ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 735 คำขอจากโรงพยาบาลอื่น(2)
ตอนที่ 735 คำขอจากโรงพยาบาลอื่น(2)
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยสงสัยในตัวเฟิงจื่อจวิ้นสักพักหนึ่ง ก็หันกลับมาวิตกกังวลเรื่องของตัวเองอีกครั้ง
“มู่หลาน โฮ่วหลิ่นบอกว่าอีกไม่กี่วันเขาจะหยุดได้วันหนึ่ง แล้วจะพาฉันไปบ้านตระกูลฟู่ เธอว่า…ฉันไปบ้านตระกูลฟู่เป็นครั้งแรก ควรจะซื้อของไปด้วยไหม” หากเป็นการไปเยี่ยมในสถานการณ์ปกติ หล่อนคงเตรียมของให้ครบถ้วน แต่ด้วยสถานการณ์ของบ้านตระกูลฟู่ หล่อนจึงไม่แน่ใจ
ฉินมู่หลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ก็ควรซื้ออยู่นะ เพราะอย่างไรก็เป็นการไปเยี่ยมครั้งแรก ไม่อย่างนั้นคนจะครหาเอาได้ แล้วคุณปู่ของฟู่โฮ่วหลิ่นก็อาศัยอยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่เหรอ เธอจะไม่ซื้อของไปให้คุณปู่สักหน่อยหรือไง”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ รีบพยักหน้าหงึกหงักตอบว่า “จริงด้วย ฉันจะกังวลเรื่องอะไรกันนะ”
ทั้งสองคนเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องตรวจ
เมื่อเปิดห้องตรวจ ฉินมู่หลานก็เริ่มเรียกคิว และผู้ที่เข้ามาเป็นคนแรกคือหยางอี๋และหยางเหวิน
เมื่อเห็นทั้งสองคน ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลไปไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงกลับมาอีก เป็นอะไรมาคะ?” ตอนที่ผ่าตัดทำออกมาได้สำเร็จ หยางอี๋ก็ผ่านการตรวจร่างกายก่อนออกจากโรงพยาบาลแล้วและทุกอย่างปกติดี แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะกลับมาอีก
เมื่อหยางอี๋ได้ยินดังนั้นจึงรีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “คุณหมอฉิน ฉันสบายดีค่ะ”
ฉินมู่หลานขมวดคิ้ว หยางเหวินจึงก็รีบอธิบาย “คุณหมอฉิน คุณหมอผ่าตัดให้พี่สาวฉันจนลุล่วงไปได้ด้วยดี ตอนนี้พี่สาวของฉันสบายดีค่ะ แต่พวกเราได้ยินมาว่าคุณหมอเก่งเรื่องแพทย์แผนจีนมากด้วย จึงอยากพาพี่สาวมาพบคุณหมอว่าอาการแบบนี้สามารถกินยาจีนบำรุงร่างกายได้ไหม แล้วจะทำให้พี่สาวของฉันกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“การกินยาจีนนั้นบำรุงร่างกายได้จริง แต่ดูจากอาการของพี่สาวคุณยังต้องกินยาแผนปัจจุบันที่จ่ายตอนออกจากโรงพยาบาลให้หมดก่อน จึงค่อยมาพบแพทย์อีกครั้งก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน”
เมื่อได้ยินดังนี้ หยางอี๋จึงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยเพราะตัวเองเป็นกังวลมากเกินไป กลัวว่าหลังจากผ่าตัดแล้วจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นอีก จึงอยากรีบมาปรึกษาคุณหมอฉินมู่หลานเพื่อให้สั่งยาให้
แต่หยางเหวินก็ถามขึ้น “คุณหมอ แล้วสามีของฉันล่ะคะ สามารถมารับยาจีนบำรุงร่างกายได้ไหม เขาผ่าตัดมานานแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าตอบ “ได้ค่ะ ครั้งหน้าให้สามีของคุณมาลงทะเบียน แล้วมาพบฉันได้เลย”
แต่พอพูดจบ เธอก็พูดเสริมอีกว่า “แต่ถ้าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินยา ก็ให้ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม”
