ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 742 จงใจ(1)
ตอนที่ 742 จงใจ(1)
ฉินมู่หลานมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งใจจะสังเกตการณ์ต่อเผื่อว่าเธอจะเข้าใจผิด
ผลลัพธ์คือ…
เซี่ยเจ๋อเหว่ยค่อย ๆ ยื่นมือออกไปแตะที่เอวของเจียงเพ่ยหลิงอย่างแผ่วเบา และระยะห่างของทั้งสองก็ใกล้ชิดมากขึ้น
“พวกคุณทำอะไรกัน!”
ฉินมู่หลานตะโกนออกมาและก้าวฉับ ๆ เข้าไปข้างหน้า
เซี่ยเจ๋อเหว่ยตกใจกับเสียงนี้ รีบผลักเจียงเพ่ยหลิงออกไปตามสัญชาตญาณและมองไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าเป็นฉินมู่หลานจริง ๆ สีหน้าของเขาก็ตื่นตระหนก “มู่หลาน เธอ…เธอมาได้ยังไง ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่เข้าร้าน”
“ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่มา แต่เห็นว่ายังมีเวลาเหลือเลยแวะมาดู ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากที่น่าสนใจแบบนี้” ฉินมู่หลานพูดพลางเหลือบมองเจียงเพ่ยหลิง และพบว่าเจียงเพ่ยหลิงก็กำลังมองเธอหัวจรดเท้า
หล่อนรู้ว่าเซี่ยเจ๋อเหว่ยแต่งงานแล้ว ลูก ๆ ของเขาก็จะจบชั้นประถมแล้ว แต่ผู้หญิงตรงหน้าดูยังสาวและสวยมาก สวยกว่าดาราหญิงในฮ่องกงด้วยซ้ำ หล่อนเป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อเหว่ยงั้นเหรอ แต่ถ้าไม่ใช่ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้โกรธขนาดนี้ แล้วเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็แสดงท่าทางเหมือนคนกระทำความผิดด้วย
คิดได้อย่างนั้นเจียงเพ่ยหลิงก็รู้สึกใจหาย
หากหญิงสาวตรงหน้าเป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อเหว่ยจริง ๆ หล่อนจะไปมีส่วนได้ส่วนเสียอะไร รูปร่างหน้าตาของหล่อนสู้อีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ นึกว่าภรรยาของเซี่ยเจ๋อเหว่ยจะเป็นแม่บ้านหน้าตาจืดชืดเสียอีก
“เถ้าแก่คะ ผู้หญิงคนนี้คือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเพ่ยหลิง เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เพิ่งจะนึกได้ และรีบแนะนำ “เพ่ยหลิง นี่คือฉินมู่หลาน หุ้นส่วนของตลาดวัสดุก่อสร้างอีกคน และเป็นน้องสะใภ้ของผม”
จากนั้นเขาก็รีบแนะนำเจียงเพ่ยหลิงให้ฉินมู่หลานรู้จัก
“มู่หลาน นี่เจียงเพ่ยหลิงเป็นพนักงานขายของตลาดวัสดุก่อสร้างของเรา หล่อนขายของเก่งที่สุดในร้าน ทำยอดขายวัสดุก่อสร้างได้เยอะเลย เมื่อกี้หล่อนก็เพิ่งจะปิดอีกยอดไป พี่เลยจะเลี้ยงข้าวหล่อน แต่บังเอิญเธอมาเห็นเข้า”
ฉินมู่หลานได้ยินก็หัวเราะ “เหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยรีบพยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริง ๆ มู่หลาน เธออย่าเข้าใจผิดนะ”
เจียงเพ่ยหลิงได้ยินเช่นนี้ แววตาก็ฉายแววไม่พอใจ แต่แล้วก็รีบยิ้มให้ฉินมู่หลาน “ที่แท้ก็เป็นเถ้าแก่อีกคนนี่เอง สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจียงเพ่ยหลิง เป็นพนักงานขายในร้านค่ะ”
