ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 718 เด็กทะเลาะกัน(1)
ตอนที่ 718 เด็กทะเลาะกัน(1)
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเสียงแล้วหันกลับไปมอง ก็เห็นเหลียงเจินชิงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน หล่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ เพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เช้า”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นเช่นนี้ เหลียงเจินชิงก็หัวเราะในลำคอแล้วพูดว่า “หัวหน้าแผนกหลินนั่งตรวจโรคอยู่ แล้วเธอจะยุ่งอะไรนักหนา เป็นแค่ลูกมือแท้ ๆ ยังนึกว่าตัวเองเก่งกาจนักหรือไง”
“คุณหมอเหลียง ไม่ได้ยินข่าวเลยเหรอคะว่าช่วงที่หัวหน้าแผนกหลินนั่งตรวจโรค ฉันเป็นคนช่วยตรวจคนไข้ให้ เขารอให้ฉันตรวจเสร็จก่อน แล้วหัวหน้าแผนกหลินค่อยมาตรวจซ้ำอีกที ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยต้องเป็นฉันที่ตรวจโรคและจ่ายยา ฉันเหนื่อยแทบแย่เลยล่ะค่ะ” เซี่ยปิงหรุ่ยพูดยังด้วยความประหลาดใจและแทรกความโอ้อวดเกินจริงไปนิด
ได้ยินเซี่ยปิงหรุ่ยพูดเช่นนี้ ใบหน้าของเหลียงเจินชิงก็ดำคล้ำลงเพราะความโกรธ
“หัวหน้าแผนกหลินช่างเห็นความสำคัญของเธอเสียจริง”
“ใช่ค่ะ ก็ในเมื่อฉันยังสาวอยู่แถมยังเก่งวิชาแพทย์ขนาดนี้ ดังนั้นหัวหน้าแผนกหลินก็เลยเห็นความสำคัญของฉันเป็นธรรมดา” พูดถึงท้ายประโยค เซี่ยปิงหรุ่ยก็แกว่งแก้วชาในมือแล้วพูดว่า “ฉันนำแก้วไปคืนให้หัวหน้าแผนกหลินก่อน ขอตัวก่อนนะคะหมอเหลียง”
เหลียงเจินชิงเฝ้ามองเซี่ยปิงหรุ่ยเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยนำแก้วชาไปเก็บ หล่อนก็รีบตรงไปที่โรงอาหารทันที
“ปิงหรุ่ย ทางนี้”
เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองเห็นฉินมู่หลานแล้วก็รีบตักข้าว เดินไปที่โต๊ะของเธอ “มู่หลาน เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันเพิ่งมาเมื่อกี้เอง เธอรีบ ๆ นั่งกินข้าวเถอะ”
“ได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็เลยนั่งลงกินข้าว แล้วก็เล่าเรื่องที่เหลียงเจินชิงโมโหเกรี้ยวกราดให้ฉินมู่หลานฟัง “ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นอะไร หาเรื่องฉันไม่หยุดไม่หย่อน ทั้ง ๆ ที่สุดท้ายหล่อนก็เป็นฝ่ายที่โกรธจนหน้าบูดเอง”
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“วางใจเถอะมู่หลาน ฉันไม่มีทางเสียเปรียบหรอก”
ขณะที่ทั้งสองคนกินข้าว ก็ได้พูดคุยหัวเราะกันอย่างสบายใจไปพลาง
เหลียงเจินชิงมองเห็นทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันอย่างสบายใจขณะเดินเข้ามา หล่อนก็รู้สึกโกรธเคือง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวที่ชวนให้โกรธเคืองยิ่งกว่ากำลังจะมาถึง
“หัวหน้าแผนกหลิน มันจะดีเหรอคะ เซี่ยปิงหรุ่ยเป็นเพียงแพทย์ฝึกหัด หล่อนจะนั่งตรวจคนไข้ได้ยังไง หากคนไข้รู้เข้าคงต้องเกิดเรื่องแน่”
