ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 732 เตรียมงานวันเกิด(1)
ตอนที่ 732 เตรียมงานวันเกิด(1)
ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นสภาพของเฟิงจื่อจวิ้นแล้วก็ต้องตกตะลึง
“เฟิงจื่อจวิ้น เมื่อคืนคุณไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูโทรมขนาดนี้”
เฟิงจื่อจวิ้นส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังและตอบว่า “ผมได้พบกับฮุ่ยซินและลูกสาวอย่างเสี่ยวฮวาแล้ว แต่…พวกหล่อนไม่ยอมรับผม ฮุ่ยซินยังทำร้ายจิตใจผมด้วยการบอกว่าเสี่ยวฮวาไม่ใช่ลูกสาวของผมทั้ง ๆ ที่หน้าตาของลูกเหมือนผมราวกับแกะ แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมรับ”
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องไม่ควรหัวเราะ แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้
“เฟิงจื่อจวิ้น คุณโดนเขาทิ้งแล้วล่ะ คุณเคยทำอะไรลงไปล่ะ ทำไมซือฮุ่ยซินและลูกสาวถึงได้ไม่ยอมรับคุณ คุณลองนึกทบทวนดูให้ดี ๆ”
เฟิงจื่อจวิ้นเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยถามเช่นนี้ ก็นึกหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก
แต่แล้วฉินมู่หลานก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “แล้วเมื่อวานคุณได้ถามแม่ของเสี่ยวฮวาไหมว่าทำไมหล่อนถึงหนีหายไป”
“ผมก็ถามนะ แต่ฮุ่ยซินไม่ยอมบอกอะไรเลย บอกให้ผมอย่าตามพวกหล่อนอีก”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พลันเลิกคิ้วขึ้น “แล้วคุณก็ไม่ตามเลยเหรอ?”
“ผมก็ยังคงตามต่อไป จนกระทั่งไปถึงบ้านที่พวกหล่อนอาศัยอยู่ ผมไปยืนรออยู่ข้างนอกทั้งคืน แต่ฮุ่ยซินก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ผมเข้าไป วันนี้เช้าพอหล่อนพาเสี่ยวฮวาเดินผ่านมา หล่อนก็ทำหน้าเย็นชาใส่ผม”
เซี่ยปิงหรุ่ยอดปรบมือชื่นชมไม่ได้ที่ได้ยินว่าเฟิงจื่อจวิ้นยืนรออยู่ทั้งคืน
“คุณอดทนเก่งจริงนะ ดูท่าแล้วซือฮุ่ยซินคงจะเป็นรักแท้ของคุณจริง ๆ ถึงได้ยังมีความมุ่งมั่นขนาดนี้หลังจากผ่านมาหลายปี”
เฟิงจื่อจวิ้นก็ไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบกับซือฮุ่ยซินอีกครั้งในสภาพที่เป็นเช่นนี้ แต่พอคิดถึงตอนที่หล่อนต้องเลี้ยงลูกตามลำพังและคอยเลี้ยงดูลูกด้วยความยากลำบากเขาก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
ฉินมู่หลานเริ่มมองเฟิงจื่อจวิ้นในแง่บวกขึ้นเล็กน้อย เพราะนึกไม่ถึงว่าชายคนนี้จะเป็นคนรักเดียวใจเดียว แต่พอเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว เฟิงจื่อจวิ้นก็ยังไม่ยอมพูดเข้าประเด็น เธอก็อดถามไม่ได้ว่า “แล้วคุณมาหาเรานี่มีธุระอะไรเหรอคะ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตอบสนองทันที “ใช่แล้ว คุณมาหาเราแบบนี้คงไม่ใช่แค่มานั่งคุยเรื่องนี้กับพวกเราอย่างเดียวหรอกนะ”
เฟิงจื่อจวิ้นจ้องฉินมู่หลานอย่างไม่ละสายตา พลางเอ่ยว่า “ตั้งแต่ที่ฮุ่ยซินจากไป ผมก็คาดการณ์ว่าคงใกล้จะถึงวันเกิดของเสี่ยวฮวาแล้ว คุณช่วยให้ลูกของคุณช่วยถามหล่อนหน่อยได้ไหม ถ้าได้ ผมอยากให้พวกคุณช่วยจัดงานวันเกิดที่น่าจดจำให้เสี่ยวฮวา เพื่อที่ผมจะได้ทำหน้าที่ของความเป็นพ่อ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าวันนั้นคุณมา ฉันกลัวว่าเสี่ยวฮวาคงไม่ได้มา”
เฟิงจื่อจวิ้นรีบพูดขึ้นทันทีที่ได้ยิน “ผมแอบดูเสี่ยวฮวาได้ ผมแค่อยากให้หล่อนมีความสุข”
อาจเป็นเพราะสายเลือด เมื่อเขาได้เห็นเสี่ยวฮวา หัวใจของเขาก็รู้สึกอ่อนโยน อยากจะมอบทุกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาว แต่ตอนนี้ซือฮุ่ยซินไม่ยอมรับเขา และไม่ให้เขากับเสี่ยวฮวาได้พบกัน เขาจึงต้องทำทุกอย่างแบบลับ ๆ
ฉินมู่หลานพยักหน้ารับ “ตกลง ฉันจะลองให้ชิงชิงกับเฉินเฉินไปถามเสี่ยวฮวาให้”
เฟิงจื่อจวิ้นดีใจมากเมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง
“หมอฉิน ขอบคุณมากครับ”
ฉินมู่หลานยิ้มก่อนจะโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ชิงชิงและเฉินเฉินเป็นเพื่อนที่ดีของเสี่ยวฮวาอยู่แล้ว ในเมื่อใกล้ถึงวันเกิดเสี่ยวฮวาแล้ว พวกเขาก็ควรจะจัดงานวันเกิดให้เสี่ยวฮวาเป็นธรรมดา”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เฟิงจื่อจวิ้นก็ยังคงขอบคุณฉินมู่หลานอยู่ดี