ถึงจะพูดแบบนั้น หยางเหวินก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพาสามีมาพบคุณหมอฉินอีกครั้ง ส่วนหยางอี๋ก็ตัดสินใจเช่นกันว่าเมื่อกินยาที่หมอสั่งหมดแล้วจะรีบมาพบฉินมู่หลานอีกครั้งทันที
แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ฉินมู่หลานจึงขอตรวจชีพจรให้หยางอี๋ และทำการตรวจร่างกายตามปกติ หลังจากตรวจเสร็จ เธอจึงขมวดคิ้วมองหยางอี๋แล้วกล่าวว่า “คุณมีเรื่องกังวลมากเกินไปหรือเปล่าคะ ช่วงพักฟื้นควรผ่อนคลายจิตใจ ไม่เช่นนั้นจะไม่ดีต่อการฟื้นตัว”
หยางเหวินได้ยินดังนั้นก็ตกใจและรีบหันไปถามพี่สาวของตนว่า “พี่ พี่กังวลอะไร ช่วงนี้พี่ทำอะไรอยู่”
หยางอี๋ไม่คิดว่าจากการตรวจชีพจรของฉินมู่หลานจะสามารถบอกอะไรได้ขนาดนี้ จึงรู้สึกอายที่จะตอบ “ฉัน…ก็แค่กลัวว่าตัวเองจะอายุสั้น”
เมื่อได้ยินดังนี้ หยางเหวินก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของพี่สาวอย่างอ่อนใจ คุณหมอเป็นคนผ่าตัดให้แท้ ๆ แต่หล่อนกลับมาพูดแบบนี้ต่อหน้าคุณหมอ แบบนี้ไม่ยิ่งทำให้คุณหมอฉินไม่พอใจเหรอ ถึงอย่างนั้นคุณหมอก็น่าทึ่งจริง ๆ แค่ตรวจชีพจรก็รู้ว่าพี่สาวเป็นกังวลมาก
แต่ฉินมู่หลานกลับยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ การผ่าตัดสำเร็จและจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคิดมากเกินไปจะไม่ดีต่อร่างกายนะ”
“ค่ะๆ ฉันจะไม่คิดมากแล้วค่ะหมอฉิน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วก็พูดถึงเรื่องที่ต้องระวังกับหยางอี๋อีกเล็กน้อยก่อนจะให้พวกเธอกลับไป
ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้เจอคนไข้เก่าเช่นกัน
“หยางเป่าฉยง ช่วงนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
หยางเป่าฉยงก็คือคนไข้ที่ตัวบวมทุกเดือนหลังมีประจำเดือน หล่อนหันไปหาเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า “หมอเซี่ย ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ ยาที่คุณสั่งมามันได้ผลจริง ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันได้ผลเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันขอจับชีพจรคุณหน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ”
หยางเป่าฉยงไว้วางใจเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างเต็มที่ หวังแค่ว่าจะรักษาโรคของตัวเองให้หายเร็ว ๆ
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยปล่อยมือ หยางเป่าฉยงก็รีบถาม “หมอเซี่ย ฉันต้องกินยาต่อไหมคะ”
“กินต่อค่ะ แต่ฉันจะปรับยาให้คุณนิดหน่อย หลังจากที่คุณกินยาที่สั่งในครั้งนี้หมดค่อยกลับมาอีกครั้งนะคะ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่หยางเป่าฉยงตรวจเสร็จ เธอก็กลับไป โดยที่เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังตรวจคนไข้คนอื่นต่อไป
หลังจากที่ทั้งฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยทำงานกันอย่างวุ่นวายมาทั้งเช้า พวกเธอก็รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะพวกเธอไม่ได้หยุดพักเลยและหลังจากที่ทั้งคู่เสร็จงาน ก็ไปที่โรงอาหารด้วยกัน
