ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 683 โอกาส(2)
ตอนที่ 683 โอกาส(2)
เหลียงถงที่อยู่ข้างๆ มองไปที่ฉินเคอวั่งแล้วพูดว่า “เคอวั่ง ถ้าบ่ายนี้เธอว่าง ฉันจะพาไปเจอกับเพื่อนคนหนึ่งของฉัน”
ฉินเคอวั่งพยักหน้าและพูดว่า “ผมว่างครับอาจารย์”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเธอไปเตรียมตัวแล้วกัน เดี๋ยวเราค่อยออกไป”
ฉินเคอวั่งรีบกลับไปที่ห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ดูสุภาพขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ออกไปกับเหลียงถง
ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะถามฉินเจี้ยนเซ่อว่า “อาจารย์เหลียงรู้จักเพื่อนคนนี้มานานแล้วเหรอคะ?”
“ใช่ พ่อได้ยินว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่ และน่าจะอยู่ที่นี่ยาวเลย อาจารย์เหลียงนัดเจอกับเพื่อนคนนี้เสมอเวลาที่เขาว่าง ทั้งสองคนน่าจะเป็นเพื่อนเก่ากัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
ทางด้านเหลียงถงก็พาฉินเคอวั่งไปที่ร้านน้ำชาเล็กๆ แห่งหนึ่ง “ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนเก่าที่เซินเจิ้นเหมือนกัน พวกเราโตมาด้วยกัน ดังนั้นเราก็เลยสนิทกันมาก เพียงแต่ว่าภายหลังเขาย้ายไปอยู่ที่อื่น พวกเราเลยไม่ค่อยได้เจอกัน ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ได้มาเจอกันที่เซินเจิ้น”
เหลียงถงและฉินเคอวั่งพูดคุยถึงเรื่องราวของเพื่อนเก่าของเขา
“พวกเราทั้งคู่ต่างก็ทำงานในเซินเจิ้น และเขาก็เป็นสถาปนิกเหมือนกับฉันด้วย ดังนั้นฉันเลยอยากพานายไปรู้จักกับเขา”
ฉินเคอวั่งรู้ดีว่านี่คือโอกาสที่อาจารย์กำลังแนะนำให้เขาได้รู้จักกับผู้คนมากขึ้น เขาจึงแสดงสีหน้าจริงจัง
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ มีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมผิวคล้ำคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นเหลียงถง เขาก็ยิ้มและเดินตรงมาหา
“เถียนอวี้ ทางนี้”
เหลียงถงยิ้มและโบกมือเรียก เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ เขาก็ชี้ไปที่ฉินเคอวั่งและพูดว่า “นี่คือฉินเคอวั่ง นักเรียนของฉันที่ฉันเคยพูดถึง” จากนั้นเขาก็แนะนำเถียนอวี้ให้ฉินเคอวั่งรู้จัก “เคอวั่ง นี่คือเถียนอวี้ สถาปนิกชื่อดัง ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเคอวั่งก็รีบกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับอาเถียน”
เถียนอวี้เห็นฉินเคอวั่งแบบนี้ก็ยิ้มและพูดว่า “สวัสดีๆ”
หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้ว ทั้งสามคนก็มานั่งลง
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินนายเล่าถึงนักเรียนคนนี้อยู่บ่อยครั้งว่าเขาเก่งแค่ไหน ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริงของเขาในวันนี้ หรือว่านายเรียกนักเรียนมาที่นี่เป็นพิเศษกันนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนอวี้ เหลียงถงก็หัวเราะพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ลูกศิษย์ของฉันมาที่นี่เพื่อเรื่องอื่น เขาตั้งใจจะร่วมหุ้นกับคนอื่นเพื่อเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นเขาจึงใช้ช่วงเวลาปิดเทอมมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเถียนอวี้อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
“ร้านขายวัสดุก่อสร้างเหรอ น่าสนใจนะ ตอนนี้เซินเจิ้นมีการก่อสร้างกันเต็มไปหมด การเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างคงไม่แย่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเคอวั่งก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แม้แต่เพื่อนของอาจารย์ยังพูดแบบนี้ แสดงว่าการเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างที่เซินเจิ้นนั้นย่อมเป็นไปได้สวย
“จริงครับ พี่สาวของนักเรียนฉันก็มาด้วย มีพี่สาวของเขาคอยดูแล ร้านขายวัสดุก่อสร้างแห่งนี้ก็คงไม่แย่”
ก่อนหน้านี้เถียนอวี้เคยได้ยินเหลียงถงพูดถึงนักเรียนของเขาเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้จักพี่สาวของนักเรียนคนนี้เลย เมื่อได้ยินเพื่อนของเขาพูดแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“นายพูดแบบนี้หมายความว่าหากมีพี่สาวของเคอวั่งคนนี้อยู่ ร้านขายวัสดุก่อสร้างก็จะประสบความสำเร็จ งั้นพี่สาวของเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากสินะ”
ตอนนี้ทางตอนใต้ เริ่มมีคนลักลอบทำธุรกิจกันแล้ว ที่เซินเจิ้นยิ่งมีมากเป็นพิเศษ ดังนั้นเถียนอวี้จึงคิดว่าพี่สาวของฉินเคอวั่งน่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
แต่แล้วเหลียงถงก็หัวเราะออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่สาวของเคอวั่งเรียนหมอ”
“เรียนหมอเหรอ?”
