ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 737 ไปทำงานต่างเมือง(2)
ตอนที่ 737 ไปทำงานต่างเมือง(2)
เมื่อเฟิงจื่อจวิ้นเดินมาถึงตรงหน้าทั้งสองสาว เขาก็รีบเล่าเรื่องความคืบหน้าต่าง ๆ ให้พวกเธอฟัง
“หมอฉิน ปิงหรุ่ย ในที่สุดผมกับแม่ของเสี่ยวฮวาก็คลายความเข้าใจผิดกันแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเฟิงจื่อจวิ้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยกยิ้มออกมา “จริงเหรอ แสดงความยินดีด้วย”
แต่หล่อนก็อยากรู้รายละเอียดเช่นกัน จึงซักถามต่อ
พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเฟิงจื่อจวิ้นจึงหม่นหมองลงทันทีพร้อมกับกล่าวด้วยความอับอายใจว่า “เป็นเพราะพ่อของผมเอง”
แม้แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังรู้สึกประหลาดใจ “พ่อของคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย?”
เฟิงจื่อจวิ้นเหลือบมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าวว่า “แต่เดิมพ่อของผมต้องการแต่งงานเกี่ยวดองกับตระกูลเซี่ยอยู่แล้ว พอทราบว่าผมมีคู่รัก เขาจึงไปหาฮุ่ยซินโดยตรง ตอนแรกฮุ่ยซินก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งผมไป แต่พ่อของผมดันเอาเงินฟาดหัวหล่อนและยังเอ่ยคำดูถูกมากมาย ฮุ่ยซินจึงจากไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดไม่ได้ “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้พ่อของคุณจะเป็นคนผิดจริง ๆ แต่ว่าพ่อของคุณรู้หรือเปล่าว่าซือฮุ่ยซินกำลังท้องอยู่”
“แน่นอนว่าไม่รู้ เพราะตอนนั้นแม้แต่ตัวฮุ่ยซินเองก็ยังไม่รู้ว่าตั้งท้อง หลังจากที่หล่อนได้พบกับพ่อของผมแล้ว หล่อนก็ออกจากซีอานไปทันที และพอจากไปแล้ว หล่อนก็เพิ่งรู้ว่าตนเองตั้งท้อง”
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกเห็นใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่ฉินมู่หลานกลับมองไปที่เฟิงจื่อจวิ้นโดยตรงแล้วถามว่า “แล้วคุณวางแผนอย่างไรกับเสี่ยวฮวากับแม่ของหล่อนต่อ”
เฟิงจื่อจวิ้นตอบโดยไม่ลังเล “ก็พาพวกหล่อนกลับบ้านสิ เราทั้งสองมีลูกด้วยกันแล้ว ยังไงก็ต้องพาพวกหล่อนกลับไปด้วย”
“แล้วถ้าพ่อของคุณไม่ยอมล่ะ?”
คราวนี้สายตาของเฟิงจื่อจวิ้นแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างมาก “ต่อให้พ่อของผมไม่ยอม ผมก็จะแต่งงานกับฮุ่ยซิน ผมจะไม่ให้พวกหล่อนลำบากอีกต่อไป”
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเฟิงจื่อจวิ้น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงอดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาแล้วกล่าวว่า “คุณคิดถูกแล้ว เมื่อคุณแต่งงานกับแม่ของเสี่ยวฮวา พวกเราจะไปร่วมแสดงความยินดีแน่นอน”
“ขอบคุณมากนะ”
เฟิงจื่อจวิ้นพูดอย่างยิ้มแย้ม จากนั้นจึงพูดถึงจุดประสงค์ที่มาปักกิ่งในครั้งนี้ “ไม่ทราบว่าทางโรงงานยาจะว่างช่วงไหน ผมตั้งใจจะไปดูงานให้ละเอียด”
เซี่ยปิงหรุ่ยหันไปมองฉินมู่หลานแล้วพลางกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันกับมู่หลานยังเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่เลย คุณมีเวลาวันไหน ว่างๆ ก็แวะมาที่โรงงานยาได้เลย ผู้จัดการกู้จะพาคุณเดินชมโรงงานยาอย่างทั่วถึง”
แต่พอคิดถึงเฟิงจื่อจวิ้นที่ตามหาหล่อนมาถึงที่นี่ จึงกล่าวเสริมว่า “คุณกำหนดเวลามา ฉันจะได้ไปด้วย”
“ได้”
สุดท้ายเฟิงจื่อจวิ้นก็หันไปมองฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานส่ายหน้าพลางยิ้ม “ฉันคงไปต้อนรับไม่ได้น่ะ อีกสองวันฉันต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองตั้งหลายวันกว่าจะกลับมา”
“อย่างนั้นเหรอครับ น่าเสียดายจัง”
แม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ฉินมู่หลานจะไม่สามารถไปที่โรงงานยาด้วยกัน แต่เฟิงจื่อจวิ้นก็ยังคงดีใจที่ทั้งสองยินยอมให้เขาไปโรงงานยาซิ่งหลิน “ไม่เป็นไร คุณจัดการเรื่องงานของคุณก่อนเถอะ ยังไงก็ยังมีปิงหรุ่ยไปเป็นเพื่อนผมอยู่”
เฟิงจื่อจวิ้นกำลังมีความสุขจนซ่อนไม่มิด ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มมีความสุข พูดคุยกับฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยอีกสองประโยคก่อนจะจากไป
