ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 675 ความทะเยอทะยาน(2)
ตอนที่ 675 ความทะเยอทะยาน(2)
พอได้ยินเหยาจิ้งจือพูดแบบนั้น ฉินู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหล่อนแล้วพูดว่า “แม่คะ ความคิดของแม่ดีมากเลยค่ะ ไว้เรามาคิดแผนกัน แล้วค่อยดูว่าทำได้ไหม”
“ดีเลย”
พอเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ขัดข้อง แถมยังเห็นด้วย เหยาจิ้งจือก็ดีใจมาก
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พานายท่านเหยา คุณนายเหยาและเสี่ยวอวี๋มาด้วย
พอนายท่านเหยาเห็นว่าเหยาจิ้งจือกลับมาแล้ว ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ “จิ้งจือ กลับมาเสียทีนะ นี่ถ้าลูกกับเสวี่ยเยี่ยนยังไม่กลับมา พวกเราจะให้คนไปหาที่ไห่เฉิงซะแล้ว”
“พ่อคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันกับเสวี่ยเยี่ยนไปตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง พอประสบความสำเร็จก็เลยรีบกลับมาเลยค่ะ”
พอพูดจบ เหยาจิ้งจือก็เล่าประสบการณ์ความสำเร็จในครั้งนี้ให้นายท่านเหยาฟังอีกที
เมื่อเห็นประกายในดวงตาของลูกสาว นายท่านเหยาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “จิ้งจือ ลูกชอบงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันมากเหรอ?”
ใบหน้าของเหยาจิ้งจือ เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุข “ฉันคิดว่าฉันทำได้ดีกว่านี้” ระหว่างที่พูดเธอก็เล่าถึงแผนการในอนาคตของตัวเอง จากนั้นก็กล่าวว่า “พ่อคะ หนูน่าจะพัฒนาอาชีพของตัวเองเร็วกว่านี้ อาจทำได้ดีกว่านี้ไปนานแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนายท่านเหยาก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
“จิ้งจือ พ่อดีใจที่ได้เห็นลูกแบบนี้นะ ถ้าพ่อรู้ว่าลูกสนใจเรื่องพวกนี้ พ่อจะให้คนพาไปทำแต่แรก” พูดจบ นายท่านเหยาก็เกิดความคิดขึ้นมาทันใด “จิ้งจือ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พ่อจะให้พ่อบ้านเหยาพาลูกไปดีไหม?”
เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
“ให้พ่อบ้านเหยาพาฉันไปเหรอคะ?”
นายท่านเหยาพูดพลางหัวเราะ “ใช่แล้ว ลูกอาจจะไม่รู้พ่อบ้านเหยาน่ะเก่งเรื่องการจัดการพวกนี้ทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เขาพาลูกไปทำความคุ้นเคยกับกิจการบางอย่างของตระกูลก่อน จากนั้นก็จะมอบกิจการเหล่านั้นให้ลูกดูแลทั้งหมด”
“พ่อ…แต่นี่…จะให้ฉันดูแลจริงเหรอ ฉัน…ฉันกลัวจะไม่มีเวลา”
เพราะตอนนี้หล่อนยังต้องดูแลเรื่องโรงงานเครื่องสำอางอยู่
เมื่อได้ยินดังนั้น นายท่านเหยาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “เดี๋ยวพ่อจะไปถามมู่หลาน ดูว่าจะให้ลูกออกมาก่อนได้หรือเปล่า”
“เรื่องนี้…”
เหยาจิ้งจือยังงุนงง เพราะรู้สึกว่าถ้าอยู่ดีๆ ไม่ไปโรงงานเครื่องสำอางแล้ว จะทำให้มู่หลานลำบากใจหรือไม่ อีกอย่างโรงงานเครื่องสำอางเองก็ยังต้องการหล่อน
“พ่อ ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ”
“ได้ คิดให้ดีๆ แต่พ่อก็จะหาโอกาสไปถามมู่หลานเหมือนกัน”
ยังไม่ทันที่เหยาจิ้งจือจะคัดค้าน ฉินมู่หลานก็เดินเข้ามาพอดี นายท่านเหยาไม่รอช้าถามเรื่องนี้กับฉินมู่หลานในทันที
“คุณตาคะ ตาอยากให้แม่ไปจัดการธุรกิจของตระกูลเหยาเหรอคะ?”