เถียนอวี้รู้สึกสับสน
เหลียงถงอธิบายว่า “นายน่าจะเคยได้ยินชื่อของพี่สาวเคอวั่งนะ” จากนั้นเขาก็พูดถึงยาหลายชนิดที่ใช้ในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เช่น ยาต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เถียนอวี้ก็รู้สึกคุ้นขึ้นมา และในตอนนี้เขาก็หันไปมองฉินเคอวั่งด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “พี่สาวนายเก่งจริง ๆ ”
ฉินเคอวั่งรู้สึกภูมิใจแทนพี่สาวและพูดว่า “ใช่ครับ พี่สาวผมเก่งมาก”
หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก เถียนอวี้ก็ถามฉินเคอวั่งเกี่ยวกับเรื่องสถาปัตยกรรม เมื่อได้ยินคำตอบของฉินเคอวั่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น จากนั้นเขาก็ถามคำถามที่ยากขึ้น สุดท้ายเขาก็พูดกับเหลียงถงด้วยความรู้สึกทึ่งว่า “นายโชคดีที่มีลูกศิษย์ที่เก่งขนาดนี้นะ ฉินเคอวั่งเรียนรู้ได้ดีมาก”
เหลียงถงพูดด้วยความภูมิใจว่า “เป็นธรรมดา ก่อนที่ฉินเคอวั่งจะเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็มาเรียนกับฉันก่อนแล้ว เขาเก่งด้านนี้มาก”
นี่คือเหตุผลที่เขาพาฉินเคอวั่งมาพบกับเถียนอวี้
หลังจากทดสอบฉินเคอวั่งแล้ว เถียนอวี้และเหลียงถงก็พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญล่าสุดในเซินเจิ้น นั่นคือการก่อสร้างโรงแรมเผิงเฉิง “ตอนนี้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ของฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว เร็วๆ นี้พวกเขาจะเข้าร่วมการประมูล ฉันหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
“บริษัทออกแบบของนายไม่มีปัญหาแน่นอน”
อย่างไรก็ตามเถียนอวี้ยังคงกังวลอยู่บ้าง
“ครั้งนี้มีนักออกแบบจากฮ่องกงมาด้วย บริษัทออกแบบของเราเลยกังวลว่าจะไม่ได้งานนี้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เถียนอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปหาเหลียงถงและพูดว่า “นายเองก็ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ขึ้นมาไม่ใช่เหรอ? ถ้าสนใจก็ไปดูงานด้วยกันสิ”
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการให้เหลียงถงเข้าร่วมการประมูล เพราะบริษัทขนาดเล็กแบบนั้นไม่มีทางเข้าร่วมการก่อสร้างโรงแรมเผิงเฉิงได้เลย ดังนั้นเขาจึงพูดแค่ว่าให้พวกเขาไปดูงาน
เมื่อได้ยินดังนั้นเหลียงถงก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่แล้วเขาก็ลังเลเล็กน้อย “พวกเราคงเข้าไปไม่ได้หรอก”
แต่แล้วเถียนอวี้ก็ยิ้มและพูดว่า “พวกนายก็แกล้งทำเป็นว่าเป็นพนักงานของบริษัทเราสิ ไปดูงานข้างใน งานประมูลที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ ปกติแล้วไม่ค่อยได้เห็นกันหรอก แต่ว่าพวกนายมีสิทธิ์เข้าไปได้แค่สองคนนะ”
เป็นเพราะความผูกพันตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นเถียนอวี้คงไม่เชิญเหลียงถง อีกอย่างก็เพราะว่าเหลียงถงเก่ง เขามีความสามารถด้านสถาปัตยกรรมมากกว่าเถียนอวี้เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงเสนอเรื่องนี้
แม้จะมีสิทธิ์เข้าไปได้แค่สองคน แต่เหลียงถงก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
“ตกลง งั้นฉันจะพาฉินเคอวั่งไปด้วย”
เวลาแห่งการพบปะกันมักสั้นเสมอ ทั้งสามคนดื่มชาไปสองกา หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไป
เมื่อเหลียงถงไปถึงเกสต์เฮาส์ เขาก็พูดถึงเรื่องโรงแรมเผิงเฉิงกับฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็มีรากฐานในเซินเจิ้นอยู่บ้างแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่านี่คือเรื่องสำคัญ เมื่อรู้ว่ามีสิทธิ์เข้าไปดูงานได้สองคน พวกเขาก็รู้สึกดีใจเช่นกัน “ดีมากเลยอาจารย์เหลียง คุณพาเคอวั่งไปดูงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเรื่องโรงแรมเผิงเฉิง เธอก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอรู้จักโรงแรมเผิงเฉิงแห่งนี้อยู่แล้ว ในวันข้างหน้าโรงแรมเผิงเฉิงจะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเซินเจิ้น
คิดได้ดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เหลียงถง และถามว่า “อาจารย์เหลียงรู้ไหมคะว่าโครงการก่อสร้างโรงแรมครั้งนี้ เขาจะรับเหมาอะไรบ้าง”
การก่อสร้างโรงแรมทั้งหลังเป็นโครงการขนาดใหญ่ บางครั้งแม้แต่การตกแต่งโรงอาหารพนักงานก็ยังต้องมีการประมูลแยกต่างหาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอกาสดีๆ มาถึงมือแล้ว รีบคว้าไว้เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)