ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 717 พยายามโน้มน้าว(2)
ตอนที่ 717 พยายามโน้มน้าว(2)
หลินหย่งเฉียงคือหัวหน้าแผนกแพทย์แผนจีน ด้วยประสบการณ์การรักษาแผนจีนที่ยาวนาน ทำให้มีผู้มาใช้บริการไม่ขาดสาย เมื่อคนไข้คนแรกเข้ามา พวกเขาก็พบว่าวันนี้มีสิ่งที่แตกต่างจากวันก่อน ๆ นั่นคือมีแพทย์หญิงเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน ซึ่งดูแล้วคงจะมาเรียนรู้จากหัวหน้าแผนกหลิน
แต่เมื่อคนไข้นั่งลง พวกเขาก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้ไม่ใช่หัวหน้าแผนกหลินเป็นผู้ตรวจชีพจรให้ แต่เป็นแพทย์หญิงข้าง ๆ
“หัวหน้าแผนกหลิน ผมตั้งใจมาหาคุณ คุณจะไม่ตรวจให้ผมได้ยังไง”
หลังจากฟังคำพูดของคนไข้ หลินหย่งเฉียงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจ เมื่อเสี่ยวเซี่ยตรวจชีพจรเสร็จ ผมจะตรวจซ้ำให้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น คนไข้ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในใจก็ยังแอบกังวลอยู่บ้าง เพราะอย่างนี้ก็เท่ากับเสียเวลา แต่เขาเป็นคิวแรก ก็เลยทำอะไรไม่ได้
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าหลินหย่งเฉียงได้คุยกับคนไข้เป็นที่เรียบร้อย ก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็ให้คนนั้นยื่นมือออกมา
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยตรวจชีพจรแล้ว ก็พูดออกมาตรง ๆ “คุณมีภาวะชี่หัวใจพร่อง ช่วงนี้มักจะแน่นหน้าอกใจสั่นหรือเปล่าคะ?”
เดิมทีคนไข้คนนี้ยอมให้เซี่ยปิงหรุ่ยตรวจชีพจรเพราะคิดว่าหลินหย่งเฉียงจะต้องตรวจชีพจรให้ซ้ำอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หญิงสาวตรงหน้าก็บอกอาการของเขาออกมาได้อย่างถูกต้อง จึงรีบพยักหน้าตอบ “ใช่ ผมแน่นหน้าอกมาหลายเดือนแล้ว ตอนแรกก็แค่แน่นหน้าอก แต่หลัง ๆ มาเริ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดปกติ ผมคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่พอพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม จึงรีบมาหาหมอ”
เมื่อพูดจบคนไข้ก็รีบถามต่อ “อาการของผมร้ายแรงไหมครับ”
“ไม่ร้ายแรงค่ะ เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้กลับไปกินยาตามเวลานะคะ แล้วค่อยมาตรวจใหม่” เซี่ยปิงหรุ่ยพูดพลางเขียนใบสั่งยาไปด้วย
หลินหย่งเฉียงเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ พบว่าบนกระดาษระบุชื่อสมุนไพรอาทิโสม ชะเอมเทศ อบเชย กานพลู ตังกุย ส้มมือและอื่นๆ จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ยานี้บำรุงหัวใจ บำรุงเลือด เหมาะสำหรับการรักษาอาการหัวใจอ่อนแอและในช่วงเวลานี้ เขาก็ได้ตรวจชีพจรของคนไข้คนนี้จนได้ข้อสรุปที่ตรงกับเซี่ยปิงหรุ่ย
“คุณข่งซินเฟิง ก่อนหน้านี้คุณหมอเซี่ยตรวจวินิจฉัยคุณไม่ผิดหรอกครับ ยาที่หล่อนสั่งก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวคุณไปรับยาที่ห้องยา แล้วก็กินยาตามหมอสั่งได้เลย”
“ขอบคุณคุณหมอหลิน ขอบคุณคุณหมอเซี่ยครับ”
ข่งซินเฟิงรีบลุกขึ้นมาขอบคุณ ก่อนถือใบสั่งยาเดินออกไป