เดิมทีหลินหย่งเฉียงพาเซี่ยปิงหรุ่ยมาช่วยเหลือบางช่วงเวลา หลังจากที่เห็นว่าหล่อนตรวจคนไข้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว จึงเสนอให้หล่อนได้นั่งตรวจคนไข้ด้วยตัวเอง แต่หลังจากที่เสนอเรื่องนี้ไป เหลียงเจินชิงก็คัดค้านอย่างรุนแรง
หลินหย่งเฉียงได้ยินดังนี้แล้วก็มองไปที่เหลียงเจินชิงพลางกล่าวว่า “หมอฉินมู่หลานจากแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็เป็นเพียงแพทย์ฝึกหัดเช่นเดียวกับเสี่ยวเซี่ย หล่อนก็นั่งตรวจคนไข้ด้วยตัวเองเช่นกัน”
“หัวหน้าคะ แต่มันไม่เหมือกัน”
“มีตรงไหนที่ไม่เหมือน ในเมื่อพวกหล่อนเรียนจบจากที่เดียวกัน”
เมื่อเหลียงเจินชิงกำลังจะพูดต่อ หลินหย่งเฉียงก็ขัดขึ้นมาก่อน “เอาเถอะ เรื่องนี้ผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมจะไปพูดกับทุกคนว่าหมอเซี่ยของแผนกเราจะนั่งตรวจคนไข้”
หลังจากที่พูดเรื่องนี้จบ หลินหย่งเฉียงก็โบกมือให้ทุกคนกลับไปทำงานต่อ
เซี่ยปิงหรุ่ยยิ้มและขอบคุณหลินหย่งเฉียง จากนั้นเหลือบมองไปที่เหลียงเจินชิง
เหลียงเจินชิงเห็นท่าทางของเซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้กำลังท้าทายหล่อน แต่ในเมื่อหัวหน้าแผนกหลินยังอยู่ที่นี่ หล่อนจึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ทำได้เพียงแค่อัดอั้นตันใจอยู่ในใจ
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้นั่งตรวจคนไข้ด้วยตัวเองจริง ๆ และด้วยความที่ช่วงที่ผ่านมานี้หล่อนมักจะติดตามหลินหย่งเฉียงไปตรวจคนไข้เสมอ คนไข้บางรายจึงรู้ถึงฝีมือของแพทย์สาวคนนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อคนไข้ของหลินหย่งเฉียงมีจำนวนมากเกินไป คนไข้ก็ยินดีที่จะมารอพบแพทย์เซี่ยปิงหรุ่ยแทน
“หมอเซี่ย ฉันได้ยินจากป้าคนหนึ่งว่าคุณมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ ฉันจึงมารักษาที่นี่ คุณช่วยตรวจให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันเป็นโรคอะไรกันแน่”
ผู้มาเยือนเป็นผู้หญิงอายุสามสิบกว่า ๆ ตอนนี้ร่างกายของหล่อนมีอาการบวมน้ำและมีอาการไอเป็นครั้งคราว “หมอเซี่ยคะ เวลามีประจำเดือนตัวของฉันจะบวมและแน่นหน้าอก มีอาการไอด้วยค่ะ ทรมานจริง ๆ ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรง แต่หลังจากตรวจร่างกายแล้วพบว่าร่างกายไม่มีปัญหาใด ๆ ฉันจึงคิดว่าจะใช้ยาจีนในการรักษา”
ขณะพูด หญิงคนนั้นก็ยื่นแฟ้มประวัติการรักษาให้
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้น จึงตั้งใจอ่านประวัติการรักษา จากนั้นก็หันไปทางคนไข้พูดว่า “คุณหยางเป่าฉยงใช่ไหมคะ หมอขอตรวจวัดชีพจรหน่อยนะคะ”
“ค่ะ”
หยางเป่าฉยงรีบยื่นมือออกไปพร้อมกับมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความคาดหวัง หล่อนกินยาแผนปัจจุบันมาเยอะแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล คราวนี้จึงได้ฟังคำแนะนำของคุณป้าคนหนึ่งให้มาหาแพทย์แผนจีน หวังแต่เพียงว่าอาการจะดีขึ้นบ้างเท่านั้น
เซี่ยปิงหรุ่ยตรวจชีพจรอย่างละเอียด แล้วก็ชักมือกลับมาเริ่มเขียนใบสั่งยา