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นเฟิงจื่อจวิ้นขอบคุณด้วยความจริงใจ จึงไม่ได้พูดอะไรอีกและบอกให้เขารีบกลับไปพักผ่อน “ฉันกับมู่หลานจะไปทำงานแล้ว คุณก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ดูสีหน้าคุณสิ เหมือนจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อเลย”
เฟิงจื่อจวิ้นเองก็รู้สึกอ่อนเพลียจึงพยักหน้า “ตกลง งั้นผมขอตัว”
หลังจากที่เฟิงจื่อจวิ้นจากไป เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับฉินมู่หลาน “ฉันไม่คิดเลยว่าเฟิงจื่อจวิ้นจะมีด้านนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ฉันเอาแต่คิดในแง่ร้ายกับเขา แต่เขากลับเป็นคนรักเดียวใจเดียวและมีความรับผิดชอบ ติดก็ตรงที่เราได้ยินเรื่องในอดีตจากเฟิงจื่อจวิ้นแค่ฝ่ายเดียว ยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดไปพร้อมกับมีแววตาสงสัย
“ปิงหรุ่ย ถ้ายังไม่รีบเราจะสายแล้วนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกว่าจะไม่ทันการแล้วเช่นกัน จึงรีบเดินไปที่แผนกผู้ป่วยนอกพร้อมกับฉินมู่หลาน
วันนี้ทั้งคู่ก็ยังคงตรวจคนไข้เหมือนเช่นเคย และจากการบอกต่อของผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษา ทำให้ชื่อเสียงเริ่มกระฉ่อน มีคนไข้มากมายที่มาจากการบอกต่อกันปากต่อปากมารับการตรวจรักษาจากพวกเธอโดยเฉพาะ ทั้งสองคนจึงยุ่งทั้งวัน
เมื่อเลิกงานในตอนเย็น ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งคู่จึงตั้งใจจะรีบกลับบ้านโดยเร็ว
ทว่าทั้งคู่เพิ่งจะก้าวออกจากตัวอาคารโรงพยาบาล ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังยืนรออยู่ตรงนั้น
เมื่อฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ เธอก็แปลกใจมาก “อาหลี่ มาได้ยังไงคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พบกับสีหน้าประหลาดใจของภรรยา เขาก็กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ผมมารับคุณ”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าสายตาของทั้งคู่สื่อความคิดถึงซึ่งกันและกัน หล่อนก็รีบกล่าวแทรกขึ้นทันที “มู่หลาน งั้นฉันกลับก่อนนะ พวกเธอรีบกลับบ้านกันด้วยละ”
กล่าวจบก็เดินจากไปโดยทันที
ฉินมู่หลานอดขำไม่ได้เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยรีบเดินจากไป แต่เธอก็รู้สึกสุขใจมากที่เซี่ยเจ๋อหลี่มาหา ทั้งสองจึงพูดคุยไปเรื่อยขณะเดินกลับ “อาหลี่ ทำไมคุณไม่ไปรับลูก ๆ ล่ะคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวอย่างมีรอยยิ้ม “คราวที่แล้วผมไปรับลูก ๆ แล้ว คราวนี้จึงมารับคุณบ้าง”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ตอบอย่างนั้น ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่ต้องมารับฉันหรอก”
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่กลับจับมือฉินมู่หลานแล้วบีบเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ถึงคุณจะไม่ใช่เด็ก แต่ผมก็อยากมารับคุณอยู่ดี”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่มุมปากจะยกยิ้มด้วยใจที่เปี่ยมสุข “ได้ ถ้าคุณมีเวลาว่างก็มารับฉันอีกนะ”
นานๆ ทีจะได้เห็นฉินมู่หลานพูดจาขี้เล่นแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่อดไม่ได้ที่จะกำมือเธอไว้แน่นพลางพยักหน้าตอบว่า “ได้สิ”
เมื่อทั้งคู่กลับถึงบ้าน ชิงชิงและเฉินเฉินก็กลับมาพอดี พวกเขาวิ่งเข้ามาหาพ่อแล้วพูดจ้อไม่หยุด ส่วนถวนถวนและหยวนหยวนเห็นพี่ชายและพี่สาวคุยกับพ่อก็เลยวิ่งเข้ามาร่วมวงด้วย
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นถวนถวนและหยวนหยวนอยู่ที่บ้านด้วยจึงเอ่ยถาม “ลูก ๆ กลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าและบอกว่า “ใช่ หลังจากที่เราไปรับพวกเขากลับมา พวกเขาก็อยู่บ้านตลอดเลย”
“กลับมาอยู่บ้านก็ดี จะได้เจอกันทุกคืน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอแค่เห็นลูกมีความสุขโดยที่ตัวเองไม่ได้อยู่ด้วยก็ยังดี เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พอจะทำได้แล้วล่ะจื่อจวิ้น
ไหหม่า(海馬)
……….