เมื่อคนไข้รายถัดไปเข้ามา ก็เป็นไปตามขั้นตอนเดิม เซี่ยปิงหรุ่ยสามารถตรวจรักษาคนไข้พวกนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่หลินหย่งเฉียงก็ได้ประจักษ์ถึงความสามารถของลูกหลานตระกูลแพทย์ หากเป็นแพทย์ฝึกหัดธรรมดาทั่วไป คงไม่ต้องพูดถึงการตรวจชีพจรคนไข้ แต่แม้กระทั่งการสั่งยา พวกเขาก็ยังทำไม่ได้ ทว่าเซี่ยปิงหรุ่ยกลับทำได้อย่างไม่มีปัญหา แถมยังทำได้ดีกว่าแพทย์แผนจีนบางคนเสียอีก
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินหย่งเฉียงก็อดพยักหน้าไม่ได้ เขาดีใจมากที่มีแพทย์ฝีมือดีคนหนึ่งมาร่วมแผนก
จนกระทั่งการตรวจคนไข้ช่วงเช้าสิ้นสุดลง หลินหย่งเฉียงก็ไม่ได้สั่งยาแม้แต่ใบเดียว ทั้งหมดล้วนเป็นยาที่เซี่ยปิงหรุ่ยสั่ง
“เสี่ยวเซี่ย เทอมนี้คุณมาฝึกงานก่อนล่วงหน้า ปีหน้าคุณก็คงไม่ต้องกลับไปเรียนแล้ว มาทำงานที่โรงพยาบาลเราได้เลย”
ทว่าเซี่ยปิงหรุ่ยกลับโบกมือปฏิเสธว่า “หัวหน้าหลิน ฉันมาฝึกงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งแค่เทอมนี้เท่านั้นค่ะ”
“อะไรนะ…”
หลินหย่งเฉียงได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ปีหน้าพวกคุณก็ยังไม่จบปีสุดท้ายนะ ยังต้องฝึกงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาที่โรงพยาบาลเราแค่เทอมนี้เท่านั้น”
“ฉันจะตามหมอฉินไปฝึกงานที่โรงพยาบาลทหารในเทอมหน้าค่ะ เลยจะอยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่งเฉพาะเทอมนี้เท่านั้นค่ะ”
“นี่มัน…นี่ฝึกงานยังไงกันถึงได้ไปหลายที่ขนาดนี้ คุณอยู่ฝึกงานที่โรงพยาบาลเราจนจบดีกว่าไหม เพราะแบบนี้พอคุณจบแล้ว คุณก็สามารถทำงานที่นี่ต่อได้เลย” แค่ช่วงเวลาในตอนเช้าก็ทำให้หลินหย่งเฉียงได้เห็นฝีมือของเซี่ยปิงหรุ่ย เขาจึงไม่อยากปล่อยให้หล่อนไปไหนเลย
ทว่าเซี่ยปิงหรุ่ยกลับยิ้มและหันไปมองหลินหย่งเฉียง พร้อมกล่าวว่า “หัวหน้าหลิน หลังจากฉันกับมู่หลานเรียนจบแล้ว พวกเราจะไม่ทำงานในโรงพยาบาลค่ะ”
หลินหย่งเฉียง “……”
เป็นเพราะเขาอายุมากแล้วหรือไม่ ถึงได้มีนักเรียนหลังจากจบการศึกษาไม่อยากทำงานในโรงพยาบาล พวกเขาไม่ทำงานในโรงพยาบาล อยากจะทำอะไรกัน
“เสี่ยวเซี่ย คุณกับหมอฉินอย่าเพิ่งสับสนเลย การเป็นหมอน่ะเป็นงานที่มั่นคง ชีวิตในอนาคตไม่ต้องกังวล พวกคุณ…”
พูดมาถึงสุดท้ายหลินหย่งเฉียงก็พูดไม่ออก เขาคิดได้ว่าเซี่ยปิงหรุ่ยคือทายาทตระกูลเซี่ยสายตรงจากซีอาน และจากที่หล่อนบอกว่าฉินมู่หลานเป็นลูกพี่ลูกน้องของหล่อนแน่นอนว่าก็เป็นคนของตระกูลเซี่ยเช่นกัน ต่อให้จะไม่ทำงานในโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องกังวลถึงอนาคตหลังจากนี้เลย พวกเธอมีต้นทุนที่จะปฏิเสธงานในโรงพยาบาล
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหย่งเฉียงก็อดใจหายไม่ได้
เพิ่งจะเจอคนเก่งคนหนึ่ง ผลปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะทำงานที่นี่ เขาจึงพยายามโน้มน้าวอีกครั้ง