หลี่ปิ่งฉวนกำลังกินข้าวที่โรงอาหารพอดี เมื่อเขาเห็นฉินมู่หลานเดินมา เขาก็รีบถือถาดอาหารเดินเข้ามาหาเธอ
“หมอฉิน ผมกะว่าจะไปหาคุณที่ห้องทำงานหลังกินข้าวพอดี ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเสียก่อน”
ได้ยินเช่นนั้นฉินมู่หลานจึงเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“หมอฉิน หมอเซี่ย ไปตักข้าวกันก่อนเถอะครับ ไว้พวกเราค่อยคุยกันตอนกินข้าว”
“ก็ได้”
หลังจากฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยตักข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ไปนั่งลงพร้อมหลี่ปิ่งฉวน
หลี่ปิ่งฉวนกินข้าวใกล้เสร็จแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รีบพูดธุระและรอให้ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยกินเสร็จก่อน รอจนกระทั่งพวกเธอกินใกล้เสร็จ เขาจึงเริ่มพูดธุระออกมา
“หมอฉิน มีโรงพยาบาลอื่นติดต่อมาอยากให้คุณเข้าร่วมการผ่าตัด พวกเราก็เลยอยากจะมาปรึกษากับคุณก่อนและสอบถามว่าคุนคิดเห็นอย่างไร”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินจึงไม่ได้ตอบตกลงในทันทีแต่กล่าวว่า “ขอฉันดูข้อมูลคนไข้ก่อน”
“ได้เลย”
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ หลี่ปิ่งฉวนก็ได้นำข้อมูลมายื่นให้ฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานพิจารณาอย่างละเอียด เธอมั่นใจในการผ่าตัดครั้งนี้ระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ค่อนข้างไกล จากที่นี่ไปถึงมณฑลกวางตุ้ง ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลที่นั่นติดต่อมาโรงพยาบาลที่เมืองปักกิ่งที่นี่ได้อย่างไร
เมื่อหลี่ปิ่งฉวนกล่าวว่า “หมอฉิน คุณรู้หรือเปล่าว่าชื่อเสียงของคุณโด่งดังไปทั่วแล้ว มีแพทย์จากโรงพยาบาลอื่นทราบข่าวการผ่าตัดก่อนหน้านี้ของคุณ พวกเขาต่างสนใจในตัวคุณเป็นอย่างมาก แพทย์จากโรงพยาบาลแห่งนี้คงเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณ จึงคิดเชิญคุณไปผ่าตัด”
ฉินมู่หลานกลับรู้สึกสงสัย เพราะมณฑลกวางตุ้งห่างจากปักกิ่งมาก แพทย์ที่นั่นจะได้ยินชื่อเสียงของเธอได้อย่างไรกัน
ที่จริงหลี่ปิ่งฉวนก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน แต่หากฉินมู่หลานมีคนรู้จักมากขึ้นเขาก็รู้สึกยินดีไปกับเธอ “หมอฉิน หากคุณมั่นใจ เราก็เดินทางไปดูได้” ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้โรงพยาบาลและชื่อเสียงของหมอฉินโด่งดังออกไป
ฉินมู่หลานคิดว่าหากเดินทางไปยังมณฑลกวางตุ้ง ก็ยังพอมีโอกาสไปเยี่ยมพ่อกับคนอื่น ๆ เธอจึงพยักหน้าตอบตกลง
“ได้ เราจะเดินทางพร้อมกัน”
หลี่ปิ่งฉวนรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี ตอนนั้นก็พาคนในแผนกที่เคยช่วยคุณผ่าตัดไปด้วยนะ”
“เราจะพาคนไปได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ได้สิ”
หลี่ปิ่งฉวนไม่มีความลังเลใจในเรื่องนี้เลย แต่ด้วยความที่เกี่ยวกับเรื่องของโรงพยาบาล ผู้อำนวยการก็คงจะอนุมัติ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชื่อเสียงมู่หลานดังใหญ่แล้ว อีกหน่อยได้ดังไปไกลถึงต่างประเทศแน่
ไหหม่า(海馬)