ฉินมู่หลานมองเจียงเพ่ยหลิงแวบหนึ่งและไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินตรงไปหาเซี่ยเจ๋อเหว่ย “พี่ใหญ่ ขอคุยที่ห้องทำงานหน่อยค่ะ” พูดจบก็เดินนำหน้าออกไป
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นเช่นนั้นก็ใจหายวาบ กลัวว่าน้องสะใภ้ไม่เชื่อคำพูดของตน ในใจพลันสับสนไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
เจียงเพ่ยหลิงเห็นฉินมู่หลานทำเป็นไม่สนใจตน หล่อนก็หุบยิ้มลง ก่อนจะหันไปหาเซี่ยเจ๋อเหว่ย “เถ้าแก่ ฉันได้ยินมาว่าฉินมู่หลานถือหุ้นแค่สองเปอร์เซ็นต์ แต่คุณคือเจ้าของใหญ่ของตลาดวัสดุก่อสร้างนี้ ทำไมหล่อนถึงทำกับคุณแบบนั้น ดูเหมือนจะสั่งคุณได้ด้วย ดูไม่ให้เกียรติคุณเลย”
“เธอเงียบปากไปเลย”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยมองเจียงเพ่ยหลิงด้วยสายตาตำหนิ
เจียงเพ่ยหลิงเห็นเซี่ยเจ๋อเหว่ยเป็นเช่นนี้ก็ตกใจ และรู้ตัวว่าตนพลั้งปากพูดผิดไป แสดงว่าฉินมู่หลานผู้นี้ไม่ธรรมดา ถึงจะถือหุ้นน้อย แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ดูไม่มีอำนาจอะไรเหนือเธอ
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นสีหน้าเจียงเพ่ยหลิงไม่สู้ดี ก็รู้ว่าตนพูดเสียงดังเกินไป
“เอาละ เธอไปทำงานต่อเถอะ ฉันจะไปคุยกับมู่หลานหน่อย” แล้วเขาก็เอ่ยเสริม “ที่มู่หลานถือหุ้นแค่สองเปอร์เซ็นต์ก็เพราะหล่อนต้องการหุ้นเพียงเท่านี้และไม่ต้องการเพิ่ม และหล่อนไม่ใช่คนที่เธอจะหาเรื่องได้”
พูดจบก็เดินกลับไปที่ห้องทำงาน
เจียงเพ่ยหลินกัดฟันมองเซี่ยเจ๋อเหว่ยเดินจากไป
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเป็นเจ้าของใหญ่ตลาดวัสดุก่อสร้างแท้ ๆ ทำไมถึงได้ขี้ขลาดอย่างนี้ ถึงฉินมู่หลานจะไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นแค่น้องสะใภ้ ทำไมเขาถึงได้กลัวขนาดนี้
เซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่รู้ความคิดของเจียงเพ่ยหลิง และตอนนี้เขาก็มาถึงห้องทำงานแล้ว ก่อนจะยกชามาให้ฉินมู่หลาน
“มู่หลาน นี่คือใบชาที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ลองชิมดูหน่อยว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง”
ฉินมู่หลานยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่นั่งลงก่อนสิคะ”
เมื่อเซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินก็หัวเราะแล้วนั่งลง จากนั้นก็เริ่มพูดถึงสถานการณ์ของตลาดวัสดุก่อสร้าง “มู่หลาน ธุรกิจของเราน่ะดีไม่น้อยเลย ลูกค้าที่มาดูวัสดุก่อสร้างก็มักจะซื้อกลับไปทุกราย คนก็เลียนแบบกิจการของเราได้ยาก ข้าง ๆ เราน่ะมีคนเปิดตลาดวัสดุก่อสร้างขึ้นมาเหมือนกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าเราเยอะเลย”
เมื่อครู่นี้ฉินมู่หลานเองก็ไม่ได้สังเกต
“เหรอคะ ธุรกิจของพวกเราได้รับผลกระทบบ้างไหมคะ?”