เซี่ยปิงหรุ่ยมองร่างที่ค่อย ๆ ห่างไกลไปของเฟิงจื่อจวิ้น แล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูสิ เฟิงจื่อจวิ้นดีใจขนาดไหน แต่ก็ดีเหมือนกันนะที่เขาจะได้เปิดใจกับแม่ของเสี่ยวฮวา ฉันไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังจริง ๆ จะเป็นฝีมือของพ่อเขา ไม่งั้นพวกเขาน่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตั้งนานแล้ว”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป”
หลังจากทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องนี้สักพัก ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ก่อนที่ฉินมู่หลานจะเดินทางไปทำงานต่างเมือง เธอก็ได้จัดการเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว และหลี่ปิ่งฉวนก็ได้จองตั๋วเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางไปยังกวางตุ้งกับฉินมู่หลานและแพทย์อีกสามคน
เนื่องจากทางโรงพยาบาลเป็นผู้จ่ายค่าเดินทาง จึงทำให้พวกเขาต้องนั่งรถไฟ แต่โชคดีที่จองตั๋วแบบนอนได้ จึงไม่ลำบากจนเกินไป เมื่อทั้งคณะเดินทางไปถึงยังมณฑลกวางตุ้ง พวกเขาก็รีบรุดหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ได้ติดต่อไว้
ในการเดินทางครั้งนี้ยังมีหลิวซิ่น เหลยเซิ่งเฉาและแพทย์แซ่จ้าวอีกหนึ่งท่าน ทั้งสามคนต่างก็เคยเข้าร่วมผ่าตัดกับฉินมู่หลาน และทำให้การผ่าตัดนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“คุณหมอหลี่ อีกนานไหมกว่าจะถึงโรงพยาบาล”
ถึงแม้จะได้ตั๋วนอน แต่ระยะเวลานานขนาดนี้ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ดี ดังนั้นหลิวซิ่นจึงเอ่ยถามขึ้น
หลี่ปิ่งฉวนดูที่อยู่บนมือก่อนจะพิจารณาแล้วพูดว่า “อาจจะใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมง”
เหลยเซิ่งเฉาอดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า “ใช้เวลานานอย่างนี้เชียวเหรอ ผมรู้สึกว่าร่างกายใกล้จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว”
หลี่ปิ่งฉวนจ้องเหลยเซิ่งเฉาด้วยสายตาเชิงตำหนิแล้วพูดว่า “ขนาดหมอฉินยังไม่พูดอะไรเลย คุณจะบ่นทำไม”
พอคิดได้ว่าหมอฉินเป็นผู้หญิง แต่ตัวเองกลับพูดจาแบบนี้ เหลยเซิ่งเฉาก็รู้สึกอับอายนิดๆ
ฉินมู่หลานกลับยิ้มและพูดว่า “เมื่อยจริงแหละค่ะ รอให้เราไปถึงแล้วต้องจัดมื้อดี ๆ ซะหน่อย”
หลี่ปิ่งฉวนได้ยินดังนั้นและรีบพูดว่า “จัดเต็มแน่นอน”
ทุกคนก็พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เดินทาง ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาลที่ติดต่อไว้
“ยินดีต้อนรับครับ”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสาซื่อเห็นฉินมู่หลานและคณะเดินเข้ามา ก็รีบพาเหล่าแพทย์มาต้อนรับ “หมอฉิน ขอบคุณมากจริง ๆ ที่เดินทางไกลมาถึงที่โรงพยาบาลของเรา”
ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยทักทาย “ท่านผู้อำนวยการถัง ขอบคุณที่ต้อนรับนะคะ”
ก่อนมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ หลี่ปิ่งฉวนก็ตรวจสอบข้อมูลไว้พอสมควร อย่างน้อยจึงรู้ว่าผู้อำนวยการคือใคร
ผู้อำนวยการถังได้ยินดังนั้นก็รีบพูดว่า “ต้องขอบคุณพวกคุณต่างหาก เข้ามาข้างในก่อนเลยครับ”
ฉินมู่หลานและหลี่ปิ่งฉวนและคนอื่น ๆ เดินตามผู้อำนวยการถังเข้าไป ส่วนแพทย์ของโรงพยาบาลเสาซื่อที่เห็นว่าหัวหน้าทีมของอีกฝ่ายเป็นแพทย์หญิงสาว ก็รู้สึกประหลาดใจกันถ้วนหน้า
พอทุกคนเดินแยกออกมาห่างพอประมาณ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงฮือฮา
“หมอผ่าตัดที่ผู้อำนวยการเชิญมาคงไม่ใช่หมอผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ”
“ไม่น่าจะใช่ ยังไงก็ต้องเป็นหมอผู้ชายสูงอายุข้าง ๆ สิ”
“โธ่ ถ้าเป็นหมอผู้ชายคนนั้น ผู้อำนวยการจะคุยกับหมอผู้หญิงคนนั้นได้ไง หมอที่ผู้อำนวยการเชิญมาผ่าตัดต้องเป็นหมอผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่น ๆ ต่างก็เถียงไม่ได้ เมื่อเห็นการแสดงออกชัดเจนขนาดนี้
ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจคนอื่นที่กำลังซุบซิบนินทาเลย เมื่อติดตามผู้อำนวยการไปที่ห้องทำงานของเขาแล้ว คณะแพทย์ก็พูดคุยกันเรื่องการผ่าตัดครั้งนี้ พอพูดกันจนใกล้จะเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “ผู้อำนวยการถัง พักกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยไปดูคนไข้”
ผู้อำนวยการถังรีบกล่าวอย่างอาย ๆ “โทษที เผลอคุยจนลืมเวลาไปเลย ผมจัดเตรียมอาหารไว้แล้ว ไปโรงอาหารกันเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ที่ไม่ได้แต่งงานเพราะพ่อกีดกันนี่เอง คราวนี้สู้เพื่อลูกเมียนะหนุ่ม
ไหหม่า(海馬)
……….