ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 743 จงใจ(2)
ตอนที่ 743 จงใจ(2)
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยเจ๋อเหว่ยที่ดูแปลกไป เจียงเพ่ยหลิงก็รู้สึกใจไม่ดี
หล่อนยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ได้ค่ะ งั้นครั้งหน้าก็ได้ ฉันเห็นว่าคุณเหนื่อยมากแล้ว เดี๋ยวกลับไปพักก่อนก็ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของฉันเองค่ะ และเถ้าแก่ฉินก็มาเห็นเข้าพอดี ไว้คราวหน้าฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้นะคะ คุณเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ฉันคงต้องรักษามารยาท ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจ”
สุดท้ายเจียงเพ่ยหลิงก็แสดงสีหน้าเสียใจออกมาได้พอเหมาะพอเจาะ
หล่อนคือคนที่พยายามเข้าหาชายที่ตนรักเพราะความหลงใหล แต่สุดท้ายกลับต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารเพื่อไม่ให้ฝ่ายชายลำบากใจ
เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่เดิมทีสับสนในใจอยู่แล้ว แต่พอเห็นเจียงเพ่ยหลิงเป็นแบบนี้ เขาก็ใจอ่อน
“เป็นความผิดของฉันเองที่คิดไม่รอบคอบ พอดีว่ามู่หลานมาเซินเจิ้น เราเลยต้องกินข้าวด้วยกันที่บ้าน ไว้มีเวลาค่อยพาเธอไปเลี้ยงข้าวนะ”
“ค่ะ ไม่เป็นไร”
เจียงเพ่ยหลิงเป็นคนเข้าใจผู้อื่น ไม่ได้ยึดติดหรือเรียกร้องใด ๆ ทำให้เซี่ยเจ๋อเหว่ยยิ่งรู้สึกว่าตนเองทำให้หล่อนเสียใจ เพราะเป็นเขาเองที่สัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวหล่อน แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้วและต้องหาโอกาสใหม่
พอตกเย็น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็กลับไปก่อนและตรงไปที่ร้านอาหารรสชาติดีเพื่อสั่งให้เตรียมอาหารหลาย ๆ อย่าง แล้วให้ส่งตรงไปที่บ้านของตน
“พ่อ คุณอาฉินกลับมาแล้วเหรอครับ ผมเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว ลงมือกินได้เลย”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยพูดพลางจัดเตรียมอาหารที่ซื้อมา จากนั้นถาม “มู่หลานล่ะครับ น้องยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
เซี่ยเหวินปิงเห็นลูกชายคนโตเตรียมอาหารมื้อค่ำอันอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ ดีมาก เดิมทีพ่อก็ยังกังวลว่าตอนเย็นจะไม่มีกับข้าวอะไรเลี้ยงต้อนรับมู่หลานอยู่เหมือนกัน”
ฉินเจี้ยนเซ่อพูดขึ้น “ เจ๋อเหว่ยช่างใส่ใจจริงๆ เตรียมอาหารมาตั้งมากมายขนาดนี้”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “อาฉิน มู่หลานไม่ค่อยได้มาหาสักเท่าไหร่ ก็ต้องต้อนรับหล่อนให้ดีอยู่แล้ว “ พูดจบเขาก็ถามซ้ำอีกครั้ง “มู่หลานยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ?”
“หล่อนออกไปซื้อของแป๊บนึง เดี๋ยวก็คงกลับมา”
พูดจบ ฉินมู่หลานก็กลับมาพอดี โดยที่ในมือถือถุงผลไม้ถุงใหญ่อยู่ด้วย
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมองไปยังอาหารมากมายบนโต๊ะ “พี่ใหญ่ พี่นัดกินข้าวเย็นกับเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินดังนั้นรีบหันไปหาเซี่ยเจ๋อเหว่ยแล้วกล่าว “เจ๋อเหว่ย ถ้ามีนัดเอาไว้แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนกลับมาก็ได้นะ”
ส่วนเซี่ยเหวินปิงกลับขมวดคิ้วมองลูกชายคนโต ฉินมู่หลานมาหาแท้ ๆ ทำไมยังจะนัดกินข้าวกับเพื่อนอีก?
เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หน้าแดงก่ำขึ้นมา “ไม่มีนัดหรอกครับ พวกเราแค่พูดเล่นเฉย ๆ ไม่ได้จะออกไปกินข้าวกันจริง ๆ หรอกครับ” พูดจบเขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและชักชวนให้ทุกคนกินข้าว
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะวางผลไม้ลงแล้วก็เข้ามานั่งพร้อมกับฉินเจี้ยนเซ่อและคนอื่น ๆ
อาหารที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยจัดเตรียมไว้เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งปลิงทะเลผัดต้นหอม นกพิราบตุ๋นยาจีน ไปจนถึงหูฉลาม อาหารจานอื่น ๆ ที่เหลืออยู่บนโต๊ะก็ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น
เดิมทีฉินมู่หลานเกือบจะเชื่อแล้วว่าระหว่างเซี่ยเจ๋อเหว่ยกับเจียงเพ่ยหลิงไม่มีอะไรต่อกัน แต่พอเห็นเซี่ยเจ๋อเหว่ยมีท่าทางประหม่าและพยายามทำดีกลบเกลื่อน เธอกลับรู้สึกสงสารพี่สะใภ้ขึ้นมา เพราะท่าทางแบบนี้ของเซี่ยเจ๋อเหว่ยดูไม่น่าบริสุทธิ์ใจแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของฉินมู่หลานก็ไม่ค่อยดีนัก เอาแต่ก้มหน้ากินข้าว เพื่อไม่ให้ใครเห็นสีหน้าของเธอ
จนกระทั่งกินข้าวเสร็จ ฉินมู่หลานก็ตั้งใจจะกลับไปยังโรงแรมที่พัก
ฉินเจี้ยนเซ่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “มู่หลาน ลูกไม่ค้างที่นี่เหรอ”
“ครั้งนี้มีเหวินเชี่ยนกับเสี่ยวผิงมาด้วย ฉันเลยจะไปที่โรงแรมกับพวกหล่อนค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อรู้ว่าเหวินเชี่ยนกับชุยเสี่ยวผิงคอยตามปกป้องมู่หลาน เขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีกก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “อยู่กับเหวินเชี่ยนและเสี่ยวผิงก็ดีเหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้มาใหม่นะ”
“ค่ะ”
ว่าจบฉินมู่หลานก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ตื่นแต่เช้าและซื้ออาหารเช้าไปให้พ่อของเธอ
ฉินเจี้ยนเซ่อเห็นลูกสาวมาก็ยิ้มหน้าบาน เช่นเดียวกับเซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแย้มเช่นกัน แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยกลับไม่อยู่
“พี่ใหญ่ออกไปแต่เช้าทุกวันเลยเหรอคะ?”
เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าพูดว่า “พี่ใหญ่ขยันมาก ตื่นเช้าทุกวัน กลับดึกเกือบทุกวัน เหมือนกลับมานอนเฉย ๆ”
“พี่ใหญ่กลับดึกทุกวันเลยเหรอ?”
“ใช่ เจ๋อเหว่ยขยันมากจริง ๆ ตอนนี้เขาทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานสุด ๆ” ฉินเจี้ยนเซ่อพูดเสริมขึ้นมา และสิ่งที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นคำสรรเสริญชมเชยเซี่ยเจ๋อเหว่ย
แต่ฉินมู่หลานที่นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวานกลับอดสงสัยไม่ได้ว่าที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยกลับดึกดื่นทุกวันนั้นเป็นเพราะกำลังทำงานอยู่จริง ๆ เหรอ
“พี่ใหญ่ทำงานหนักเพื่อกิจการวัสดุก่อสร้างขนาดนี้ หนูต้องไปเยี่ยมเขาสักหน่อย”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า “ลูกไปดูก็ดีเหมือนกัน ลูกและเคอวั่งต่างเป็นหุ้นส่วนของตลาดวัสดุก่อสร้าง ก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์ในตลาดวัสดุก่อสร้างมากขึ้น จะได้ไปช่วยกันดูงาน”
“ได้ค่ะพ่อ หนูจะแวะไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฉินมู่หลานวางแผนเสร็จสรรพ หลังจากซื้ออาหารเช้าก็ไปที่ตลาดวัสดุก่อสร้างอีกครั้ง เมื่อวานเพิ่งจะได้คุยกับเซี่ยเจ๋อเหว่ยถึงสถานการณ์ในตลาดวัสดุก่อสร้าง แต่ยังไม่ได้ดูบัญชีในช่วงนี้ของตลาดวัสดุก่อสร้างเลย วันนี้เลยจะแวะไปดูเสียหน่อย พร้อมกับสังเกตเจียงเพ่ยหลิงไปด้วย
เธอควรจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อจะได้รู้จักทั้งตัวเธอเองและศัตรู
หลังจากฉินมู่หลานมาถึงตลาดวัสดุก่อสร้าง เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ประหลาดใจสุดขีด เพราะน้องสะใภ้เพิ่งจะมาเมื่อวาน แล้วเธอก็กลับมาอีกแล้ว “มู่หลาน เธอมาหาพี่เหรอ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ พี่ใหญ่ ฉันอยากแวะมาถามเรื่องบางอย่างแล้วก็จะดูบัญชีของร้านด้วย”
เมื่อได้ยินดังนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็อดที่จะงุนงงไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้มู่หลานไม่เคยขอตรวจบัญชีเลยสักครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ได้ เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้”
หลังจากที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยไปหยิบของแล้ว เจียงเพ่ยหลิงก็ยิ้มและเดินเข้ามาพูดว่า “เถ้าแก่ฉิน ให้ฉันพาคุณไปเดินชมก่อนไหมคะ ที่ร้านเพิ่งจะได้วัสดุใหม่ ๆ มาเยอะเลย”
ฉินมู่หลานกลับเหลือบมองหล่อนอย่างเย็นชาและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันให้พี่เฉินพาฉันไปดูก็ได้”
เฉินอวิ๋นเป็นพนักงานที่เพิ่งจ้างมาตอนที่ร้านวัสดุก่อสร้างเปิดใหม่ ๆ ฉะนั้นฉินมู่หลานจึงรู้จักหล่อน ก่อนที่เธอจะโบกมือเรียกแล้วก็ให้เฉินอวิ๋นแนะนำวัสดุใหม่ ๆ ในร้านให้ฟัง
เฉินอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาและพูดคุยแนะนำให้แก่ฉินมู่หลานอย่างยิ้มแย้ม
“เถ้าแก่ฉิน เชิญทางนี้ค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานและเฉินอวิ๋นค่อย ๆ เดินหายไป เจียงเพ่ยหลิงก็มีสีหน้าไม่พอใจ เพราะรู้สึกได้ว่าฉินมู่หลานคนนี้จงใจกลั่นแกล้งตนอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไปถึงขั้นไหนกันแล้วสองคนนี้ จะถอนตัวทันหรือจะบ้านแตกก่อนกันนะ
ยัยเจียง คนสวยจริงๆ เขาไม่ยุ่งกับสามีชาวบ้านนะคะ เผื่อเธอไม่รู้
ไหหม่า(海馬)