั่งจ่ายไปน่าจะยังกินไม่หมดนะ”
ฟู่โฮ่วหลินส่ายหัวเมื่อได้ยินคำถามนี้และกล่าวว่า “ยังกินไม่หมดจริง ๆ แต่ก็กินไปหลายชุดแล้ว ผมตั้งใจจะมาสั่งยาเพิ่มอีกและอยากจะบอกพวกคุณด้วยว่า ผมตัดสินใจจะอยู่ที่ปักกิ่งต่อไป”
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำนี้และถามฟู่โฮ่วหลินว่า “คุณตัดสินใจจะอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ เมื่อก่อนเห็นท่าทางของคุณ ฉันยังคิดว่าคุณอยากจะกลับซีหนานเสียอีก”
แม้แต่ฉินมู่หลานก็ยังหันไปมองฟู่โฮ่วหลินด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
คังอันเหอก็อดที่จะถามไม่ได้ “แล้วงานของคุณจะทำยังไง คุณย้ายจากซีหนานมาที่นี่ได้เหรอ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว น่าจะย้ายจากซีหนานมาที่นี่ได้”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คังอันเหอก็พยักหน้า หล่อนเคยได้ยินสามีเล่าให้ฟังว่าฟู่โฮ่วหลิ่นสร้างผลงานไว้มากมายในซีหนาน หากเขาออกจากที่นั่นเพื่อที่จะอยู่ในปักกิ่งก็คงจะน่าเสียดาย หากย้ายมาที่นี่ได้เลยนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
ในขณะที่เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกยินดีอย่างจริงใจแทนฟู่โฮ่วหลิ่น
“อย่างนั้นยอดเยี่ยมเลย ฟู่โฮ่วหลิ่น บ้านของตระกูลฟู่ก็คือบ้านของคุณ คุณควรกลับไปนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่โฮ่วหลิ่นจึงยิ้มแล้วเงยหน้ามองเซี่ยปิงหรุ่ย “ตอนนี้ผมคิดดีแล้ว ทำไมผมต้องหนีไปไกลๆ แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นอยู่ในบ้านอย่างสุขสบาย”
พูดจบเขาก็หันไปทางเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณหมอเซี่ยที่ทำให้ผมคิดได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแล้วจึงรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ คุณเป็นคนคิดได้ด้วยตัวเอง พวกเราก็แค่เสนอความเห็นนิดหน่อย”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพูดอย่างนั้นแล้ว ฟู่โฮ่วหลิ่นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉินมู่หลานก็ได้ตรวจชีพจรให้ฟู่โฮ่วหลิ่น แล้วฝังเข็มให้เขาอีกครั้ง “ถ้าคุณมีเวลาก็แวะมาหาฉัน ฉันจะฝังเข็มให้คุณอีกหลายๆ ครั้ง คุณจะได้หายเร็วขึ้น”
ฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินดังนั้นจึงรีบกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณหมอฉินครับ ขอบคุณจริงๆ”
ฉินมู่หลานรับคำขอบคุณจากฟู่โฮ่วหลิ่น แล้วกำชับให้เขาดูแลตัวเองให้ดี
หลังจากที่ฟู่โฮ่วหลิ่นออกไปแล้ว เซี่ยปิงชิงที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนานก็เอ่ยถาม “เมื่อกี้เขาเป็นใคร ฉันไม่รู้จักเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยปิงชิงไม่ได้อยู่ตอนที่ฟู่โฮ่วหลิ่นมา จึงเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังแล้วกล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างที่เธอว่าน่ะ เขาควรจะได้สิ่งที่เป็นของเขากลับคืนมา แต่น่าเศร้าที่ตอนนั้นเขากลับเลือกหลบหนีไปไกลๆ ตอนนี้เขาคิดได้แล้วและตัดสินใจที่จะอยู่ในปักกิ่ง ฉันว่าแม่เลี้ยงของเขาคงจะต้องเริ่มกังวลแล้วล่ะ”
หลังจากฟังคำบอกเล่าของเซี่ยปิงหรุ่ย เซี่ยปิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้อื่น”