“เสี่ยวเซี่ยคุณกับหมอฉินคิดอีกทีเถอะ ที่จริงทำงานในโรงพยาบาลของเราก็ดีเหมือนกันนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินคำนี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรที่เด็ดขาดเกินไป เพียงแค่พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ค่ะ หัวหน้าแผนกหลิน พวกเราจะคิดอย่างถี่ถ้วนอีกที”
หลังจากร่ำลาหลินหย่งเฉียงแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตรงไปหาฉินมู่หลานทันที
“มู่หลาน ฉันบอกเธอเลยนะฉันไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่เช้า ยุ่งแทบแย่”
ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็มองไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดว่า “ดีแล้วนี่ ยุ่งยังดีกว่าว่างไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วก็ได้ตรวจคนไข้เยอะด้วย ฉันจะได้สะสมประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก” ตอนที่ตรวจคนไข้เมื่อเช้านี้ บางตำรับยาก็เขียนได้เร็ว แต่บางตำรับก็ต้องพิจารณาอยู่สักพัก เธอหวังว่าวันหลังจะสามารถลงมือเขียนได้ทันทีโดยไม่ต้องลังเล
“ใช่ ตรวจคนไข้เยอะ ๆ ย่อมมีประโยชน์กับเธอทั้งนั้น”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงโรงอาหารและกินอาหารเสร็จแล้ว ก็ไปพักที่ห้องทำงานของฉินมู่หลาน และตอนบ่ายก็ทำงานต่อ
ในอีกหลายวันต่อมา เซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้ออกตรวจกับหลินหย่งเฉียงทุกครั้ง เซี่ยปิงหรุ่ยจะเป็นคนจับชีพจรก่อน จากนั้นหลินหย่งเฉียงจะเป็นคนจับชีพจรอีกครั้ง แน่นอนว่ามีคนไข้ที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือบ้าง ในเวลานั้นเซี่ยปิงหรุ่ยก็จะไม่ฝืนตรวจคนไข้ แต่จะให้หลินหย่งเฉียงตรวจแทนไปเลย
“อาการนี้เป็นเพียงหวัดธรรมดา กินยาไม่กี่ชุดก็หายแล้ว”
หลังจากที่หลินหย่งเฉียงได้สั่งยาให้คนไข้แล้ว คนไข้ก็ไปรับยา
หลังจากจัดการผู้ป่วยคนนั้นเสร็จแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจแม้แต่น้อย
“หัวหน้าแผนกหลิน ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ ผู้ป่วยที่ยินยอมให้ฉันตรวจฉันก็ตรวจ ถ้าไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร”
หลินหย่งเฉียงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ใส่ใจจริง ๆ เลยรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วก็ถามขึ้นอีกครั้ง “คุณกับหมอฉินคิดยังไง ทำไมหลังจากเรียนจบแล้วจะไม่ทำงานที่โรงพยาบาล”
“หัวหน้าแผนกหลิน อีกตั้งปีกว่าพวกฉันจะจบ ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ”
หลังจากได้ฟังแบบนั้น หลินหย่งเฉียงก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ในใจก็ยังยืนยันคำเดิมว่าอย่างไรก็ต้องหาทางให้เซี่ยปิงหรุ่ยอยู่โรงพยาบาลปักกิ่งให้ได้
หลังจากที่ตรวจผู้ป่วยตอนเช้าเสร็จ เซี่ยปิงหรุ่ยก็กลับไปที่ห้องทำงานก่อนเพื่อนำแก้วน้ำไปคืนหัวหน้าแผนกหลิน เพราะเช้าวันนี้หลังจากตรวจผู้ป่วยเสร็จ หัวหน้าแผนกหลินมีธุระต้องกลับไปก่อน
“หืม…นี่หมอเซี่ยนี่ สงสัยเพิ่งตรวจผู้ป่วยเสร็จ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอคนเก่งขนาดนี้ใครๆ ก็อยากได้มาอยู่ด้วยเป็นธรรมดา
ไหหม่า(海馬)