“ได้ผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีผลกระทบมากเท่าไหร่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก “อย่างนี้ก็ดี แต่ก็ต้องใส่ใจอยู่เหมือนเดิม คอยดูว่าช่วงเทศกาลต่าง ๆ เราสามารถเปิดตัวกิจกรรมหรือทำการลดราคาลงเพื่อดึงดูดลูกค้าเพิ่มเติมได้ไหม”
เมื่อเซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินแบบนั้น แววตาเป็นประกายขึ้นมากล่าวว่า “มู่หลาน คิดตรงกันเลย ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พอถึงช่วงปีใหม่ พวกเราก็จัดกิจกรรมคืนกำไรให้กับลูกค้าและจัดกิจกรรมให้ลูกค้าที่ซื้อของจำนวนมากได้จับรางวัลด้วย”
“ค่ะ ถึงเวลานั้นธุรกิจของเราก็ไม่น่าจะขาดทุน”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเห็นด้วยกับความคิดเห็นของตัวเอง เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ดีใจมาก
แต่พอพูดเรื่องนี้จบ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีแล้ว ในขณะที่ฉินมู่หลานเองก็ได้แต่เหลือบมองเขาแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ช่วงนี้พี่สะใภ้เหนื่อยมากเลยนะ ออกไปทำงานต่างเมืองที่ไห่เฉิงตลอดเลย ส่วนเสี่ยวอวี่ก็เรียนทุกวัน น้ำหนักลดลงไปเยอะ ถ้ามีเวลาก็กลับไปดูพวกเขาหน่อยนะคะ”
ส่วนคำพูดอื่น ๆ นอกจากนี้ ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรอีก
เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ เพราะเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของฉินมู่หลาน เธอคงคิดไปแล้วว่าระหว่างเขากับเพ่ยหลิงมีความสัมพันธ์บางอย่าง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าตนถูกใส่ร้าย เพราะเขากับเพ่ยหลิงแค่กินข้าวกันไปไม่กี่ครั้งและไม่ได้มีอะไรเกินเลย
“มู่หลาน เธอเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ นะ ฉันกับเจียงเพ่ยหลิงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น”
“พี่ใหญ่ ฉันเชื่อพี่อยู่แล้ว ฉันไม่ได้ว่าอะไรพี่สักหน่อย แค่อยากให้พี่มีเวลาว่างก็ไปหาพี่สะใภ้และเสี่ยวอวี่หน่อย นี่ก็ได้เวลาแล้ว ยังไงฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
ฉินมู่หลานพูดพร้อมลุกขึ้นยืนและกล่าวคำลาเซี่ยเจ๋อเหว่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ออกไปจากตลาดวัสดุก่อสร้าง
หลังจากที่ฉินมู่หลานออกไป เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ออกจากห้องทำงาน
เจียงเพ่ยหลิงเห็นเซี่ยเจ๋อเหว่ยออกมา ก็รีบเดินเข้าไปถามว่า “เถ้าแก่ เมื่อกี้เถ้าแก่ฉินพูดอะไรกับคุณคะ?”
“ไม่ได้พูดอะไรหรอก”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่พูดอะไร เจียงเพ่ยหลิงก็กระพริบตาถี่ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “งั้นเดี๋ยวเราไปกันเร็วหน่อยนะคะ ฉันกลัวว่าร้านอาหารจะไม่มีโต๊ะว่างแล้ว”
แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยกลับส่ายหัวและพูดว่า “เย็นนี้ไม่ไปกินข้าวแล้ว ฉันต้องกลับบ้าน เอาไว้คราวหน้าละกัน”
คิดถึงคำพูดของฉินมู่หลานที่เพิ่งพูดไป เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รู้สึกไม่ดีในใจ เขานึกถึงตอนที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเพิ่งแต่งงานกับเขา ตอนนั้นพวกเขายังอยู่ที่หมู่บ้านชิงซาน แม้ครอบครัวจะไม่ได้มีเงินมากมาย แต่พวกเขาก็รักกันมาก แต่ตอนนี้ฐานะของครอบครัวเปลี่ยนไปแล้ว เขาเองก็เหมือนจะลืมความลำบากในตอนนั้นไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยังไงคะเนี่ยพี่ใหญ่ หลงเสน่ห์นางจิ้งจอกจนลืมภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากเหรอ รีบรู้สึกตัวก่อนจะถลำลึกแล้วกลายเป็นหายนะนะคะ
ไหหม่า(海馬)