เมื่อพูดคุยกันเรื่องของฟู่โฮ่วหลิ่นไปสักระยะ คนทั้งหลายก็เริ่มพูดคุยเรื่องอื่นๆ ขณะที่คังอันเหอหลังจากกลับถึงบ้านก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ถูเฉิงเสียงสามีของตนเองฟัง
เมื่อถูเฉิงเสียงรับทราบว่ามิตรสหายของตนตัดสินใจจะอยู่ต่อ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องดีจริงๆ จากนี้ต่อไปเราคงจะได้พบปะกันบ่อยๆ ผมไม่รู้ว่ากัวอี่เชียนจะกลับมามาอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่”
เรื่องราวของกัวอี่เชียน คังอันเหอก็ไม่ทราบเช่นกัน
ส่วนถูเฉิงเสียงรู้สึกดีใจอย่างแท้จริง เมื่อถึงวันหยุดในวันถัดมาก็วางแผนว่าจะเชิญฟู่โฮ่วหลิ่นมารับประทานอาหารที่บ้าน พร้อมทั้งได้เชิญเซี่ยเจ๋อหลี่ให้มาร่วมด้วย
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ปฏิเสธ ถูเฉิงเสียงรีบพูดว่า “อาหลี่ ไปด้วยกันเถอะ เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล รู้ไหมว่าแผลของโฮ่วหลิ่นภรรยาของคุณต่างหากที่เป็นคนผ่าตัด ก็ถือว่าได้ทำความรู้จักกันไป อีกอย่างคุณไม่สงสัยเรื่องโฮ่วหลิ่นบ้างเลยเหรอ เขาคือหมาป่าแห่งซีหนานที่มีชื่อเสียง โด่งดังไม่แพ้คุณเลยนะ คุณไม่คิดจะพบเขาจริงๆ เหรอ?”
เมื่อถูเฉิงเสียงกล่าวเช่นนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อฟู่โฮ่วหลิ่นได้พบกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ถูเฉิงเสียงก็รีบแนะนำว่า “โฮ่วหลิ่น นี่คือเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่านายเคยได้ยินชื่อของเขาหรือเปล่า”
“อ๋อ คุณเซี่ยเหรอครับ ผมรู้จัก”
ฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินชื่อเซี่ยเจ๋อหลี่มาบ้าง เนื่องจากเซี่ยเจ๋อหลี่มีความสามารถโดดเด่น รวมถึงการต่อสู้ก็เก่งกาจมาก ในงานประลองครั้งใหญ่ ชื่อของเซี่ยเจ๋อหลี่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่เซี่ยปิงหรุ่ยได้แนะนำเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้แล้ว อาหลี่ยังเป็นสามีของคุณหมอฉินซึ่งฉันได้เคยพูดถึงไว้กับคุณแล้ว”
ฟู่โฮ่วหลิ่นยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว คุณเคยเล่าให้ผมฟัง คุณเซี่ยช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณหมอฉิน”
เมื่อได้ยินฟู่โฮ่วหลิ่นชมเชยภรรยาของตน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกล่าวว่า “ครับ ผมโชคดีจริงๆ”
ทั้งสามคนรับประทานอาหารร่วมกัน จากนั้นจึงได้ทำความรู้จักกันพอสมควร และในช่วงเย็นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เตรียมตัวกลับบ้าน และเดินทางกลับไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาก็ยิ้มและพูดว่า “อาหลี่ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับบ้าน ที่ไหนได้หันกลับมาอีกทีก็อยู่ตรงหน้าฉันแล้ว”
“นี่แสดงว่าเรามีใจตรงกัน”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มและเดินเข้าไปหาเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะลูบผมของฉินมู่หลานเบาๆ “มู่หลาน ผมคุณยาวขึ้นแล้ว”
“ใช่ ฉันกำลังคิดว่าเวลาว่างจะไปตัด”
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่กลับบอกว่า “แบบนี้ก็ดูดีนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สหายร่วมรบมาเจอกัน จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นไหมนะ
ไหหม่า(海馬)