นายท่านเหยาพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่อก่อนฉันไม่อยากให้จิ้งจือเหนื่อยมาก แต่ตอนนี้ดูๆ ไปแล้วเหมือนหล่อนจะชอบทำอะไรแบบนี้ ก็เลยมีความคิดนี้ขึ้นมา ธุรกิจของตระกูลเหยาล้วนเป็นของจิ้งจือทั้งนั้น ให้หล่อนจัดการเองคงดีกว่า จะได้ไม่มีใครมาหลอกในภายหลัง”
เมื่อได้ยินนายท่านเหยาพูดอย่างนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่มีข้อโต้แย้ง
“ได้สิคะคุณตา งั้นก็ให้แม่ไปดูแลธุรกิจพวกนั้นได้เลยค่ะ”
“แล้วเรื่องโรงงานเครื่องสำอางล่ะ ถ้าพวกเธอดูแลไม่ไหว ตาก็จะส่งคนไปช่วยก่อน แล้วค่อยเรียกกลับมาเมื่อพวกหลานมีคนพร้อมแล้ว”
สำหรับเรื่องโรงงานเครื่องสำอาง ฉินมู่หลานแทบจะไม่ได้ดูแลอะไรมากนัก เธอจึงยังไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโรงงานเท่าใด “เดี๋ยวฉันจะถามแม่ดูก่อนค่ะว่าโรงงานต้องการคนเพิ่มไหม?”
“ได้”
เดิมทีนายท่านเหยายังคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ราบรื่น แต่ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะตอบตกลงในทันที
เหยาจิ้งจือได้ยินลูกสะใภ้พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ในใจยังสับสนและไม่อยากให้เป็นไปตามนั้น เพราะหล่อนมีส่วนร่วมในการจัดการโรงงานเครื่องสำอางมาตั้งแต่แรก เห็นการพัฒนาของโรงงานมาโดยตลอด แล้วจู่ๆ ต้องจากไป ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้
เมื่อถึงเวลาอาหาร ซูหว่านอี๋ก็ได้ยินเรื่องนี้
หล่อนก็ไม่อยากให้เหยาจิ้งจือไปเช่นกัน เพราะตอนนี้ทั้งสองทำงานด้วยกันได้ดีมาก ช่วยกันดูแลโรงงานจนเป็นระบบระเบียบ แต่หล่อนก็รู้ว่าธุรกิจของตระกูลเหยาอาจจะมีมากกว่า และถ้าจิ้งจือสามารถดูแลทั้งหมดได้ก็คงเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นหล่อนจึงจำใจพยักหน้า “ได้สิ แต่ตำแหน่งในโรงงานจะยังคงเป็นของจิ้งจืออยู่ตลอด ถ้าเธออยากกลับมา พวกเราก็ยินดีต้อนรับ”
เมื่อได้ยินซูหว่านอี๋พูดอย่างนี้ ดวงตาของเหยาจิ้งจือก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“หว่านอี๋ ขอบคุณเธอมากนะ”
แต่ซูหว่านอี๋กลับส่ายหน้า “จิ้งจือ พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ เธอทำเพื่อโรงงานมากมาย ความเหนื่อยยากที่เธอลงแรงไปมันมากมายมหาศาลจริงๆ”
เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกแก้วขึ้นดื่มกับซูหว่านอี๋คนละแก้ว
“หว่านอี๋ งั้นวันพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปดูที่โรงงานสักหน่อย ในส่วนงานของฉันก็ให้เสวี่ยเยี่ยนช่วยดูก่อนแล้วกัน”
“ได้”
ซูหว่านอี๋ก็รู้ว่าหลี่เสวี่ยเยี่ยนทำงานได้เยี่ยมยอดขึ้นทุกวัน หากมอบงานให้หล่อนรับช่วงต่อจากเหยาจิ้งจือก็ไม่น่าจะมีปัญหา
หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างนึกไม่ถึงว่าตนเองจะได้มารับช่วงต่อหน้าที่คุณแม่สามีด้วยซ้ำ เพราะความจริงแล้วงานของคุณแม่สามีในโรงงานนั้นสำคัญมาก แล้วในอนาคตหน้าที่ความรับผิดชอบของหล่อนก็จะหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก แต่หน้าที่การงานของหล่อนก็จะก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน
“แม่คะ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เลย”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนหันไปหาซูหว่านอี๋แล้วกล่าวว่า “คุณอาคะ ฉันจะไม่ทำให้คุณอาผิดหวังในตัวฉันแน่นอนค่ะ”
พอเห็นหลี่เสวี่ยเยี่ยนจริงจังขนาดนี้ ซูหว่านอี๋ก็อดขำไม่ได้ “จ้ะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าทุกคนพูดคุยกันลงตัวแล้วจึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก ก่อนหน้านี้เธอวางมือจากเรื่องราวของโรงงานเครื่องสำอางไปนานแล้ว ตอนนี้พวกคุณแม่บริหารจัดการได้ดีเยี่ยม ก็ปล่อยให้เป็นไปตามความคิดของพวกหล่อน
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เหยาจิ้งจือก็มุ่งหน้าไปที่โรงงานเครื่องสำอางตั้งแต่เช้าตรู่ หล่อนพาหลี่เสวี่ยเยี่ยนมารับช่วงต่อหน้าที่การงานทั้งหมดของหล่อน หลังจากที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเข้าใจในงานทั้งหมดอย่างถ่องแท้แล้ว หล่อนจึงกลับมายังตระกูลเหยา แล้วเริ่มต้นศึกษางานทั้งหมดของตระกูลกับพ่อบ้านเหยา
เดิมทีนายท่านเหยาได้หาผู้จัดการเอาไว้แล้ว แต่เมื่อลูกสาวของตนเองสามารถรับผิดชอบได้ ท่านก็ยินดีเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงคอยติดตามไปด้วย แล้วอธิบายให้ลูกสาวของตนฟังด้วยตนเอง
ทางด้านเหยาจิ้งจือที่เริ่มรับช่วงต่อกิจการของตระกูลเหยาแล้ว เซี่ยเจ๋อเหว่ยลูกชายคนโตของหล่อนก็เดินทางกลับมาจากเซินเจิ้นเช่นกัน
เหยาจิ้งจือเห็นว่าลูกชายคนโตกลับมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข
“เจ๋อเหว่ย ลูกกลับมาได้ทันเวลาพอดี ครั้งนี้ไปเซินเจิ้นเป็นยังไงบ้าง ลูกยังคิดจะไปที่นั่นต่ออีกหรือเปล่า?”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “แม่ครับ ผมตั้งใจจะไปที่นั่นต่อ แล้วผมก็คิดว่าจะไปทำอะไรที่เซินเจิ้นด้วย” เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ เขาก็พูดขึ้นตรงๆ ทันทีว่า “คืนนี้พวกเราไปหาน้องสะใภ้ที่บ้านกันเถอะครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาหล่อน”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เหยาจิ้งจือก็ไม่ปฏิเสธ
“ตกลง”
เมื่อลูกชายคนโตค้นพบสิ่งที่อยากทำ หล่อนก็ดีใจจนตัวลอย
แต่เพียงไม่นาน เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็สังเกตเห็นบางสิ่ง “แม่ วันนี้แม่ไม่ไปโรงงานเครื่องสำอางเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แต่ละคนเติบโตในหน้าที่การงานแบบก้าวกระโดดเลย ต้องขอบคุณมู่หลานจริงๆ
ไหหม่า(海馬)