“คุณหมอคะ อาการฉันจะดีขึ้นไหม?”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีขึ้นแน่นอนค่ะ ตอนนี้คุณมีภาวะม้ามและไตพร่อง รวมไปถึงมีภาวะชี่ปอดพร่อง ฉันจะเขียนใบสั่งยามาให้ แล้วคุณก็กินยาตามใบสั่ง แล้วกลับมาตรวจอีกทีหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นะคะ”
พอเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพูดราวกับว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หยางเป่าฉยงก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“ได้ค่ะคุณหมอ หลังจากที่กินยาชุดนี้หมดแล้ว ฉันจะกลับมาหาคุณหมออีกที”
“ค่ะ”
หลังจากเขียนใบสั่งยาเสร็จ เซี่ยปิงหรุ่ยก็เรียกผู้ป่วยรายต่อไป
หลังจากความวุ่นวายในตอนเช้าผ่านพ้นไป เธอก็ตรงไปหาฉินมู่หลานที่โรงอาหาร
“เป็นไงบ้างปิงหรุ่ย ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมกับการนั่งตรวจคนไข้คนเดียว”
พอได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดขึ้นมาทันที “ไม่มีปัญหา สิ่งที่เรียนมาตั้งแต่เด็กจนถึงมหาวิทยาลัยมีประโยชน์อยู่นะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็พูดเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เธอเรียนก็ครอบคลุมมาก ๆ อาการป่วยทั่วไปแทบไม่เป็นปัญหาเลย”
อย่างไรก็ตามเซี่ยปิงหรุ่ยยังคงรู้สึกว่าตัวเองเรียนรู้ได้ไม่เพียงพอ
“ถึงแม้ฉันจะเรียนแพทย์มาหลายปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอหรอก ตอนนี้ฉันกำลังวิจัยยาใหม่ แต่ยังทำไม่สำเร็จ” ช่วงที่เพิ่งคบหากับฟู่โฮ่วหลิ่น หล่อนก็เริ่มวิจัยยาใหม่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงหรุ่ยดูทุกข์ใจ ฉินมู่หลานก็รีบพูดว่า “ปิงหรุ่ย เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้หรอก ช่วงนี้ฉันก็เตรียมยาใหม่เหมือนกัน ดังนั้นโรงงานผลิตยาจะมีการผลิตยาใหม่เร็ว ๆ นี้แน่นอน ไม่ต้องกังวล”
“มู่หลานนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ คิดค้นยาใหม่ได้อีกแล้ว”
ความจริงแล้วฉินมู่หลานคิดค้นยาได้มากมายก็เพราะประสบการณ์ในอดีตของเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้
“ปิงหรุ่ย เธอเองก็เก่งเหมือนกัน ค่อย ๆ ศึกษาวิจัยเถอะ สักวันเธอจะต้องคิดค้นยาใหม่ที่ต้องการได้แน่นอน”
“อืม ฉันจะพยายามต่อไปนะ”
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยได้คุยกับฉินมู่หลานจนหนำใจ หล่อนก็รู้สึกมีพลังฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดการตรวจคนไข้ตอนบ่าย หล่อนก็ยังอยากจะพาฉินมู่หลานไปที่ร้านซิ่งหลิน
ทว่าทันทีที่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก้าวออกจากประตูโรงพยาบาล ก็เห็นฟู่โฮ่วหลิ่นยืนรออยู่ด้านหน้า
ฉินมู่หลานเห็นฟู่โฮ่วหลิ่น จึงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเซี่ยปิงหรุ่ยว่า “แฟนเธอมารับแล้ว ดูเหมือนว่าเราคงไปร้านซิ่งหลินไม่ได้แล้วสินะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ป้าเอาเวลาจับผิดปิงหรุ่ยไปพัฒนาฝีมือการตรวจของป้าเถอะ เด็กมันแซงหน้าแล้วนั่น
ไหหม่า(海馬)
……….